คณะรัฐมนตรีรับทราบผลการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM retreat) ครั้งที่ 15 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอดังนี้
กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีได้อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AEM retreat) ครั้งที่ 15 ระหว่างวันที่ 4 — 5 พฤษภาคม 2552 ณ เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา นั้น การประชุมดังกล่าวได้เสร็จสิ้นแล้ว สรุปผลการประชุมได้ดังนี้
1. การติดตามการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจของอาเซียน ที่ประชุมได้พิจารณาแผนการเร่งรัดการดำเนินงานด้านเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่
1.1 แผนงานติดตามประเมินผลการดำเนินงานไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Scorecard)
จากข้อมูลของสำนักเลขาธิการอาเซียน ในปี 2551 อาเซียนสามารถดำเนินการตามแผนงานด้านเศรษฐกิจที่กำหนดไว้ได้เพียง ร้อยละ 47.69 ของแผนงานทั้งหมด จึงจำเป็นต้องเร่งดำเนินงานในส่วนที่ยังไม่เป็นไปตามแผน ในส่วนของไทย ดำเนินงานได้คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 56.7 ซึ่งใกล้เคียงกับประเทศอื่นๆ เช่น มาเลเซีย ร้อยละ 55.2 บรูไน ร้อยละ 55.8 และฟิลิปปินส์ ร้อยละ 56.7 เป็นต้น
ที่ประชุมเห็นชอบให้บรรจุเรื่อง AEC Scorecard เป็นวาระหนึ่งในการพิจารณาของผู้นำเพื่อเป็นการผลักดันในระดับนโยบาย ล่าสุดทุกประเทศอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อมูลใน Scorecard ดังกล่าว เพื่อเสนอต่อผู้นำในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียนปลายปีนี้
1.2 การเร่งรัดการดำเนินงานด้านงานเศรษฐกิจ ที่ประชุมให้ความสำคัญกับการเร่งรัดการดำเนินงานที่เกี่ยวกับการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจของอาเซียนทั้งในด้านสินค้า บริการ และการลงทุน รวมทั้งความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างอาเซียนกับคู่เจรจา โดยเฉพาะการดำเนินการเพื่อให้ความตกลงต่างๆ ภายในกรอบอาเซียน และความตกลงระหว่างอาเซียนกับคู่เจรจาที่ได้ลงนามไปแล้ว สามารถมีผลบังคับใช้ได้ตามกำหนดเวลา
2. การแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ที่ประชุมได้หารือแนวทางแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโดยเฉพาะผลกระทบต่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และภาคการส่งออก โดยเห็นควรแก้ไขปัญหาในระยะสั้นขณะนี้ คือ เรื่องสินเชื่อเพื่อการค้าและการส่งออก (Trade Finance) โดยได้มอบหมายให้สำนักงานเลขาธิการอาเซียนจัดทำข้อเสนอแนวทางที่เป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจและรัฐมนตรีคลังอาเซียน เพื่อเสนอต่อผู้นำอาเซียนและคู่เจรจราในเดือนมิถุนายน ศกนี้
3. การส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ประชุมเห็นร่วมกันว่าอาเซียนควรให้ความสำคัญกับการพัฒนา SMEs เนื่องจากเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจในภูมิภาค ในการนี้ ไทยได้เสนอให้จัดตั้ง SMEs Council เพื่อเป็นช่องทางในการรวมกลุ่มของภาคเอกชน SMEs อาเซียนให้เกิดพลังและเป็นเวทีในการแสดงความคิดเห็นซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดนโยบายของภาครัฐ โดยที่ประชุมสนับสนุนแนวคิดดังกล่าว และมอบให้เจ้าหน้าที่อาวุโสหารือในรายละเอียดต่อไป
4. การจัดงานแสดงสินค้าอาเซียน ไทยได้เสนอที่จะจัดงานแสดงสินค้า ASEAN Fashion Plus Trade Fair ในช่วงเดือนสิงหาคม 2552 ซึ่งตรงกับที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (AEM) ครั้งที่ 41 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการสร้างตราสินค้าซึ่งนอกเหนือจากการแสดงสินค้า จะมีการจัดกิจกรรมหารือเชิงนโยบายระหว่างภาครัฐและเอกชน เพื่อสนับสนุนการเข้ามามีส่วนร่วมของภาคเอกชนในระดับภูมิภาค โดยได้รับการตอบรับอย่างดีจากประเทศสมาชิก ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกัน โดยเฉพาะในสาขาที่มีศักยภาพและความสนใจร่วมกัน
5. โครงการยุวทูตประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Youth Ambassador) เป็นข้อเสนอโครงการของไทยที่มีเป้าหมายเพื่อปูพื้นฐานเกี่ยวกับ AEC ให้แก่เยาวชนรุ่นใหม่ที่จะก้าวเข้าสู่วัยทำงานและตลาดแรงงานในช่วงที่อาเซียนจะเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งที่ประชุมเห็นควรให้พิจารณาการดำเนินงานร่วมกับโครงการอื่นๆ ที่มีอยู่เดิม และเพิ่มกิจกรรมในรูปแบบใหม่ ๆ เช่น การแข่งขันในเรื่องการวางแผนทางธุรกิจอาเซียน เป็นต้น โดยได้มอบให้เจ้าหน้าที่หารือในรายละเอียดของโครงการต่อไป
6. ความสัมพันธ์ของอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา การเจรจาเขตการค้าเสรี (FTA) ของอาเซียนกับประเทศคู่เจรจา ได้แก่ ความตกลงด้านการลงทุนอาเซียน — เกาหลี ความตกลงการค้าสินค้าอาเซียน — อินเดีย ได้ข้อสรุปและอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อการลงนาม สำหรับกรอบอาเซียน — สหภาพยุโรป มีประเด็นด้านการเมืองระหว่างสหภาพยุโรปกับพม่า ทำให้การเจรจาไม่คืบหน้าและเป็นไปได้ที่สหภาพยุโรปจะเจรจาในรูปแบบทวิภาคีแทน ในส่วนของกรอบอาเซียน+3 และอาเซียน +6 ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของการจัดทำ FTA ซึ่งจะนำเสนอผลการศึกษาให้ AEC พิจารณาว่าควรมีทิศทางดำเนินการอย่างไรต่อไป
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์พิจารณาเห็นว่า ไทยในฐานะประธาน AEC ได้ผลักดันการดำเนินงานหลายด้าน อาทิ การจัดตั้ง SMEs Council การจัดงานแสดงสินค้า ASEAN Trade Fair และโครงการยุวทูต AEC ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะได้ประสานการดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การดำเนินงานเห็นผลเป็นรูปธรรม และน่าจะประกาศผลงานได้ในช่วงการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพในเดือนสิงหาคม ศกนี้
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 16 มิถุนายน 2552 --จบ--