คณะรัฐมนตรีเห็นชอบในหลักการและแนวทางการประกันราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2552/53 ตามมติคณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในคราวประชุมเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2552 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ ดังนี้
1. การประกาศราคาขั้นต่ำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2552/53 กก.ละ 7.10 บาท โดยใช้เกณฑ์ต้นทุนการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% เฉลี่ยทั้งประเทศ เท่ากับกิโลกรัมละ 5.43 บาท ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร รวมค่าขนส่งให้แก่เกษตรกรจากไร่นาไปยังผู้รับซื้อ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 0.25 บาท และค่าตอบแทนให้เกษตรกรร้อยละ 25
2. การทำสัญญาประกันราคา ตั้งแต่เดือนสิงหาคม - พฤศจิกายน 2552 โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทำสัญญาฯ กับเกษตรกรที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ ในพื้นที่เป้าหมายจังหวัดแหล่งผลิต ทั้งนี้ เกษตรกรต้องมีหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกให้ โดยในสัญญาประกันจะระบุมาตรฐานคุณภาพข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคาประกันขั้นต่ำ ปริมาณที่จะทำประกัน และระยะเวลาประกัน
3. การกำหนดราคาตลาดอ้างอิง จะดำเนินการโดยคณะทำงานกำหนดราคาตลาดอ้างอิงข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่แต่งตั้งโดยคณะอนุกรรมการด้านการตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์
4. การประกันราคา เมื่อครบกำหนดระยะเวลาประกัน หากราคาขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในตลาดต่ำกว่าราคาประกันที่ตกลงไว้ตามสัญญา เกษตรกรจะได้รับเงินส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับราคาตลาดอ้างอิง หากราคาตลาดสูงกว่าราคาประกัน เกษตรกรสามารถขายข้าวโพดในตลาดท้องถิ่นได้ตามปกติ ทั้งนี้ภาครัฐต้องจัดสรรงบประมาณชดเชยให้ในกรณีที่ ธ.ก.ส.จะต้องจ่ายชดเชยส่วนต่างให้เกษตรกร เมื่อราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในตลาดต่ำกว่าราคาที่รับประกัน
5. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการฯ ได้แก่ เงินส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับราคาตลาดอ้างอิงค่าใช้จ่ายในการขึ้นทะเบียนเกษตรกร การประชาสัมพันธ์ การกำกับดูแลโครงการฯ และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของ ธ.ก.ส. เป็นต้น
6. การกำกับดูแล
1) คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีดำเนินโครงการฯ รวมทั้งค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการ และคณะอนุกรรมการด้านการตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เป็นผู้พิจารณาผ่อนผันหลักเกณฑ์ เงื่อนไข วิธีดำเนินโครงการฯ ตามความจำเป็นและเหมาะสม
2) คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาเกษตรกรอันเนื่องมาจากผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัดวางระบบตรวจสอบและกำกับดูแลการซื้อขายตามโครงการฯ ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและป้องปรามมิให้มีการทุจริตอย่างเคร่งครัด
3) คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบจากส่วนกลางเข้าไปตรวจสอบ กำกับดูแลการซื้อขายตามโครงการฯ
ข้อเท็จจริง
คณะกรรมการนโยบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ได้ประชุมเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2552 พิจารณาแนวทางการประกันราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ปี 2552/53 โดยสรุป ดังนี้
(1) หลักการ การประกันราคาเป็นมาตรการแทรกแซงราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่เป็นไปตามกลไกตลาด และช่วยลดภาระงบประมาณของรัฐบาล โดยเป็นทางเลือกใหม่ให้กับเกษตรกรนอกจากการรับจำนำ ซึ่งในระยะยาวอาจใช้ทดแทนมาตรการการรับจำนำ
(2) วัตถุประสงค์ 1) เพื่อช่วยเหลือให้เกษตรกรขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ได้ราคาที่สูงขึ้น 2) เพื่อเป็นการใช้กลไกตลาดในการสร้างเสถียรภาพราคาในระยะยาว 3) เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของรัฐบาลในการช่วยเหลือเกษตรกรให้สามารถขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ได้ในราคาที่เหมาะสม
(3) รูปแบบโครงการ 1) ประกาศราคาประกันขั้นต่ำข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ชนิดเมล็ดความชื้นไม่เกิน 14.5% ณ จุดรับซื้อที่เข้าร่วมโครงการ โดยใช้เกณฑ์ต้นทุนการผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ความชื้นไม่เกิน 14.5% เฉลี่ยทั้งประเทศ เท่ากับกิโลกรัมละ 5.43 บาท ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร รวมค่าขนส่งให้แก่เกษตรกรจากไร่นาไปยังจุดรับซื้อ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 0.25 บาท และค่าตอบแทนให้เกษตรกรร้อยละ 25 คิดเป็นราคาประกันขั้นต่ำ กก.ละ 7.10 บาท 2) แนวทางดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ กำหนดจัดทำสัญญาประกันราคา ตั้งแต่เดือนสิงหาคม - พฤศจิกายน 2552 โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ทำสัญญาฯ กับเกษตรกรที่ประสงค์จะเข้าร่วมโครงการฯ ในพื้นที่เป้าหมายจังหวัดแหล่งผลิต ทั้งนี้ เกษตรกรต้องมีหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนเกษตรกรที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ออกให้ โดยในสัญญาประกันจะระบุมาตรฐานคุณภาพข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ราคาประกันขั้นต่ำ ปริมาณที่จะทำประกัน และระยะเวลาประกัน 3) เมื่อครบกำหนดระยะเวลาประกัน หากราคาขายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในตลาด ต่ำกว่าราคาประกันที่ตกลงไว้ตามสัญญา เกษตรกรจะได้รับเงินส่วนต่างระหว่างราคาประกันกับราคาตลาดอ้างอิง หากราคาตลาดสูงกว่าราคาประกันขั้นต่ำ เกษตรกรสามารถขายข้าวโพดในตลาดท้องถิ่นได้ตามปกติ ทั้งนี้ ภาครัฐต้องจัดสรรงบประมาณชดเชยให้ในกรณีที่ ธ.ก.ส.จะต้องจ่ายชดเชยส่วนต่างราคาให้เกษตรกร เมื่อราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ในตลาดต่ำกว่าราคาที่รับประกัน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 14 กรกฎาคม 2552 --จบ--