คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2551/52 (เพิ่มเติมครั้งที่ 2) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ได้แก่ การขยายปริมาณรับจำนำ ขยายระยะเวลารับจำนำ ดังนี้
(1) ขยายปริมาณรับจำนำจากเดิม 750,000 ตัน เป็น 1,500,000 ตัน โดยจัดสรรโควตารับจำนำให้กับจังหวัดตามสัดส่วนผลผลิตคงเหลือ
(2) ขยายระยะเวลารับจำนำจากเดิมสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2552 เป็นสิ้นสุด 31 มีนาคม 2552 โดยคงราคารับจำนำกก.ละ 8.50 บาท และวงเงินจำนำรายละไม่เกิน 100,000 บาท สำหรับวงเงินค่าใช้จ่ายในการรับจำนำให้ใช้จากวงเงินกู้สำหรับการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวและผลผลิตทางการเกษตร วงเงิน 110,000 ล้านบาท และจากกรอบวงเงินเพิ่มเติมสำหรับการรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร วงเงิน 13,580.75 ล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้แล้ว ทั้งนี้ ที่ประชุมมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ) รับไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงบประมาณ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาแนวทางการดำเนินการและการบริหารจัดการด้านการเงินให้เหมาะสมต่อไป
ข้อเท็จจริง
1. ข้อเรียกร้องของเกษตรกร หลังจากองค์การคลังสินค้าหยุดรับจำนำ(16 ธันวาคม 2551)
เกษตรกรได้ชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้ขยายการดำเนินโครงการฯ อีก ซึ่ง ณ 22 ธันวาคม 2551 คงเหลือผลผลิตในแหล่งผลิตอยู่ประมาณ 2.060 ล้านตันและเกษตรกรได้นำผลผลิตฝากเก็บไว้ ณ จุดรับจำนำจำนวนมากก่อนคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2551 หลังจากดำเนินการรับจำนำเพิ่มเติมตามมติคณะรัฐมนตรีแล้ว ยังมีการชุมนุมประท้วงเรียกร้องในหลายจังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ นครราชสีมา แม่ฮ่องสอน ลำปาง อุตรดิตถ์ ชัยภูมิ ตาก ฯลฯ โดยขอให้ขยายปริมาณรับจำนำจากเดิม 750,000 ตัน เป็น 1,000,000 ตัน ขยายระยะเวลารับจำนำจากเดือนกุมภาพันธ์เป็นเดือนมีนาคม 2552 และขยายวงเงินจำนำจาก รายละไม่เกิน 100,000 บาท เป็นรายละไม่เกิน 350,000 บาท ซึ่งจากการรายงานปริมาณผลผลิตคงเหลือของจังหวัด ปรากฎว่า ณ วันที่ 28 มกราคม 2552 คงเหลือผลผลิตประมาณ 1.260 ล้านตัน
2. ผลการรับจำนำรวม (11 พ.ย. 51 — 12 ก.พ.52)
(1) รอบแรก (500,000 ตัน) อคส.เปิดจุดรับจำนำข้าวโพดตั้งแต่ 11 พฤศจิกายน 2551 — 15 ธันวาคม 2551 ปริมาณรับจำนำรวม 635,458 ตัน ใน 20 จังหวัดประกอบด้วย จ. อุทัยธานี น่าน เพชรบูรณ์ แพร่ อุตรดิตถ์ ชัยนาท พิษณุโลก ตาก กำแพงเพชร นครสวรรค์ พะเยา ลำพูน เชียงใหม่ เชียงราย นครราชสีมา ลพบุรี สระบุรี เลย หนองบัวลำภูและชัยภูมิ และวันที่ 16 ธันวาคม 2551 อคส.หยุดรับจำนำ เนื่องจากรับจำนำเกินเป้าหมายก่อนครบกำหนดเวลา
(2) รอบสอง (250,000 ตัน) อคส.ได้เปิดรับจำนำตั้งแต่ 16 มกราคม 2552 ผลการรับจำนำถึงวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2552 รวม 124,991 ตันโดยเปิดจุดรับจำนำเพิ่มจากเดิมอีก 3 จังหวัด ได้แก่ จ. ศรีสะเกษ สุพรรณบุรีและแม่ฮ่องสอน ทั้งนี้ ปริมาณรับจำนำตั้งแต่ 11 พฤศจิกายน 2551 - 12 กุมภาพันธ์ 2552 รวมทั้งหมด 760,489 ตัน
3. ปริมาณข้าวโพดที่รับจำนำที่เกินเป้าหมาย 500,000 ตัน
การรับจำนำข้าวโพดรอบแรกช่วงวันที่ 14-15 ธันวาคม 2551 เป็นปริมาณที่เกินเป้าหมาย 500,000 ตัน(ตามมติคณะรัฐมนตรีวันที่ 28 ตุลาคม 2551) จะต้องดำเนินการตามมติ ครม. 30 ธันวาคม 2551 ซึ่งตามตัวเลขรายงานขององค์การคลังสินค้าที่ออกใบประทวนแล้วประมาณ 86,385 ตัน ในขณะที่ตามตัวเลขรายงานของจังหวัดประมาณ 145,654 ตัน ซึ่งในรายที่จำนำเกินวงเงินรายละ 100,000 บาท จะต้องตรวจสอบว่าเป็นข้าวโพดที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเกษตรกร การดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องนี้ คณะกรรมการ คชก. มีมติให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบปริมาณรับจำนำให้ถูกต้อง ชัดเจน ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
4. แผนการระบายข้าวโพดที่รับจำนำ
กระทรวงพาณิชย์กำหนดแผนการระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่รับจำนำโดยการจำหน่ายเพื่อส่งออกไปต่างประเทศทั้งหมด และกำหนดเป้าหมายแรกที่จะเร่งระบายจำนวน 450,000 ตัน เพื่อลดปริมาณสต็อคส่วนเกิน กระตุ้นราคาในประเทศที่ปัจจุบันยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำและลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 --จบ--