คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงพาณิชย์ รายงานการค้าระหว่างประเทศของไทยระยะ 7 เดือน ปี 2552 (มกราคม-กรกฎาคม) ดังนี้
1. การส่งออก
1.1 การส่งออกเดือนกรกฎาคม 2552
1.1.1 การส่งออก มีมูลค่า 12,908.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกรกฎาคม 2551 ลดลงร้อยละ 25.7 แต่ดีขึ้นจากเดือนมิถุนายนร้อยละ 4.6 ในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 437,848 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 23.9 แต่ดีขึ้นจากเดือนมิถุนายนร้อยละ 3.8
1.1.2 สินค้าส่งออก การส่งออกสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญลดลงร้อยละ 28.4 เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคมของปี 2551 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายนร้อยละ 0.8 สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญลดลงร้อยละ 22.6 แต่เพิ่มขึ้นจากเดือนมิถุนายนร้อยละ 4.7 และสินค้าอื่นๆ ลดลงร้อยละ 33.1
1.1.3 ตลาดส่งออก การส่งออกไปตลาดหลักลดลงร้อยละ 26.1 ตลาดใหม่ลดลงร้อยละ 25.3
1.2 การส่งออกในระยะ 7 เดือนของปี 2552 (มกราคม-กรกฎาคม)
1.2.1 การส่งออก มีมูลค่า 81,115.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 23.9 ในรูปเงินบาท การส่งออกมีมูลค่า 2,810,797 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 18.2
1.2.2 สินค้าส่งออก สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญลดลงร้อยละ 23.3 สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญลดลงร้อยละ 22.0 และสินค้าอื่นๆ ลดลงร้อยละ 31.3
(1) สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญ ส่วนใหญ่ส่งออกลดลงตามความต้องการในตลาดโลกที่ลดลง การแข่งขันที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ลูกค้าชะลอการสั่งซื้อและมีการต่อรองราคามากขึ้น ยกเว้นกุ้ง และน้ำตาล ที่การส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะที่การส่งออก ข้าว มันสำปะหลัง อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป(ไม่รวมกุ้ง) ผัก ผลไม้สด แช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป ส่งออกลดลง
(2) สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ส่วนใหญ่ส่งออกลดลง
- สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ อัญมณี เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.4 (เป็นการส่งออกทองคำ ที่เพิ่ม ขึ้นถึงร้อยละ 102.3) ผลิตภัณฑ์เภสัช/เครื่องมือแพทย์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 และ อาหารสัตว์เลี้ยง เพิ่มขึ้น ร้อยละ 1.3
- สินค้าที่ส่งออกลดลง ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์และ ส่วนประกอบ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ เลนส์ สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ยาง สิ่งพิมพ์ เครื่องเดินทางและเครื่องหนัง เครื่องสำอาง เครื่องใช้เครื่องประดับตกแต่ง เป็นต้น
(3) สินค้าอื่นๆ ลดลงร้อยละ 31.3 สินค้าสำคัญที่ลดลงในอัตราสูงได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันดิบ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบลดลงร้อยละ 47.7 , 38.9 และ 30.4 ตามลำดับ
1.2.3 ตลาดส่งออก การส่งออกไปตลาดหลักลดลงร้อยละ 31.0 และตลาดใหม่ลดลงร้อยละ 16.2 ทำให้สัดส่วนการส่งออกไปตลาดใหม่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 53.1 ขณะที่สัดส่วนการส่งออกไปตลาดหลักลดลงเป็นร้อยละ 46.9
(1) ตลาดหลัก ส่งออกลดลงในทุกตลาด คือ อาเซียน(5) สหภาพยุโรป ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 35.4 , 31.8 , 24.6 และ 26.1 ตามลำดับ
(2) ตลาดใหม่ ส่งออกลดลงทุกตลาด ได้แก่ ลาตินอเมริกา(ร้อยละ 39.2) ไต้หวัน(31.7) ยุโรปตะวันออก(ร้อยละ 31.4) เกาหลีใต้(ร้อยละ 22.1) อินโดจีน(ร้อยละ 21.3) ฮ่องกง(ร้อยละ 18.9) จีน(ร้อยละ 18.8) ตะวันออกกลาง(ร้อยละ 17.1) ออสเตรเลีย(ร้อยละ 14.8) แคนาดา(ร้อยละ 14.8) อินเดีย (ร้อยละ 10.0) และ แอฟริกา (ร้อยละ 6.4)
2. การนำเข้า
2.1 การนำเข้าเดือนกรกฎาคม 2552
2.1.1 การนำเข้า มูลค่า 12,202.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมา ลดลงร้อยละ 32.5 และเมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2552 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 คิดในรูปเงินบาทมีมูลค่า 418,535.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 30.8
2.1.2 สินค้านำเข้า สินค้านำเข้าสำคัญส่วนใหญ่มีการนำเข้าลดลง ดังนี้
(1) สินค้าเชื้อเพลิง นำเข้ามูลค่า 2,296.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 45.4 สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ น้ำมันดิบ นำเข้าปริมาณ 25.6 ล้านบาร์เรล (826,531 บาร์เรลต่อวัน) มูลค่า 1,782.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ปริมาณและมูลค่า ลดลงร้อยละ 2.3 และร้อยละ 50.4 ตามลำดับ
(2) สินค้าทุน นำเข้ามูลค่า 3,123.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 23.4 สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ นำเข้าลดลงร้อยละ 26.9 เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ลดลงร้อยละ 11.4 เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ 13.4
(3) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป นำเข้ามูลค่า 5,217.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 33.8 สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ อุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ นำเข้าลดลงร้อยละ 12.2 เคมีภัณฑ์ ลดลงร้อยละ 32.1 ทองคำ ปริมาณและมูลค่า เพิ่มขึ้นร้อยละ 142.6 และ 185.4 ตามลำดับ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ปริมาณและมูลค่า ลดลงร้อยละ 72.4 และ 66.6 ตามลำดับ
(4) สินค้าอุปโภคบริโภค นำเข้ามูลค่า 1,154.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 15.8 สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน นำเข้าลดลงร้อยละ 11.6 เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด ลดลงร้อยละ 25.4 ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม ลดลงร้อยละ 1.3
(5) สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ นำเข้ามูลค่า 394.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 24.9 สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ นำเข้าลดลงร้อยละ 26.3 ส่วนประกอบและ อุปกรณ์จักรยานยนต์และรถจักรยาน ลดลงร้อยละ 29.4 รถยนต์นั่ง ลดลงร้อยละ 12.4 รถยนต์โดยสารและรถบรรทุก ลดลงร้อยละ 18.2
2.2 การนำเข้าในระยะ 7 เดือนของปี 2552 (มกราคม-กรกฎาคม)
2.2.1 การนำเข้า การนำเข้ามีมูลค่า 69,418.0 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปี 2551 ลดลงร้อยละ 34.9
2.2.2 สินค้านำเข้าสำคัญ
(1) สินค้าเชื้อเพลิง นำเข้ามูลค่า 12,497.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 45.0 เป็นการนำเข้าน้ำมันดิบปริมาณ 173.4 ล้านบาร์เรล เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.57 มูลค่า 9,435.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 49.7
(2) สินค้าทุน นำเข้ามูลค่า 19,690.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 24.3 เป็นการนำเข้าเครื่องจักรกล และส่วนประกอบ ลดลงร้อยละ 20.4 เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ ลดลงร้อยละ 25.2 เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ลดลงร้อยละ 25.1
(3) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป มูลค่า 27,672.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 39.5 เป็นการนำเข้าอุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ลดลงร้อยละ 27.3 เคมีภัณฑ์ ลดลงร้อยละ 42.3 เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ลดลงร้อยละ 60.4 เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ ลดลงร้อยละ 25.5 โดยเป็นการนำเข้า ทองคำ ลดลงร้อยละ 9.1
(4) กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค มูลค่า 7,272.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 18.1 เป็นการนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน ลดลงร้อยละ 18.5 เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด ลดลงร้อยละ 21.8 ผลิตภัณฑ์เวชภัณฑ์และเภสัช ลดลงร้อยละ 7.4
(5) กลุ่มสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่ง มูลค่า 2,106.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง ร้อยละ 35.0 เป็นการนำเข้าส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ ลดลงร้อยละ 38.2
3. ดุลการค้า
3.1 ดุลการค้าเดือนกรกฎาคม 2552 ไทยเกินดุลการค้า 706.0 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อคิดในรูปเงินบาท ไทยเกินดุลการค้ามูลค่า 19,311.8 ล้านบาท
3.2 ดุลการค้าในระยะ 7 เดือนของปี 2552 (มกราคม-กรกฎาคม) ไทยเกินดุลการค้า 11,697.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อคิดในรูปเงินบาทไทยเกินดุลการค้ามูลค่า 380,838.7 ล้านบาท
4. ข้อสังเกต
4.1 เมื่อพิจารณาการส่งออกเป็นรายเดือนจะเห็นได้ว่ามูลค่าการส่งออกมีแนวโน้มที่สูงขึ้น อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา และคาดว่าการส่งออกในระยะต่อไปจะมีแนวโน้มที่ปรับตัวดีขึ้น เป็นลำดับ เนื่องจากเศรษฐกิจและการค้าของตลาดส่งออกสำคัญเริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ประกอบกับสต็อกของผู้นำเข้าในต่างประเทศที่ลดลง ทำให้ผู้ซื้อในต่างประเทศเริ่มกลับมาซื้อมากขึ้น ทั้งสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรม
4.2 ค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องนับแต่เดือนพฤษภาคม 2552 เป็นต้นมาจาก 35.45 บาทในเดือนเมษายน 2552 เป็น 34.57, 34.13 และ 34.05 ในเดือนพฤษภาคม มิถุนายน และ กรกฎาคม ตามลำดับ (อัตราอ้างอิงจากธนาคารแห่งประเทศไทย) ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทย
4.3 การนำเข้าในเดือนกรกฎาคม 2552 เมื่อเทียบกับเดือนมิถุนายน 2552 เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 แสดงว่านักลงทุนมีความมั่นใจในสถานการณ์ทางการเมืองและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเริ่มเห็นผล โดยมีการลงทุนมากขึ้น ประกอบกับเริ่มมีคำสั่งซื้อเข้ามาจากลูกค้าต่างประเทศ ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อการส่งออกและเศรษฐกิจของไทย
4.4 แม้ว่าภาวะตลาดโลกมีการแข่งขันสูงแต่ละประเทศมีการนำเข้าลดลง แต่สินค้าไทยยังคงสามารถรักษาส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ในตลาดที่สำคัญ ๆ ได้และยังขยายส่วนแบ่งสินค้าไทยในตลาดโลกได้เพิ่มขึ้น เช่น
ส่วนแบ่งตลาดของไทยในตลาดส่งออกสำคัญ (ร้อยละ)
ปี 2551 ปี 2552 - สหรัฐฯ 1.12 1.19 (มค.-มิย.) - ญี่ปุ่น 2.73 2.87 (มค.-มิย.) - สหภาพยุโรป 0.96 1.04 (มค.-เมย.) - จีน 2.27 2.45 (มค.-มิย.) - ฮ่องกง 2.27 2.67 (มค.-มิย.) - ออสเตรเลีย 4.52 5.44 (มค.-มิย.) - แคนาดา 0.58 0.61 (มค.-มิย.) - ไต้หวัน 1.35 1.65 (มค.-พค.) - อินเดีย 0.89 1.14 (มค.-กพ.)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 1 กันยายน 2552 --จบ--