คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์ รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยใน 2 เดือนแรกของปี 2552 (มกราคม-กุมภาพันธ์) สรุปได้ดังนี้
1. การส่งออก
การส่งออก มีมูลค่า 11,735.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 11.3 การส่งออกปรับตัวดีขึ้นจากเดือน มกราคมที่ลดลงถึงร้อยละ 26.5 และเมื่อคิดในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 406,990.1 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6.5
สินค้าส่งออก ส่งออกยังคงลดลงในทุกหมวด โดยสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญ ลดลงร้อยละ 10.5 สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญลดลงร้อยละ 6.7 และสินค้าอื่น ๆ ลดลงร้อยละ 31.1
สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญ การส่งออกข้าว กุ้ง ไก่ อาหารอื่นๆ และน้ำตาล มีการขยายตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ส่วนการส่งออกสินค้าเกษตรอื่นๆ ยังคงลดลงตามความต้องการในตลาดโลกที่ลดลง การแข่งขันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
- สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ข้าว มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 ปริมาณลดลงร้อยละ 15.6 กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.0 และ 7.9 ตามลำดับ ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.0 ปริมาณลดลงร้อยละ 8.1 และ อาหารอื่น ๆ ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.0 และ 13.7 ตามลำดับ และ น้ำตาล ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9 และ 29.7 ตามลำดับ
- สินค้าที่ส่งออกลดลง ได้แก่ ยางพารา มูลค่าลดลงร้อยละ 37.6 ปริมาณเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.5 ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ปริมาณและมูลค่าลดลงร้อยละ 25.9 และ 40.9 ตามลำดับ อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป(ไม่รวมกุ้ง) ปริมาณและมูลค่าลดลงร้อยละ 8.3 และ 11.9 ตามลำดับ และ ผัก ผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ปริมาณและมูลค่าลดลงร้อยละ 5.1 และ 4.6 ตามลำดับ
สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ มีบางกลุ่มการส่งออกขยายตัวสูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา แต่ส่วนใหญ่ส่งออกลดลง โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า และยานยนต์
- สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ อัญมณี เพิ่มขึ้นร้อยละ 402.7 โดยเป็นการส่งออกทองคำที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 1,148 เครื่องสำอาง เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 อาหารสัตว์เลี้ยง เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.7 และผลิตภัณฑ์เภสัช/เครื่องมือแพทย์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.2
สินค้าอื่น ๆ ลดลงร้อยละ 31.1 ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันดิบ และเครื่องจักรกลและส่วน ประกอบลดลงร้อยละ 60.4 , 49.7 และ 23.0 ตามลำดับ
ปัจจัยที่มีผลทำให้การส่งออกลดลง ได้แก่
1) ความต้องการในตลาดโลกที่ยังมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดส่งออกหลัก คือ สหรัฐฯ สหภาพยุโรป และ ญี่ปุ่น เนื่องจากเศรษฐกิจมีแนวโน้มถดถอยมากขึ้น และส่งผลกระทบที่รุนแรงและเป็นวงกว้างมากขึ้นเป็นลำดับไปยังเศรษฐกิจของตลาดอื่น ๆ ให้ชะลอตัวหรือถดถอยตามไปด้วย รวมทั้งผู้ซื้อในต่าง ประเทศที่ยังมีสต็อคคงเหลือ ชะลอการสั่งซื้อหรือหยุดการสั่งซื้อชั่วคราวเพื่อรอดูสถานการณ์มากขึ้น มีการต่อรองเพื่อขอลดราคาสินค้า รวมทั้งมีการยกเลิกคำสั่งซื้อบางส่วน
2) ปัญหาการขาดสภาพคล่องของผู้ส่งออกของไทย เนื่องจากผู้ซื้อในต่างประเทศได้รับผลกระทบ จากวิกฤตทางการเงินและเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น มีการขอยืดระยะเวลาในการชำระเงิน ขอเลื่อนการส่งมอบมากขึ้น ผู้ส่งออกของไทยลังเลที่จะรับคำสั่งซื้อใหม่ๆ ทั้งจากผู้ซื้อรายเดิม ผู้ซื้อรายใหม่ หรือผู้ซื้อในตลาดใหม่ ๆ มากขึ้น เนื่องจากไม่แน่ใจว่าจะได้รับการชำระเงินค่าสินค้า รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการซื้อประกันการชำระเงินก็เป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของผู้ส่งออก
3) ราคาสินค้าในตลาดโลกที่ยังมีแนวโน้มที่ลดลงต่อเนื่อง ทั้งสินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง สินค้าอาหารประเภท อาหารทะเล กุ้ง ผักผลไม้ และไก่ น้ำมัน เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ และเหล็กและเหล็กกล้า เนื่องจากความต้องการในตลาดโลกที่มีแนวโน้มลดลง การเก็งกำไรที่ลดไปอย่างมาก และการแข่งขันทางการค้าที่มีความรุนแรงมากขึ้น เนื่องจากทุกประเทศต่างก็พยายามเร่งรัดผลักดัน การส่งออกเพื่อเป็นการบรรเทาและแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ
ตลาดส่งออก ตลาดหลักลดลงร้อยละ 29.8 ขณะที่ตลาดใหม่กลับมาส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.3
- ตลาดหลัก ส่งออกลดลงต่อเนื่องในทุกตลาด คือ อาเซียน(5) สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และ สหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 33.2 , 31.3 , 28.8 และ 24.8 ตามลำดับ
- ตลาดใหม่
ตลาดใหม่ ที่เพิ่มขึ้นได้แก่ ออสเตรเลีย เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.7 ฮ่องกง เพิ่มขึ้นร้อยละ 274 ตะวันออกกลาง เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.6 รวมทั้งสวิตเซอร์แลนด์ที่ส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 1,083 โดยเป็นการเพิ่มขึ้นของการส่งออกทองคำที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 5,106
การส่งออกในระยะ 2 เดือนแรกของปี 2552
การส่งออก มีมูลค่า 22,231.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 19.2 และเมื่อคิดในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 767,107.8 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 16.0
สินค้าส่งออก ส่งออกลดลงในทุกหมวด โดยสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญลดลงร้อยละ 18.4 สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญลดลงร้อยละ 15.9 และสินค้าอื่น ๆ ลดลงร้อยละ 33.0
- สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญ ส่วนใหญ่ส่งออกลดลงตามความต้องการในตลาดโลกที่ลดลง ยกเว้น กุ้ง ไก่ อาหารอื่น ๆ และ น้ำตาล ที่การส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้น
- สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ส่งออกลดลงในภาพรวม ยกเว้นอัญมณี เครื่องสำอาง อาหาร สัตว์เลี้ยง และ ผลิตภัณฑ์เภสัช/เครื่องมือแพทย์ที่ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 170.3 , 0.9 , 5.9 และ 12.0 ตามลำดับ โดย อัญมณีเป็นการส่งออกทองคำที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 388.6
ตลาดส่งออก ตลาดหลักลดลงร้อยละ 29.0 ขณะที่ตลาดใหม่ลดลงเพียงร้อยละ 8.7 ยกเว้นออสเตรเลียและสวิตเซอร์แลนด์ที่ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.1 และ 505.3 ตามลำดับ
2. การนำเข้า
การนำเข้าเดือนกุมภาพันธ์ 2552
การนำเข้า มีมูลค่า 8,158.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อนลดลงร้อยละ 40.3 และเมื่อคิดในรูปเงินบาทมีมูลค่า 285,965.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 37.1
สินค้านำเข้า สินค้านำเข้าสำคัญมีการนำเข้าลดลงทุกหมวดสินค้าดังนี้
(1) สินค้าเชื้อเพลิง ลดลงร้อยละ 56.0 สินค้าสำคัญ ได้แก่น้ำมันดิบ ปริมาณ 22.86 ล้านบาร์เรล (737,481 บาร์เรลต่อวัน) มูลค่า 1,052.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปริมาณและมูลค่าลดลงร้อยละ 10.7 และ 56.3 ตามลำดับ สาเหตุจากความต้องการใช้ภายในประเทศปรับลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและราคาน้ำมันดิบปรับลดลง
(2) สินค้าทุน ลดลงร้อยละ 16.1 สินค้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ลดลงร้อยละ 14.1 เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ลดลง ร้อยละ 35.2 เนื่องจากการลงทุนชะลอตัว เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ลดลงร้อยละ 32.5 เพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ ที่เกิดขึ้นในตลาดส่งออกสำคัญของไทย
(3) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ลดลงร้อยละ 48.8 (เพราะได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในตลาดส่งออก ทำให้การลงทุนชะลอตัว สินค้าที่นำเข้ามาสำหรับการผลิตเพื่อการส่งออกลดลง สินค้าสำคัญ ได้แก่ อุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ลดลงร้อยละ 41.5 เคมีภัณฑ์ ลดลงร้อยละ 56.2 เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ปริมาณ ลดลงร้อยละ 79.2 มูลค่าลดลงร้อยละ 57.0 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทำให้อุตสาหกรรมต่อเนื่องที่ใช้เหล็กเป็นวัตถุดิบลดกำลังการผลิต เช่นอุตสาหกรรมยานพาหนะและส่วนประกอบ เหล็กและผลิตภัณฑ์ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ทองคำ ปริมาณและมูลค่าลดลงร้อยละ 91.9 และ 87.2 ตามลำดับ การนำเข้าทองคำลดลงมากทั้งปริมาณและมูลค่าเป็นไปตามอุป-สงค์ภายในประเทศที่ลดลง และราคาทองคำในตลาดโลกสูงขึ้น
(4) สินค้าอุปโภคบริโภค ลดลงร้อยละ 21.0 การนำเข้ามีมูลค่าลดลงตามสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย ทำให้ผู้บริโภคมีความระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น สินค้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เช่น เครื่องรับวิทยุโทรศัพท์ โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า เป็นต้น ลดลงร้อยละ 25.7 เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด เช่น เครื่องใช้ในครัวและโต๊ะอาหาร กระเป๋า เป็นต้น ลดลงร้อยละ 24.2 ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เช่น ยารักษาโรค วิตามิน ฮอร์โมน และฟิล์มที่ใช้ทางเวชกรรม ศัลยกรรม เป็นต้น เป็นสินค้าที่ยังจำเป็นต่อสุขภาพ ลดลงร้อยละ 9.8
(5) สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง ลดลงร้อยละ 45.4 สินค้าสำคัญ ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ลดลงร้อยละ 50.8 ส่วนประกอบและอุปกรณ์จักรยานยนต์และรถจักรยาน ลดลงร้อยละ 6.6 รถยนต์นั่ง ลดลงร้อยละ 23.1 รถยนต์โดยสารและรถบรรทุก ลดลงร้อยละ 53.4
การนำเข้าในระยะ 2 เดือนแรกของปี 2552
การนำเข้า มีมูลค่า 17,277.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปี 255 ขยายตัวลดลงร้อยละ 38.9
สินค้านำเข้าสำคัญ ลดลงทุกหมวดสินค้าดังนี้ สินค้าเชื้อเพลิง ลดลงร้อยละ 54.8 สินค้าทุน ลดลงร้อยละ 23.8 สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ลดลงร้อยละ 45.3 กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค ลดลงร้อยละ 19.4 สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง ลดลงร้อยละ 32.1
3. ดุลการค้า
ดุลการค้าเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ไทยเกินดุลการค้า 3,576.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อเทียบกับกุมภาพันธ์ 2551 ไทยขาดดุลการค้ามูลค่า 439.7 ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนในรูปเงินบาท ไทยเกินดุลการค้ามูลค่า 121,024.6 ล้านบาท เมื่อเทียบกับกุมภาพันธ์ 2551 ไทยขาดดุลการค้ามูลค่า 18,982.1 ล้านเหรียญสหรัฐ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 7 เมษายน 2552 --จบ--