คณะรัฐมนตรีเห็นชอบการเสียภาษีสลากบำรุงกาชาดไทย ตามความเห็นของกระทรวงการคลังที่เห็นชอบตามที่สภากาชาดไทยเสนอ ให้สภากาชาดไทย เหล่ากาชาดจังหวัดหรือกิ่งกาชาดอำเภอ/กิ่งเภอ ซึ่งเป็นตัวแทนของสภากาชาดไทยผู้รับใบอนุญาตจัดให้มีการเล่นการพนันสลากกินแบ่งหรือสลากบำรุงกาชาดไทยในปีนี้และปีต่อๆ ไป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อนำรายได้มอบให้สภากาชาดไทยฯ ไปใช้ในกิจการสาธารณกุศล เสียภาษีในอัตราร้อยละ 0.5 แห่งยอดราคาสลากซึ่งมีผู้รับซื้อก่อนหักรายจ่าย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้สภากาชาดไทยสามารถดำเนินการและมีรายได้ เพื่อการใช้จ่ายในด้านการแพทย์ การสาธารณสุข และการบรรเทาทุกข์ผู้ป่วย ผู้ประสบภัย และผู้ยากไร้ให้มีสภาพความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อันจะเป็นการช่วยลดภาระงบประมาณรายจ่ายของภาครัฐในส่วนหนึ่งลงได้
สำหรับภาระภาษีกรณีการจำหน่ายสลากบำรุงกาชาดไทยในส่วนของกรมสรรพากร กระทรวงการคลังมีดังนี้
1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เงินได้พึงประเมินจากรางวัลสลากบำรุงกาชาดไทย เงินได้จากการขายหรือส่วนลดจากการซื้อสลากบำรุงกาชาดไทย ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 42(18) แห่งประมวลรัษฎากร
2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล สภากาชาดไทยมีฐานะเป็นนิติบุคคล มีการดำเนินการอันเป็นสาธารณกุศลเพื่อมนุษยธรรมตามหลักการของกาชาดสากล และพึงได้รับการสนับสนุนการดำเนินการจากรัฐ ตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยสภากาชาดไทย พุทธศักราช 2461 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมตามพระราชบัญญัติ ว่าด้วยสภากาชาดไทย (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2550 ไม่เข้าลักษณะเป็นบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล ตามมาตรา 39 แห่งประมวลรัษฎากร จึงไม่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล
3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ประกอบการที่มีรายรับจากการขายสลากบำรุงกาชาดไทยได้รับยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามมาตรา 3(2) แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 239) พ.ศ. 2534
4. อากรแสตมป์ ใบรับรางวัลสลากบำรุงกาชาดไทย ผู้ออกใบรับหรือผู้ถูกรางวัลไม่อยู่ในข่ายต้องเสียอากรแสตมป์ ตามลักษณะแห่งตราสาร 28(ก) บัญชีอัตราอากรแสตมป์
ดังนั้น ในการจำหน่ายสลากบำรุงกาชาดไทยจึงไม่มีภาระภาษีอากรแต่อย่างใด
ทั้งนี้ สภากาชาดไทยได้กำหนดจัดงานกาชาดประจำปี 2552 ในวันที่ 30 มีนาคม ถึงวันที่ 7 เมษายน 2552 รวม 9 วัน ณ บริเวณสวนอัมพร ลานพระบรมรูปทรงม้า สนามหน้าที่ทำการสำนักพระราชวัง (สนามเสือป่า) ถนนศรีอยุธยา ด้านฝั่งแยกพล 1 ด้านฝั่งวัดเบญจมบพิตร และถนนราชดำเนินนอก เพื่อหารายได้โดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 3 มีนาคม 2552 --จบ--