สรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องเรียนจากประชาชน

คณะรัฐมนตรีรับทราบสรุปผลการดำเนินการเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 ตามที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเสนอ และมอบหมายให้ทุกกระทรวงติดตามผลการดำเนินการเรื่องร้องเรียนที่อยู่ในความรับผิดชอบอย่างต่อเนื่องต่อไป

สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ประมวลผลสถิติการร้องเรียน และผลการดำเนินการเรื่องร้องเรียนจากประชาชนที่มีมาถึง นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณ พ.ศ. 2552 (ตุลาคม — ธันวาคม 2551) สรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้

1. สถิติการใช้บริการร้องเรียนของประชาชนจำแนกตามช่องทางการร้องเรียน โดยเรียงลำดับจากช่องทางที่ใช้บริการมากที่สุด

จากสถิติการใช้บริการการร้องเรียนดังกล่าวพบว่า ในไตรมาสที่ 1 ประชาชนได้ใช้บริการการร้องเรียนผ่านช่องทางสายด่วนของรัฐบาล 1111 มากที่สุด รองลงมาคือ ช่องทางเว็บไซต์ (www.1111.go.th) และช่องทางตู้ ปณ. 1111/ไปรษณีย์/โทรสาร ตามลำดับ

ทั้งนี้ การมีช่องทางรับเรื่องร้องเรียนหลายช่องทาง เพื่ออำนวยความสะดวกและเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มได้มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ยื่นเรื่องร้องทุกข์ ร้องเรียน แจ้งเบาะแส รวมทั้งตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ ซึ่งเมื่อพิจารณาจากสถิติการใช้บริการการร้องเรียนของประชาชนที่ผ่านมาพบว่า ปริมาณการใช้บริการการร้องเรียนของประชาชนที่เพิ่มขึ้นมีผลมาจากปัจจัยหลายประการ เช่น เสถียรภาพของรัฐบาล ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาล สภาพเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เป็นต้น

2. สถิติจำนวนเรื่องร้องเรียนและผลการดำเนินการเรื่องร้องเรียนจำแนกตามรายจังหวัดโดยเรียงลำดับจากจังหวัดที่มีการร้องเรียนมากที่สุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร จำนวน 3,391 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 15.98 รองลงมาเป็นจังหวัดนนทบุรี จำนวน 347 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 1.64 และจังหวัดสมุทรปราการ จำนวน 325 เรื่อง คิดเป็น ร้อยละ 1.53 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นปัญหาเกี่ยวกับสาธารณูปโภคและปัญหาด้านสังคม เป็นต้น

ส่วนจังหวัดที่มีจำนวนเรื่องร้องเรียนน้อยที่สุดได้แก่ จังหวัดมุกดาหาร จำนวน 10 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 0.05 ถัดขึ้นไปเป็นจังหวัดระนองและจังหวัดแม่ฮ่องสอน จำนวนจังหวัดละ 11 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 0.05 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด

ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีผลต่อจำนวนเรื่องร้องเรียนได้แก่ จำนวนประชากร จำนวนสถานประกอบการ และความเจิรญเติบโตของเมือง เป็นต้น

3. สถิติจำนวนเรื่องร้องเรียนและผลการดำเนินการเรื่องร้องเรียนจำแนกตามรายกระทรวง โดยเรียงลำดับจากกระทรวงที่มีการร้องเรียนมากที่สุด ได้แก่ กระทรวงการคลัง จำนวน 371 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 27.92 ส่วนใหญ่เป็นปัญหาเรื่องหนี้สิน รองลงมา คือ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จำนวน 173 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 13.02 ส่วนใหญ่เป็นปัญหา ผลผลิตทางการเกษตร และหนี้สินเกษตรกร ถัดไปเป็นกระทรวงแรงงาน จำนวน 135 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 10.16 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นเรื่องการของานทำ และแรงงานสัมพันธ์ เป็นต้น

โดยกระทรวงที่ไม่มีเรื่องร้องเรียนเลย ได้แก่ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ส่วนกระทรวงที่มีจำนวนเรื่องร้องเรียนน้อยที่สุด ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา จำนวน 1 เรื่อง ถัดไปเป็นกระทรวงวัฒนธรรม จำนวน 3 เรื่อง

ทั้งนี้ ปัจจัยที่มีผลต่อจำนวนเรื่องร้องเรียน ได้แก่ สภาพปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง รวมทั้งขอบเขตอำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน และจำนวนประชาชนผู้รับบริการในแต่ละกระทรวง เป็นต้น

4. สถิติจำนวนเรื่องร้องเรียนและผลการดำเนินการเรื่องร้องเรียน จำแนกตามประเภทเรื่องหลักที่มีการร้องเรียนมากที่สุด ได้แก่ การเมือง — การปกครอง จำนวน 10,150 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 47.83 รองลงมาเป็นสังคมและสวัสดิการ จำนวน 8,343 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 39.32 และเศรษฐกิจ จำนวน 1,602 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 7.55 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด

สำหรับประเด็นเรื่องรองที่มีจำนวนเรื่องร้องเรียนมากที่สุด 5 ลำดับแรก ได้แก่ ประเด็นเรื่องการเมือง จำนวน 6,282 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 29.61 ส่วนใหญ่เป็นเสนอความคิดเห็นด้านการเมือง รองลงมาเป็นประเด็นเรื่องสาธารณูปโภค จำนวน 3,577 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 16.86 ส่วนใหญ่เป็นการบริการขนส่งทางบก ไฟฟ้า และถนน เป็นต้น ลำดับที่ 3 เป็นประเด็นเรื่องกล่าวโทษหรือร้องเรียนเจ้าหน้าที่ของรัฐ จำนวน 2,836 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 13.37 ลำดับที่ 4 เป็นประเด็นเรื่องสังคมเสื่อมโทรม จำนวน 1,672 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 7.88 ส่วนใหญ่เป็นการแจ้งเหตุเดือดร้อนรำคาญ และลำดับที่ 5 เป็นประเด็นเรื่องการพนัน จำนวน 547 เรื่อง คิดเป็นร้อยละ 2.58 ของจำนวนเรื่องร้องเรียนทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นการแจ้งเบาะแสบ่อนการพนัน เป็นต้น

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 21 เมษายน 2552 --จบ--