สรุปผลการดำเนินงานสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาการเกษตร

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday April 29, 2009 13:59 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (กฟก.) รายงานสรุปผลการดำเนินงานของสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม 2551 ถึงวันที่ 10 มีนาคม 2552 ดังต่อไปนี้

1. ด้านการบริหารสำนักงาน

1.1 ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารสำนักงาน โดยกระจายบุคลากรตามที่มีอยู่ในโครงสร้างเดิมซึ่งกระจุกตัวอยู่ในจังหวัดที่ตั้งสำนักงานสาขา 31 สาขา ให้กระจายพนักงานทั้งระดับบริหารและปฏิบัติการ ไปอยู่ในพื้นที่บริการแก่เกษตรกรสมาชิก 76 จังหวัด นับตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2551 ทั้งนี้เพื่อให้มีพื้นที่บริการครอบคลุมทั่วประเทศให้เกิดความสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายในการเดินทางของเกษตรกรสมาชิก

1.2 ได้ปรับปรุงระบบบริหารสำนักงานใหม่ โดยจัดให้มีการทำแผนแม่บทการบริหารบุคคล และวางระบบบัญชี การเงิน และงบประมาณ เพื่อให้สามารถรายงานงบดุลต่อคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาได้ ขณะนี้สามารถปิดงบการเงินกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรได้ถึงปีงบประมาณ 2549 แล้ว และในช่วงที่ รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ รักษาการในตำแหน่งเลขาธิการสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ดำรงตำแหน่ง ได้มีการเร่งรัดให้ทำคำชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) จน สตง. ได้มีการรับรองงบการเงิน ปีงบประมาณ 2547 และ 2548 แล้ว ส่วนงบการเงินปีงบประมาณ 2549 ได้ดำเนินการแล้วเสร็จแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจรับรองจาก สตง.

1.3 ได้ปรับปรุงระเบียบ หลักเกณฑ์ ที่เป็นอุปสรรคในการปฏิบัติงาน โดยเฉพาะระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการปรับปรุงประสิทธิภาพบุคลากรและการใช้จ่ายงบประมาณของกองทุนเพื่อให้เกิดการประหยัดงบประมาณรายจ่ายโดยมีการเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานขึ้นประกอบด้วย

1) ระเบียบคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ว่าด้วย ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายตามภาระผูกพันของกองทุน พ.ศ. ....

2) ระเบียบกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ว่าด้วย ค่าเบี้ยประชุม ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก ค่าพาหนะ และค่าใช้จ่ายอย่างอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการและกรรมการบริหาร พ.ศ. 2552

3) ระเบียบคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ว่าด้วย ค่าเบี้ยประชุม ค่าพาหนะ ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเช่าที่พัก ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร พ.ศ. ....

4) ระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรว่าด้วย การประเมินผลการปฏิบัติงาน ของพนักงานและลูกจ้างสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร พ.ศ. ....

นอกจากนั้น ทางสำนักงานยังได้ยกร่างปรับปรุงแก้ไขระเบียบที่จำเป็นเพื่อนำเสนอต่อผู้มีอำนาจพิจารณาเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการเสนอเพื่อพิจารณา ประกอบด้วย

1) ระเบียบคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ว่าด้วย โครงสร้างและ การบริหารงาน พ.ศ. ....

2) ระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ว่าด้วย การบริหารงานบุคคล พ.ศ. ....

3) ระเบียบคณะกรรมการบริหารกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ว่าด้วย ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พัก ค่าพาหนะ และค่าใช้จ่ายอย่างอื่นในการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงาน พ.ศ. ....

1.4 ด้านการเสริมสร้างขวัญกำลังใจแก่พนักงานและลูกจ้าง ได้จัดสวัสดิการดังนี้

  • กรรมการสวัสดิการพนักงานและลูกจ้างได้อนุมัติจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของพนักงาน
  • ได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลแก่พนักงานลูกจ้าง ให้มีวงเงินเพียงพอต่อการรักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นจริง ให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
  • ได้จัดค่าเบี้ยเสี่ยงภัยให้กับพนักงานที่ปฏิบัติงานใน 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยใช้อัตราตามที่กำหนดในระเบียบกระทรวงการคลัง มีผลนับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2551
  • ได้จัดค่าครองชีพให้กับพนักงานที่มีเงินเดือนต่ำกว่า 11,700 บาท รายละ 1,500 บาท ต่อเดือน ตามมติคณะรัฐมนตรี

1.5 ได้เสนอแผนการเลือกตั้งผู้แทนเกษตรกรประจำปี 2552 เสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อเตรียมการเลือกตั้งให้แล้วเสร็จโดยเร็วและมีประสิทธิภาพ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการบริหารงานที่ไม่ต่อเนื่อง อันมีสาเหตุจากการไม่มีกรรมการเพราะการเลือกตั้งไม่แล้วเสร็จ

1.6 สำนักงานได้ยึดหลักการบริหารงานโดยอาศัยภาคีความร่วมมือจากส่วนราชการและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อกิจการของกองทุนฯ เช่น ได้ทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับบริษัทสำนักข่าว ไอเอ็นเอ็น ประเทศไทย จำกัด เพื่อใช้สื่อวิทยุและสื่ออื่น ๆ ในเครือข่ายของไอเอ็นเอ็นทั่วประเทศ ประชาสัมพันธ์กิจการของกองทุนฯ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใด ๆ ได้ประสานความร่วมมือกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ลงพื้นที่เพื่อแก้ปัญหาการแอบอ้างใช้ชื่อ หรือตราสัญลักษณ์ของกองทุนฯ ไปหาประโยชน์โดยมิชอบ จนสามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดได้ ทำให้สามารถบรรเทาปัญหาดังกล่าวลงได้ และสำนักงานได้ป้องกันปัญหานี้ โดยการออกประกาศการใช้ชื่อและตราสัญลักษณ์ของสำนักงานกองทุนฯ อย่างเป็นทางการในเวลาต่อมา

2. ด้านการจัดการหนี้ของเกษตรกร

2.1 ในระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2551 ถึง 28 กุมภาพันธ์ 2552 (ระยะเวลา 7 เดือน) สามารถชำระหนี้แทนเกษตรกรได้จำนวน 1,876 ราย เฉลี่ยซื้อหนี้ของเกษตรกรได้เฉลี่ย 268 รายต่อเดือน วงเงิน 363,525,111.22 บาท (สามร้อยหกสิบสามล้านห้าแสนสองหมื่นห้าพันหนึ่งร้อยสิบเอ็ดบาทยี่สิบสองสตางค์) ในขณะที่ตั้งแต่เดือน มกราคม 2549 จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2551 (ระยะเวลา 31 เดือน) สามารถชำระหนี้แทนเกษตรกรได้ 3,608 ราย หรือซื้อหนี้เกษตรกรได้เฉลี่ย 116 รายต่อเดือนวงเงิน 896,901,390.89 (แปดร้อยเก้าสิบหกล้านเก้าแสนหนึ่งพันสามร้อยเก้าสิบบาทแปดสิบเก้าสตางค์) หากเปรียบเทียบ ในช่วงที่ รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ รักษาการเลขาธิการพบว่า ประสิทธิภาพในการชำระหนี้ แทนเกษตรกร สูงกว่าเดิมถึงร้อยละ 131 ต่อเดือน จากปี 2549 จนถึงปัจจุบันกองทุน ฯ สามารถรักษาที่ดินทำกินให้แก่เกษตรกรสมาชิกได้จำนวน 2,485 แปลง 21,836 ไร่ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พฤศจิกายน 2551)

2.2 สำนักงานได้จัดทำคำขออนุมัติงบประมาณต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อการจัดการหนี้ให้แก่เกษตรกร ทำให้ได้รับอนุมัติงบประมาณเพื่อการจัดการหนี้ดังต่อไปนี้

ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2552 คณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติงบประมาณในการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรในวงเงิน 607,583,820.21 บาท เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินของเกษตรกรเกี่ยวกับการซื้อทรัพย์สินคืนจากเจ้าหนี้หรือบุคคลภายนอก

ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2552 เห็นชอบในหลักการแนวทาง แก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร ตามที่คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรเสนอ เพื่อยุติปัญหาการดำเนินคดีต่างๆ ของสถาบันเจ้าหนี้ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการขอโอนหนี้สินของเกษตรกรมาอยู่ที่กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อดำเนินการฟื้นฟูและ พัฒนาศักยภาพของเกษตรกรให้สามารถชำระหนี้ และประกอบเกษตรกรรมได้อย่างยั่งยืนต่อไป

ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 อนุมัติแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกร จำนวน 69,155 ราย โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1) จัดสรรเงินงบประมาณรายจ่ายงบกลางประจำปีงบประมาณ 2552 จำนวนเงินงบประมาณ 205,465,419.68 บาท ให้สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ชำระหนี้แทนเกษตรกรลูกหนี้ธนาคารพาณิชย์และนิติบุคคลที่คณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรกำหนด

2) จัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ให้สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เพื่อชำระหนี้แทนเกษตรกรส่วนที่เหลือจำนวนเงินประมาณ 1,367,724,496.60 บาท

3) หนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่เกษตรกรสมาชิกกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร ผิดนัดชำระหนี้ที่เหลือตั้งแต่ 6 ปีลงมา ให้กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จัดทำงบประมาณประจำปีในแต่ละปีเพื่อดำเนินการชำระหนี้แทนเกษตรกรในปีงบประมาณต่อ ๆ ไป

2.3 ได้จัดทำร่างประกาศคณะกรรมการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร เรื่อง หลักเกณฑ์การจัดการทรัพย์สินของเกษตรกรที่ถูกขายทอดตลาด เสนอต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาประกาศใช้ สำหรับการดำเนินการแก้ไขปัญหาหลักทรัพย์ของเกษตรกรสมาชิกถูกขายทอดตลาด ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ

2.4 ได้จัดทำบันทึกข้อตกลงกับสถาบันเจ้าหนี้ประกอบด้วย เพื่อจัดระบบการชำระหนี้แทนเกษตรกรให้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยใช้วิธีการชำระหนี้เป็นรายกลุ่มแทนการชำระทีละราย ซึ่งทำให้สามารถชำระหนี้ได้เร็วขึ้น ดังมีบันทึกข้อตกลงดังต่อไปนี้

1) บันทึกข้อตกลงการชำระหนี้แทนเกษตรกรระหว่าง กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร วันที่ 31 ตุลาคม 2551 และวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2552

2) บันทึกข้อตกลงการชำระหนี้ของเกษตรกร ระหว่าง กองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร กับสมาคมธนาคารไทย วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2552

3. ด้านการฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร

3.1 ได้ตรวจพบว่าการเสนอแผนและโครงการขององค์กรเกษตรเพื่อขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ในลักษณะเครือข่ายบางองค์กร อาจจะเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมาย จำนวน 53 องค์กร มีวงเงิน 10,761,300 บาท (สิบล้านเจ็ดแสนหกหมื่นหนึ่งพันสามร้อยบาทถ้วน) จึงได้ระงับการโอนเงินให้กับองค์กรดังกล่าว แล้วให้มีการตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง ซึ่งมีบางองค์กรได้มีการปรับปรุงแก้ไขให้ถูกต้องจนสามารถโอนเงินอุดหนุนให้แก่องค์กรเกษตรกรที่ค้างจากการดำเนินการในปี 2550 เนื่องจากต้องมีการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ สำหรับกรณีองค์กรเกษตรกรที่ยื่นเสนอแผนและโครงการมาในลักษณะเครือข่าย ซึ่งสำนักงานสามารถสรุปหลักเกณฑ์และเสนอคณะกรรมการบริหารอนุมัติได้ทั้งสิ้น 42 องค์กร จำนวนเงิน 4,377,100 บาท ส่วนองค์กรที่เหลือยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย

3.2 ได้เปิดรับขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกรในรอบปี 2551 ผลปรากฏว่ามีผู้มาขึ้นทะเบียนองค์กรใหม่ทั้งสิ้น 231 องค์กร มีสมาชิก 21,929 ราย และมีเกษตรกรที่มาสมัครเป็นสมาชิกในองค์กรเกษตรกรเดิม จำนวน 43,231 ราย จาก 1,090 องค์กร และได้ปรับปรุงฐานข้อมูลสมาชิกจำนวน 6,318,752 ราย ให้มีความถูกต้องตรงตามฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์ เพื่อใช้ประโยชน์สำหรับเป็นข้อมูลในการจัดการหนี้และการฟื้นฟูอาชีพแก่เกษตรกร รวมทั้งใช้เป็นบัญชีเลือกตั้งผู้แทนเกษตรกรที่จะมีขึ้นในปี 2552 นี้

3.3 สำนักงานได้จัดทำคำขออนุมัติงบประมาณเพื่อการฟื้นฟูอาชีพเกษตรกรต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 ครม. ได้อนุมัติแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินและเพื่อการฟื้นฟูอาชีพเกษตรกร จำนวน 69,155 ราย โดยจะจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี ให้สำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกรในการฟื้นฟูอาชีพเกษตรกร จำนวนเงินประมาณ 4,149,300,000 บาท เป็นระยะเวลาไม่เกิน 3 ปี

3.4 ได้เตรียมความพร้อมในการฟื้นฟูอาชีพแก่เกษตรกร โดยการจัดทำโครงการนำร่องความร่วมมือกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อนำสมาชิกที่เตรียมได้รับการจัดการหนี้ จำนวน 62,968 ราย เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูก่อนจัดการหนี้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายและมติ ครม.เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2552 ที่เห็นชอบให้สำนักงานกองทุนฯ ไปดำเนินการฟื้นฟูเกษตรกรก่อนได้รับจัดการหนี้

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 เมษายน 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ