คณะรัฐมนตรีเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศ เสนอ ทั้ง 2 ข้อ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างเอกสารสำคัญในการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนและสหภาพยุโรป ครั้งที่ 17 รวม 3 ฉบับ คือ
1.1 ร่างถ้อยแถลงของประธานร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนและสหภาพยุโรป ครั้งที่ 17
1.2 ร่างวาระกรุงพนมเปญเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการอาเซียนและสหภาพยุโรปปี 2552 — 2553
1.3 ร่างแถลงการณ์อาเซียนให้ความเห็นชอบต่อการภาคยานุวัติสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยสหภาพยุโรป
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมลงนามหรือรับรองเอกสารทั้ง 3 ฉบับดังกล่าวข้างต้น
3. หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแก้ไขเอกสารดังกล่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ไทย ให้กระทรวงการต่างประเทศ ดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีก
กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า
1. การประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนและสหภาพยุโรป ครั้งที่ 17 ในระหว่างวันที่ 27 — 28 พฤษภาคม 2552 ณ กรุงพนมเปญ ราชอาณาจักรกัมพูชา รัฐมนตรีว่ากระทรวงการต่างประเทศพร้อมด้วยรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและสหภาพยุโรปมีกำหนดการจะร่วมลงนามหรือรับรองเอกสารสำคัญ 3 ฉบับ ดังนี้
1.1 ร่างถ้อยแถลงของประธานร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียน (รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา) และสหภาพยุโรป (รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศสาธารณรัฐเช็ก) ครั้งที่ 17 โดยมีสาระสำคัญยืนยันความมุ่งมั่นของอาเซียนและสหภาพยุโรปในการเพิ่มพูนความสัมพันธ์ระหว่างกันในด้านต่างๆ รวมถึงการระบุถึงผลการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับพัฒนาการด้านต่างๆ ในภูมิภาคและระดับระหว่างประเทศระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรป
1.2 ร่างวาระกรุงพนมเปญเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามแผนปฏิบัติการอาเซียนและสหภาพยุโรป ปี 2552 — 2553 โดยมีสาระสำคัญระบุถึงกิจกรรมและโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาระหว่างอาเซียนกับสหาภาพยุโรป ซึ่งอยู่ภายใต้แผนปฏิบัติการเพื่อดำเนินการให้เป็นไปตามปฏิญญานูเร็มเบิร์ก ว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนที่เพิ่มพูนระหว่างอาเซียนกับสหภาพยุโรป ที่ทั้งสองฝ่ายประสงค์จะให้มีการดำเนินการในช่วงปี 2552 — 2553 ซึ่งครอบคลุมกิจกรรมความร่วมมือทั้งทางด้านการเมือง ความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคมและวัฒนธรรม
1.3 ร่างแถลงการณ์อาเซียนให้ความเห็นชอบต่อการภาคยานุวัติสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยสหภาพยุโรป โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองของอาเซียนเพื่อสนับสนุนการภาคยานุวัติสนธิสัญญาไมตรีฯ โดยสหภาพยุโรปเมื่อมีการปรับแก้สนธิสัญญาไมตรีฯ ให้เปิดรับองค์การระดับภูมิภาค โดยการกำหนดพิธีสารฉบับที่สามเพื่อแก้ไขสนธิสัญญาไมตรีฯ ซึ่งในส่วนของไทยร่างพิธีสารฯ ดังกล่าวได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้วเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2552 ประเทศไทยและอาเซียนท่าทีสนับสนุนการภาคยานุวัติสนธิไมตรี ฯ โดยรัฐนอกภูมิภาคโดยเฉพาะการภาคยานุวัติโดยประเทศคู่เจรจาของอาเซียนซี่งรวมถึงสหภาพยุโรป และการลงนามในร่างแถลงการณ์ฯ สอดคล้องกับมติของคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2552 ที่ได้ให้ความเห็นชอบต่อร่างสารขยายจำนวนภาคีในสนธิสัญญาไมตรีฯ โดยสหภาพยุโรป และการลงนามโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศร่วมกับรัฐมนตรีต่างประเทศรัฐสมาชิกอาเซียนอื่น 9 ประเทศ ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 42 ที่ประเทศไทยเพื่อเปิดรับสหภาพยุโรปเข้าเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการต่อไป
2. กระทรวงการต่างประเทศพิจารณาแล้วเห็นว่า โดยที่ร่างเอกสารดังกล่าวทั้ง 3 ฉบับ เป็นเอกสารที่แสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองในการกระชับความร่วมมือระหว่างกัน ไม่มีผลในการก่อให้เกิดพันธกรณีต่อประเทศไทยในประเด็นใดประเด็นหนึ่ง เป็นเพียงการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมืองอย่างกว้างๆ จึงไม่น่าจะเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 26 พฤษภาคม 2552 --จบ--