รายงานการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้ง

เรื่อง รายงานการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้งและหมอกควันของกระทรวงกลาโหม

(ห้วงตั้งแต่วันที่ 1 - 30 เมษายน 2552)

คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงกลาโหมรายงานการให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้งและหมอกควันของกระทรวงกลาโหม (ห้วงตั้งแต่วันที่ 1 - 30 เมษายน 2552)

ตามที่ได้เกิดสถานการณ์ภัยแล้งและหมอกควัน กระทรวงกลาโหม ได้จัดกำลังพล ยุทโธปกรณ์ และเครื่องมือต่างๆ เข้าดำเนินการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง สำหรับห้วงตั้งแต่วันที่ 1 - 30 เมษายน 2552 มีพื้นที่ประสบภัยแล้ง 53 จังหวัด ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 35 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์ภัยแล้ง 18 จังหวัด และสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ลำปาง และจังหวัดแม่ฮ่องสอน ปัจจุบันคุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลางแล้วนั้น กระทรวงกลาโหม ขอสรุปผลการดำเนินงานที่สำคัญเพื่อกรุณาทราบ ดังนี้

สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ดำเนินการช่วยเหลือประชาชน ดังนี้

สถานการณ์ภัยแล้ง ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร ได้จัดกำลังพล จำนวน 34 นาย รถบรรทุกน้ำ จำนวน 2 คัน 31 เที่ยว ปริมาณน้ำ จำนวน 78,000 ลิตร ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดนครสวรรค์

สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร ได้จัดกำลังพล จำนวน 12 นาย รถดับเพลิง จำนวน 1 คัน ควบคุมไฟป่าและหมอกควันในพื้นที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่

กองบัญชาการกองทัพไทย ดำเนินการช่วยเหลือประชาชน ดังนี้

สถานการณ์ภัยแล้ง หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้จัดกำลังพล จำนวน 125 นาย รถบรรทุกน้ำ จำนวน 46 คัน 804 เที่ยว ปริมาณน้ำ จำนวน 5,532,000 ลิตร ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี สระแก้ว ประจวบคีรีขันธ์ ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี ตราด อุทัยธานี อุดรธานี หนองคาย นครพนม เลย มุกดาหาร สกลนคร สุรินทร์ ศรีสะเกษ ชัยภูมิ อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ อุบลราชธานี เชียงราย เชียงใหม่ น่าน ตาก สตูล ชุมพร และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ดังนี้

สำนักงานพัฒนาภาค 1 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้จัดกำลังพล จำนวน 20 นาย รถบรรทุกน้ำ จำนวน 7 คัน 118 เที่ยว ปริมาณน้ำ จำนวน 1,599,000 ลิตร ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี สระแก้ว ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี อุทัยธานี เพชรบูรณ์ และจังหวัดตราด

สำนักงานพัฒนาภาค 2 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้จัดกำลังพล จำนวน 28 นาย รถบรรทุกน้ำ จำนวน 12 คัน 266 เที่ยว ปริมาณน้ำ จำนวน 1,056,000 ลิตร ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดอุดรธานี หนองคาย นครพนม เลย มุกดาหาร และจังหวัดสกลนคร

สำนักงานพัฒนาภาค 3 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้จัดกำลังพล จำนวน 21 นาย รถบรรทุกน้ำ จำนวน 7 คัน 159 เที่ยว ปริมาณน้ำ จำนวน 1,017,000 ลิตร ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน และจังหวัดตาก

สำนักงานพัฒนาภาค 4 หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้จัดกำลังพล จำนวน 22 นาย รถบรรทุกน้ำ จำนวน 7 คัน 8 เที่ยว ปริมาณน้ำ จำนวน 72,000 ลิตร ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดสตูล ชุมพร และจังหวัดสุราษฎร์ธานี

สำนักงานพัฒนาพิเศษ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ได้จัดกำลังพล จำนวน 34 นาย รถบรรทุกน้ำ จำนวน 13 คัน 253 เที่ยว ปริมาณน้ำ จำนวน 1,788,000 ลิตร ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ศรีสะเกษ สุรินทร์ ชัยภูมิ อำนาจเจริญ บุรีรัมย์ และจังหวัดอุบลราชธานี

กองทัพบก ดำเนินการช่วยเหลือประชาชน ดังนี้

สถานการณ์ภัยแล้ง กองทัพบก ได้จัดกำลังพล จำนวน 340 นาย รถบรรทุกน้ำ จำนวน 85 คัน 458 เที่ยว ปริมาณน้ำ จำนวน 2,648,000 ลิตร ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สระแก้ว ลพบุรี ชลบุรี เพชรบุรี อุบลราชธานี บุรีรัมย์ สุรินทร์ อุดรธานี ร้อยเอ็ด ยโสธร สุโขทัย พิษณุโลก ตาก พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ พิจิตร นครสวรรค์ นครศรีธรรมราช ตรัง กระบี่ สงขลา และจังหวัดสุราษฎร์ธานี และได้จัดโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง” ประจำปี 2552 ร่วมกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และการประปาส่วนภูมิภาค ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ของทุกกองทัพภาค

สถานการณ์ไฟป่าและหมอกควัน กองทัพภาคที่ 3 ได้จัดตั้งกองบัญชาการหน่วยเฉพาะกิจควบคุมไฟป่าและหมอกควัน ในพื้นที่กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วย ชุดปฏิบัติการ ยานพาหนะ ยุทโธปกรณ์ และอากาศยาน เตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือประชาชนและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เมื่อได้รับการร้องขอในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ตาก แม่ฮ่องสอน พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง และจังหวัดลำพูน

กองทัพเรือ ดำเนินการช่วยเหลือประชาชน ดังนี้

สถานการณ์ภัยแล้ง กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ได้จัดกำลังพล จำนวน 282นาย รถบรรทุกน้ำ จำนวน 44 คัน 1,187 เที่ยว ปริมาณน้ำ จำนวน 6,216,600 ลิตร ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดจันทบุรี และจังหวัดตราด

กองทัพอากาศ ดำเนินการช่วยเหลือประชาชน ดังนี้

สถานการณ์ภัยแล้ง กองบัญชาการยุทธทางอากาศ ได้จัดกำลังพล จำนวน 95 นาย รถบรรทุกน้ำ จำนวน 9 คัน 51 เที่ยว ปริมาณน้ำ จำนวน 300,000 ลิตร ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ นครราชสีมา อุบลราชธานี ประจวบคีรีขันธ์ และจังหวัดสุราษฎร์ธานี

โครงการพระราชดำริฝนหลวง กองทัพอากาศ ได้จัดอากาศยาน จำนวน 15 เครื่อง พร้อมเจ้าหน้าที่ จำนวน 400 นาย สนับสนุนศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงในการปฏิบัติภารกิจการทำฝนหลวงในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศไทย เพื่อสนองพระราชดำริในการใช้และพัฒนาเทคโนโลยีฝนหลวง และการดัดแปรสภาพอากาศเพื่อป้องกัน แก้ปัญหาภัยแล้ง และร่วมจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศให้เพียงพอ

สรุป กระทรวงกลาโหม ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยแล้งและหมอกควัน ตั้งแต่วันที่ 1 - 30 เมษายน 2552 โดยการจัดกำลังพล จำนวน 876 นาย รถบรรทุกน้ำ จำนวน 186 คัน 2,531 เที่ยว ปริมาณน้ำ จำนวน 14,774,600 ลิตร ตลอดจนได้จัดโครงการ “ราษฎร์ รัฐ ร่วมใจ ช่วยภัยแล้ง” ประจำปี 2552 ร่วมกับ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และการประปาส่วนภูมิภาค ช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ของทุกกองทัพภาค และได้จัดอากาศยาน จำนวน 15 เครื่อง พร้อมเจ้าหน้าที่ จำนวน 400 นาย สนับสนุนศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงในการปฏิบัติภารกิจการทำฝนหลวงในพื้นที่ต่าง ๆของประเทศไทย เพื่อสนองพระราชดำริในการใช้และพัฒนาเทคโนโลยีฝนหลวง และการดัดแปรสภาพอากาศเพื่อป้องกัน แก้ปัญหาภัยแล้ง และร่วมจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศให้เพียงพอ รวมทั้งได้จัดตั้งกองบัญชาการหน่วยเฉพาะกิจควบคุมไฟป่าและหมอกควัน ในพื้นที่กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 7 อำเภอ แม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ประกอบด้วยชุดปฏิบัติการ ยานพาหนะ ยุทโธปกรณ์ และอากาศยาน เตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือประชาชนและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเมื่อได้รับการร้องขอในพื้นที่ 9 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ตาก แม่ฮ่องสอน พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง และจังหวัดลำพูน ซึ่งในภาพรวมกระทรวงกลาโหมได้แจกจ่ายน้ำช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยแล้งตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2551 ถึงปัจจุบัน จำนวนทั้งสิ้น 6,027 เที่ยว ปริมาณน้ำ จำนวน 37,216,000 ลิตร

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 19 พฤษภาคม 2552 --จบ--