เรื่อง รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และรายงานผลการประเมินตนเอง
ของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551
คณะรัฐมนตรีรับทราบและเห็นชอบตามที่คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ (ค.ต.ป.) เสนอ ดังนี้
1. รับทราบรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551
2. รับทราบรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่างๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551
3. เห็นชอบกับข้อเสนอของ ค.ต.ป. ที่ให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามข้อเสนอ โดยในการดำเนินงานตามข้อเสนอเห็นควร ให้ได้รับงบประมาณเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานที่เพียงพอ
สาระสำคัญของเรื่อง
ค.ต.ป. รายงานว่า ในการประชุมครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2552 ได้พิจารณารายงานผลการตรวจสอบและประเมินผล ภาคราชการ และรายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 โดยสรุปรายละเอียดได้ ดังนี้
1. รายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ เป็นการพิจารณาในประเด็นการตรวจสอบและ ประเมินผลภาคราชการ ดังนี้
1.1 การสอบทานกรณีปกติ
- การตรวจสอบภายใน
- การตรวจราชการ รวมถึงการตรวจแผนงาน/โครงการ
- การปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ
- การประเมินระบบควบคุมภายในและบริหารความเสี่ยง
- รายงานการเงิน
1.2 การสอบทานกรณีพิเศษ
ให้อยู่ในดุลพินิจของ ค.ต.ป. ประจำกระทรวง และ อ.ค.ต.ป. กลุ่มจังหวัด โดยดำเนินการ ดังนี้
- ค.ต.ป. ประจำกระทรวง พิจารณาสอบทานโครงการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล หรือตามภารกิจหลักของกระทรวง อย่าง
- อ.ค.ต.ป. กลุ่มจังหวัด พิจารณาสอบทานโครงการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล อย่างน้อย 1 โครงการ
ทั้งนี้ คณะกรรมการฯ และคณะอนุกรรมการฯ อาจพิจารณาเลือกสุ่มตรวจสอบสอบทานโครงการที่มีลักษณะเป็นโครงการที่ได้มี การเริ่มดำเนินงานแล้ว หรือเป็นโครงการที่มีการดำเนินการต่อเนื่องหรือโครงการผูกพัน โครงการที่ได้รับเงินงบประมาณสูงในการดำเนินงานหรือ เป็นโครงการที่มีผลกระทบสูง
2. ข้อค้นพบจากผลการปฏิบัติงานของส่วนราชการและจังหวัด ดังนี้
2.1 การตรวจสอบภายใน
การตรวจสอบภายในมีพัฒนาการที่ดีขึ้นกว่าปีงบประมาณที่ผ่านมา โดยมีการวางแผนการตรวจสอบด้านการดำเนินงานเพิ่มมาก ขึ้น แต่ในทางปฏิบัติยังไม่สามารถดำเนินการตรวจสอบด้านการดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเท่าที่ควร ส่วนใหญ่ยังคงเน้นการตรวจ สอบทางด้านการเงิน และการปฏิบัติตามกฎระเบียบ และข้อบังคับ โดยไม่มีการรายงานผลการดำเนินงานของแผนงาน/โครงการที่ตรวจสอบว่ามีผล สัมฤทธิ์อย่างไร และยังไม่ได้รายงานผลการตรวจสอบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ซึ่งส่วนหนึ่งของปัญหาเกิดจากอัตรากำลังของเจ้า หน้าที่ตรวจสอบภายในที่ยังคงมีอยู่อย่างจำกัด โดยเฉพาะในระดับของจังหวัด แม้ว่าในขณะนี้จังหวัดได้มีการแก้ไขไปได้ในระดับหนึ่งแล้วก็ตาม ในส่วน ของความรู้ความเข้าใจของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน พบว่ายังขาดความรู้ด้านการตรวจสอบด้านการดำเนินงาน และความรู้เกี่ยวกับการตรวจสอบ ทาง ด้านคอมพิวเตอร์ เพราะด้วยวุฒิการศึกษาของตำแหน่งตรวจสอบภายใน ถูกกำหนดไว้เพียงด้านบัญชี และบริหารเท่านั้น สำหรับปัญหาที่ยังคงพบ เหมือนเช่นปีที่ผ่านๆ มา คือ ผู้ตรวจสอบภายในยังไม่มีอิสระอย่างแท้จริงในการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยพบว่า ผู้ตรวจสอบภายในไม่ได้ รายงานผลการตรวจสอบต่อผู้บริหารของส่วนราชการโดยตรง แต่กลับรายงานผลให้กับผู้ที่ได้มอบหมายจากหัวหน้าส่วนราชการ เช่น รองอธิบดี เป็น ต้น และยังไม่สามารถดำเนินการตามแนวทางการประกันคุณภาพงานตรวจสอบภายในของส่วนราชการที่กำหนดให้มีผู้ที่มีความรู้ เรื่องมาตรฐานและ จริยธรรมของผู้ตรวจสอบภายในจากภายนอกมาประเมินผลการปฏิบัติงานของหน่วยตรวจสอบภายใน
2.2 การตรวจราชการ
การตรวจราชการแนวใหม่ได้บูรณาการการตรวจราชการโดยผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีร่วมกับผู้ตรวจราชการ กระทรวง 17 กระทรวง ได้บูรณาการการทำงานร่วมกัน มีการใช้เครื่องมือตามหลักธรรมาภิบาลเป็นกรอบหลัก และจัดลำดับดัชนีความเสี่ยง พร้อมทั้ง จัดทำรายงานซึ่งเป็นประโยชน์ต่อส่วนราชการและจังหวัด อย่างไรก็ตามการตรวจราชการแบบบูรณาการผู้ตรวจราชการกรมยังไม่ได้มีโอกาสร่วมใน การบูรณาการและติดตามผลการดำเนินกับผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีและผู้ตรวจราชการกระทรวง ทั้งที่โดยฐานะแล้วเป็นหน่วยงานผู้รับผิดชอบ แผนงาน/โครงการ และนอกจากนี้พบว่า การตรวจราชการแบบบูรณาการฯ มีการดำเนินการในลักษณะแบบปีต่อปี ทั้งที่โดยสภาพแล้วโครงการบาง โครงการไม่อาจทราบผลการดำเนินงานได้ภายในหนึ่งปี ดังนั้นจึงควร มีประเด็นการตรวจที่ต่อเนื่องในระยะยาว และควรให้ความสำคัญกับเครือข่าย ภาคประชาชน ด้วยเหตุที่เครือข่ายภาคประชาชนสามารถให้ข้อเสนอแนะที่เป็นข้อเท็จจริงในระดับพื้นที่ได้
2.3 การปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ
ส่วนใหญ่มีการรายงานผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการครบถ้วน อย่างไรก็ตามตัวชี้วัดบางส่วนยังไม่ สามารถสะท้อนผลการดำเนินงานที่แท้จริงของส่วนราชการได้ ดังนั้น ในการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการส่วนราชการต้องดูบทบาทหน้าที่ และ ยุทธศาสตร์ของหน่วยงานให้ครบถ้วนก่อนที่จะดำเนินการจัดทำคำรับรองการปฏิบัติราชการ ในส่วนของการวัดผลการดำเนินงานโดยเฉพาะตัวชี้วัดใน ประเด็นยุทธศาสตร์หลักควรพิจารณาให้เป็นการวัดในเชิงคุณภาพมากขึ้น และเกณฑ์การประเมินผลควรให้ยืดหยุ่นตามภารกิจและการปฏิบัติงานของ แต่ละส่วนราชการ สำหรับการประมวลผลการดำเนินงานตามคำรับรองการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ สำนักงาน ก.พ.ร. ควรเร่งให้ที่ปรึกษา รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานของส่วนราชการให้เร็วขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์ต่อการนำเสนอผลการดำเนินงานของส่วนราชการตามคำ รับรองการปฏิบัติราชการที่คณะกรรมการฯ จะได้ให้ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาต่อไป
2.4 การควบคุมภายใน
การควบคุมภายในมีพัฒนาการที่ดีขึ้นกว่าปีงบประมาณที่ผ่านมา เนื่องจากส่วนราชการสามารถรายงานการควบคุมภายในและการ บริหารความเสี่ยงได้มากกว่าในปีที่ผ่านมา แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงพบว่า รายงานผลเกี่ยวกับระบบการควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยงนั้น ส่วนราชการยังไม่สามารถดำเนินการได้ครอบคลุมในทุกภารกิจของส่วนราชการ คงมีเพียงเฉพาะภารกิจสนับสนุนเท่านั้น เช่น ด้านการเงิน การพัสดุ ประเด็นปัญหาที่สำคัญ คือ การจัดวางระบบการควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยงต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในองค์กร และผู้ดำเนินการต้องมีความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยง แต่ในทางปฏิบัติ พบว่า หัวหน้าส่วนราชการ บางส่วนราชการยังไม่ได้มอบหมายผู้รับผิดชอบงานเกี่ยวกับระบบการควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน หรือหากมีการมอบหมายแล้ว แต่ ยังไม่เหมาะสมโดยเฉพาะในส่วนของจังหวัด เช่น การมอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายในเป็นผู้จัดวางระบบการควบคุมภายในและการบริหาร ความเสี่ยง เป็นต้น
2.5 รายงานการเงิน
รายงานการเงินจากส่วนราชการที่จัดทำมีหลักเกณฑ์ที่ไม่สอดคล้องกับหลักการบัญชีที่ยอมรับกันโดยทั่วไป โดยงบการเงินแสดง ความผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด เช่น รายการเงินสดติดลบ ลูกหนี้ติดลบ ทั้งนี้ส่วนหนึ่งของปัญหาเกิดจากระบบ GFMIS ยังไม่สามารถออกงบการเงินที่เป็น ภาพรวมของกระทรวง และจังหวัดที่ตัดรายการซ้ำซ้อนระหว่างหน่วยงานออกก่อน ปัญหาบัญชียอดยกมาในปีงบประมาณ พ.ศ. 2548 ซึ่งเป็นปีตั้งต้นของ ตัวเลขในระบบ GFMIS รวมทั้งปัญหาของตัวเลขที่เกิดขึ้นในแต่ละปีงบประมาณตั้งแต่ปี 2549-2551 ที่ยังคงพบว่าข้อมูลในงบทดลองไม่เท่ากับบัญชีแยก ประเภท ข้อมูลในรายงานเงินคงเหลือประจำวันแสดงยอดไม่ถูกต้อง (ข้อมูลในรายงานแสดงยอดในระดับหน่วยเบิกจ่ายไม่เท่ากับผลรวมของระดับศูนย์ ต้นทุน) และปัญหาทางด้านบุคลากรผู้รับผิดชอบที่ขาดความรู้ความเข้าใจทางด้านบัญชีที่จะต้องอบรมให้ความรู้กันตลอดเวลา ด้วยเหตุที่มีการหมุนเวียน เปลี่ยนแปลงบุคลากรผู้รับผิดชอบบ่อยครั้ง ส่งผลให้เกิดความผิดพลาดในการบันทึกบัญชีในระบบ GFMIS
2.6 การสอบทานกรณีพิเศษ
2.6.1 การสอบทานของส่วนราชการ โดยส่วนใหญ่พบว่า ส่วนราชการที่รับผิดชอบสามารถดำเนินงานเป็นไปตามแผนงาน/ โครงการ และสามารถเบิกจ่ายงบประมาณได้ตามแผน มีเพียงบางโครงการที่ล่าช้าและไม่บรรลุวัตถุประสงค์ตามแผน
2.6.2 การสอบทานของจังหวัด ซึ่งคณะอนุกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการกลุ่มจังหวัดมีข้อค้นพบที่สำคัญในการ สอบทานโครงการ ดังนี้
(1) โครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง
ด้วยเหตุที่โครงการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง เป็นโครงการที่ต้องการเสริมสร้างกระบวนการพึ่งพาตนเอง ของหมู่บ้านและชุมชนเมืองด้วยการให้ชุมชนเป็นผู้กำหนดอนาคตและจัดการหมู่บ้านหรือชุมชนตามภูมิปัญญาหรือทุนทางสังคมของตนเอง สร้างศักยภาพและ ความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจและสังคมของประชาชนและองค์กรชุมชนในหมู่บ้านและชุมชนเมือง โดยรัฐให้การสนับสนุนเงินทุน เพื่อใช้เป็นแหล่งเงิน ทุนหมุนเวียนสำหรับการลงทุนเพื่อพัฒนาอาชีพ สร้างงาน สร้างรายได้ เพิ่มรายได้ และลดรายจ่ายในหมู่บ้านหรือชุมชนเมือง ซึ่งผลที่ได้จากโครงการ พบว่าประชาชนได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเรียนรู้ และการจัดการในชุมชนมีการนำภูมิปัญญาท้องถิ่น ที่เป็นเอกลักษณ์ของชุมชนมาเพิ่มมูลค่า ทำให้เกิด การกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก สามารถสร้างรายได้เสริมให้แก่สมาชิกในชุมชน และนำผลประโยชน์ที่เกิดขึ้นไปจัดสรรสวัสดิการให้แก่ผู้ด้อยโอกาสและ พัฒนาท้องที่ ซึ่งจะนำไปสู่การพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน แต่ด้วยเหตุที่โครงการนี้เป็นโครงการที่ใช้เงินงบประมาณเป็นจำนวนมาก ประกอบกับการบริหาร กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ดำเนินการบริหารโดยคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านซึ่งมาจากการสรรหาและแต่งตั้งของหมู่บ้านและชุมชนตามระเบียบคณะ กรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) ดังนั้น จึงเห็นควรให้ความสำคัญกับการกำกับและควบคุมการใช้จ่ายเงินของกองทุน ทั้งนี้เพื่อ เป็นการป้องกันการสูญหายของเงินกองทุนที่ไม่อาจเรียกคืนได้
(2) โครงการพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศ
การดำเนินงานมีปัญหาอุปสรรคในด้านความสมบูรณ์ ความพร้อมของระบบ และการเชื่อมโยงข้อมูลของจังหวัดกับ กระทรวงมหาดไทย และเครือข่ายที่กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสารจัดสรรให้นั้น พบว่าการประมวลผลข้อมูลใช้เวลานานมาก และ บางครั้งเกิดข้อผิดพลาดไม่สามารถแสดงผลได้ ประกอบกับมีการโยกย้ายสับเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบทำให้การพัฒนาด้านระบบเทคโนโลยี สารสนเทศ ต้องหยุดชะงักและขาดความต่อเนื่องและปัญหาด้านงบประมาณที่ได้รับการจัดสรรด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมีอย่างจำกัด การขาด บุคลากรผู้เชี่ยวชาญ ด้านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ดังนั้นจึงควรพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศให้สามารถนำไปใช้เพื่อประโยชน์ต่อการบริหารราชการ แผ่นดิน
(3) โครงการประหยัดพลังงานและการใช้พลังงานทดแทน
โครงการพลังงานงานทดแทนถือเป็นทางเลือกหนึ่งในยามเกิดวิกฤตราคาน้ำมัน แม้ว่าโครงการสาธิตกังหันลมผลิต ไฟฟ้าจะอยู่ในระยะเริ่มต้นแต่เป็นโครงการที่มีอนาคตดี โดยสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณปีละ 3.4 ล้านหน่วย สามารถทดแทนน้ำมันเชื้อเพลิงเทียบ เท่าน้ำมันดิบได้ปีละ 290 ตัน และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นสาเหตุภาวะโลกร้อนได้ปีละประมาณ 1,000 ตัน และยังสามารถพัฒนาต่อไป ได้อีกมาก ซึ่งในระยะยาวจะสามารถลดต้นทุนให้ต่ำลงได้อีก ดังนั้นกระทรวงพลังงานจึงไม่ควรหยุดโครงการเพียงแค่คิดต้นแบบ
2.3 ข้อเสนอของ ค.ต.ป. จากผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2551 เพื่อให้ส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้องดำเนินการ มีรายละเอียด ดังนี้
การดำเนินการ ผู้ดำเนินการ 1. การพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของงานตรวจสอบภายใน และการควบคุมภายใน และการบริหารความเสี่ยง - สร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับงานด้านการตรวจสอบภายใน และการควบคุมภายใน กรมบัญชีกลาง และการบริหารความเสี่ยงที่ถูกต้องแก่ผู้ปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง โดยให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถ เข้าถึงแหล่งความรู้เบื้องต้นในการปฏิบัติงานได้ง่าย และสามารถเป็นแหล่งเรียนรู้ที่ยั่งยืน เห็นควรจัดให้มีการเรียนรู้ในรูปแบบของระบบ E-Learning โดยควรเน้นเนื้อหาวิชาด้าน การตรวจสอบการดำเนินงาน ความรู้ขั้นพื้นฐานทางด้านคอมพิวเตอร์ และความรู้ด้านการ จัดวางระบบการควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยง และการจัดทำคู่มือการปฏิบัติงาน - การพัฒนาทักษะเพื่อให้มีความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติงาน เห็นควรให้ความรู้ในรูปแบบของ กรมบัญชีกลาง การฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ - สร้างกลไกให้ผู้ตรวจสอบภายในมีอิสระอย่างแท้จริงในการปฏิบัติงาน โดยให้รายงานผลการ กรมบัญชีกลาง และหัวหน้าส่วนราชการ ปฏิบัติงานต่อหัวหน้าส่วนราชการ กล่าวคือ ระดับกรมให้รายงานต่ออธิบดีกรม ระดับกระทรวง ให้รายงานต่อปลัดกระทรวง ระดับจังหวัดให้รายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และเพื่อเป็นการ ประกันคุณภาพงานตรวจสอบภายในภาครัฐ เห็นควรสนับสนุนให้มี ผู้ที่มีความรู้เรื่องมาตรฐานและ จริยธรรมของผู้ตรวจสอบภายในจากภายนอกมาประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยตรวจสอบ ภายในของส่วนราชการ - กำหนดให้มีผู้ที่ต้องรับผิดชอบงานด้านการควบคุมภายในและการบริหารความเสี่ยงที่ชัดเจน ส่วนราชการ และจังหวัด โดยในส่วนของจังหวัดในปีแรกเห็นควรมอบหมายให้คลังจังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ เนื่องจากได้ ผ่านการอบรมให้ความรู้ในเรื่องนี้มาบ้างแล้ว สำหรับปีต่อๆ ไป ควรมอบหมายให้สำนักงาน จังหวัดเป็นผู้ดำเนินการ 2. การตรวจราชการ - เพื่อให้การตรวจราชการแบบบูรณาการ มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เห็นควรให้ผู้ตรวจราชการ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี กรมในฐานะหน่วยงานผู้รับผิดชอบแผนงาน/โครงการได้มีโอกาสร่วมในการติดตามผลการดำเนิน ผู้ตรวจราชการกระทรวง งานตามแนวทางการตรวจราชการแบบบูรณาการ และควรให้การตรวจราชการแบบบูรณาการฯ และผู้ตรวจราชการกรม ควรเป็นการตรวจที่ต่อเนื่องในระยะยาว ไม่ควรดำเนินการแบบปีต่อปี เพราะผลการดำเนินงาน บางโครงการไม่อาจทราบผลการดำเนินงานได้ภายในปีเดียว และควรให้ความสำคัญกับเครือข่าย ภาคประชาชน 3. การปฏิบัติราชการตามคำรับรองการปฏิบัติราชการ - ตัวชี้วัดในประเด็นยุทธศาสตร์หลักควรเป็นการวัดในเชิงคุณภาพมากขึ้น และเกณฑ์การ สำนักงาน ก.พ.ร. ประเมินผลควรมีความยืดหยุ่นตามภารกิจและการปฏิบัติงานของแต่ละส่วนราชการ - ควรให้ที่ปรึกษาของสำนักงาน ก.พ.ร. รายงานผลการประเมินผลการดำเนินงานของ สำนักงาน ก.พ.ร. ส่วนราชการให้เร็วขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อการนำเสนอผลการดำเนินงานของส่วนราชการ ตามคำรับรองการปฏิบัติราชการที่คณะกรรมการฯ จะได้ให้ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะที่ เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาต่อไป 4. รายงานการเงิน - แผนระยะสั้นเร่งแก้ไขระบบ GFMIS ให้สามารถออกงบการเงินที่เป็นภาพรวมของกระทรวง กระทรวงการคลัง และจังหวัดที่ได้มีการปรับปรุงรายการซ้ำซ้อนระหว่างหน่วยงานให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน ร่วมกับกรมบัญชีกลาง รวมทั้งปรับปรุงแก้ไขตัวเลขของปี 2549-2551 ให้ถูกต้อง เนื่องจากพบปัญหาข้อมูลในงบทดลอง และทุกส่วนราชการ ไม่เท่ากับบัญชีแยกประเภท ข้อมูลในรายงานเงินคงเหลือประจำวันแสดงยอดไม่ถูกต้อง (ข้อมูล ในรายงานแสดงยอดในระดับหน่วยเบิกจ่ายไม่เท่ากับผลรวมของระดับศูนย์ต้นทุน) ซึ่งในส่วนนี้ เห็นควรให้ ทุกส่วนราชการเร่งปรับปรุงแก้ไขตัวเลขโดยจัดทำกระดาษทำการเพื่อปรับปรุงบัญชี ในระบบ GFMIS ให้ถูกต้องต่อไป- แผนระยะยาวจัดสรรอุปกรณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้ระบบ GFMIS ตลอดจนมีช่องทางการติดต่อสื่อสาร กระทรวงการคลัง
- โครงการสาธิตกังหันลมผลิตไฟฟ้า แม้อยู่ในระยะเริ่มต้นแต่เป็นโครงการที่มีอนาคตดี ดังนั้นจึงไม่ควร กระทรวงพลังงาน
- การบูรณาการระบบการตรวจสอบและประเมินผลของหน่วยงานกลางด้วยปัจจุบันมีหน่วยงานกลาง ค.ต.ป. กรมบัญชีกลาง
- กำหนดให้มีคณะอนุกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการเพิ่มเติม เพื่อให้เหมาะสมกับ ค.ต.ป.
- ปรับปรุงวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน ค.ต.ป. จากเดิมที่กำหนดให้มีวาระ ค.ต.ป.
การดำรงตำแหน่งคราวละ 2 ปี ผู้ซึ่งพ้นจากตำแหน่งแล้วอาจได้รับการแต่งตั้งอีกได้แต่ต้องไม่เกิน
2 วาระติดต่อกัน เป็นกำหนดให้มีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 4 ปี เพื่อความต่อเนื่องใน
การปฏิบัติงาน
2.4 รายงานผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการคณะต่างๆ สรุปได้ดังนี้
2.4.1 ผลการประเมินตนเองในภาพรวมของคณะกรรมการฯ รายคณะ พบว่าอยู่ในเกณฑ์ระดับดีมากถึงดีเยี่ยม
2.4.2 ผลการประเมินกรรมการรายบุคคล พบว่ากรรมการต้องการให้มีการอบรมและพัฒนาความรู้ การเตรียมความพร้อมใน เรื่องต่างๆ เพิ่มเติม และควรจัดให้มีการประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างอนุกรรมการฯ แต่ละคณะ
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 26 พฤษภาคม 2552 --จบ--