คณะรัฐมนตรีรับทราบมาตรการกำกับดูแลสินค้าสำคัญ 200 รายการ และบริการ 20 รายการ ประจำเดือนมีนาคม 2552 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า
1. จากภาวะราคาน้ำมันเชื้อเพลิงมีแนวโน้มสูงขึ้นโดยตลอดตั้งแต่ปี 2546 ซึ่งรัฐบาลคาดว่าอาจมีผลกระทบต่อราคาสินค้า กระทรวงพาณิชย์ได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในจัดทำมาตรการรองรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งกรมการค้าภายในได้กำหนดมาตรการติดตามดูแลราคาสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งในระดับต้นทาง (ราคาโรงงาน) และปลายทาง (ราคาขายปลีก) เพื่อให้ราคาสินค้าอยู่ในระดับที่เหมาะสมเป็นธรรมมิให้มีการฉวยโอกาสและป้องกันมิให้มีการผูกขาดตัดตอนทางการค้า โดยได้แบ่งกลุ่มสินค้าและบริการที่จะต้องจัดระดับความสำคัญเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1.1 กลุ่มที่ 1 ระดับ Sensitive List (SL) เป็นสินค้าและบริการที่มีความอ่อนไหวเป็นพิเศษต้องติดตามราคาและภาวะทั้งในประเทศและต่างประเทศเป็นประจำทุกวัน พร้อมทั้งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบราคาจำหน่ายเข้มงวดและต่อเนื่องในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และหากเกิดภาวะวิกฤตอาจกำหนดมาตรการเพิ่มเติม เช่น 1) กำหนดรายการสินค้าและบริการควบคุมเพิ่มเติม 2) ควบคุมราคาจำหน่ายอย่างเข้มงวด 3) กำหนดให้มีการปันส่วนสินค้า และ 4) จัดหาสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพและจัดระบบการจำหน่ายให้มีสินค้าเพียงพอกับความต้องการ
1.2 กลุ่มที่ 2 ระดับ Priority Watch List (PWL) เป็นสินค้าและบริการที่ต้องติดตามภาวะและสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นพิเศษสัปดาห์ละ 2 ครั้ง โดยให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบราคาจำหน่าย และหากเกิดภาวะวิกฤตอาจกำหนดมาตรการเพิ่มเติม เช่น 1) เชื่อมโยงให้ผู้จำหน่ายปลีกรับสินค้าโดยตรงจากผู้ผลิต/จำหน่าย 2) จัดระบบการผลิตและจำหน่ายสินค้า รวมถึงสินค้าที่เป็นปัจจัยการผลิต 3) ป้องกันมิให้เกิดการกักตุนสินค้า
1.3 กลุ่มที่ 3 ระดับ Watch List (WL) เป็นสินค้าที่มีการติดตามภาวะและสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเป็นประจำทุกปักษ์
2. กรมการค้าภายในได้ประเมินและคาดการณ์แนวโน้มของสถานการณ์ด้านราคาและปริมาณของสินค้าและบริการในแต่ละช่วงเวลาเป็นประจำทุกเดือน โดยจัดระดับความสำคัญของสินค้าใน 3 กลุ่ม เพื่อกำกับดูแลสินค้าบางรายการอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสินค้าที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Sensitive List (SL) และได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2546 โดยมีรายการสินค้า 73 รายการ และบริการ 20 รายการ และได้พิจารณาปรับเพิ่มรายการสินค้าเป็น 200 รายการ และคงบริการ 20 รายการ ในช่วงเดือนตุลาคม 2549 จนถึงปัจจุบันสำหรับในเดือนมีนาคม 2552 ได้จัดระดับความสำคัญของสินค้ากลุ่มต่างๆ ไว้ดังนี้
2.1 กลุ่ม Sensitive List (SL) มีสินค้า 5 รายการ ที่จะต้องติดตามดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษ ได้แก่ (1) อาหารปรุงสำเร็จเนื่องจากวัตถุดิบในการประกอบอาหารซึ่งมีเนื้อสัตว์ พืชผักและสิ่งปรุงรสต่าง ๆ มีแนวโน้มสูงขึ้นโดยตลอด (2) น้ำมันพืชเนื่องจากราคาวัตถุดิบทั้งน้ำมันปาล์มดิบและถั่วเหลืองยังมีความผันผวนทั้งสูงขึ้นและลดลงอาจมีปัญหาด้านต้นทุน โดยปัจจุบันยังไม่มีปัญหาด้านปริมาณ (3) ปุ๋ยเคมีเนื่องจากราคาวัตถุดิบสูงขึ้นและเริ่มเข้าสู่ฤดูเพาะปลูก (4) น้ำมันเบนซินและ (5) น้ำมันดีเซลเนื่องจากเป็นสินค้าที่ราคามีความผันผวนและเป็นต้นทุนส่วนหนึ่งในด้านการบริหารจัดการของธุรกิจและค่าขนส่งสินค้าและบริการ 1 รายการได้แก่ บริการรับส่งสินค้า เอกสาร หรือพัสดุภัณฑ์ รับส่งโทรสาร สืบเนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและส่งผลต่อราคาสินค้า
2.2 กลุ่ม Priority Watch List (PWL) สินค้า 10 รายการ ได้แก่ (1) นมผง (2) นมข้นหวาน (3) ครีมเทียมข้นหวาน (4) สายไฟฟ้า เนื่องจากราคานำเข้านมผงขาดมันเนยซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์นม และทองแดงที่ใช้ในการผลิตสายไฟฟ้ามีราคาลดลงบ้างแล้วจากที่เคยปรับสูงขึ้นมากในปี 2550-2551 แต่ปัจจุบันราคายังคงอยู่ในระดับสูง (5) ปูนซีเมนต์เนื่องจากราคาถ่านหินที่เป็นพลังงานสำคัญอยู่ในระดับสูง (6) เหล็กแผ่นเคลือบดีบุก (7) เหล็กแผ่นเคลือบโครเมียม (8) เหล็กเส้น (9) เหล็กโครงสร้างรูปพรรณ และ (10) เหล็กแผ่น (รีดร้อน รีดเย็น และสแตนเลส) ราคาวัตถุดิบลดลง แต่ขณะนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลก่อสร้าง และบางชนิดใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตภาชนะบรรจุ (เหล็กแผ่นเคลือบ) ซึ่งจะต้องใช้มากในช่วงที่ผลไม้ออกสู่ตลาดมาก จำเป็นต้องเร่งระบายทั้งการจำหน่ายสดและบรรจุกระป๋อง จึงคาดว่าความต้องการใช้จะเพิ่มขึ้น และบริการ 1 รายการ ได้แก่ บริการซ่อมรถซึ่งมักมีปัญหาและได้รับการร้องเรียนอยู่เสมอ
2.3 กลุ่ม Watch List (WL) สินค้า 185 รายการและบริการ 18 รายการ ได้พิจารณาเห็นว่าเป็นกลุ่มสินค้าที่ราคาสินค้าเคลื่อนไหวเป็นปกติ ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะมีปัญหาทั้งด้านราคาและปริมาณสินค้าที่จำหน่ายซึ่งจะทำการติดตามตามปกติ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 7 เมษายน 2552 --จบ--