คำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ (ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553)

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday October 7, 2009 15:36 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ คำสั่งที่ 33/2552 ลงวันที่ 30 กันยายน 2552 ซึ่งมีคำสั่งไม่รับคำร้องของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 71 คน ที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ตราขึ้นโดยถูกต้องตามรัฐธรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 167 วรรคหนึ่งหรือไม่ ตามที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญส่งมาเพื่อทราบ

เรื่องเดิม

ประธานรัฐสภาแจ้งว่า นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคเพื่อไทยกับคณะ ได้อาศัยอำนาจตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 154 (1) เข้าชื่อเสนอคำร้องต่อประธานรัฐสภา เพื่อขอให้ส่งคำร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 167 วรรคหนึ่ง ซึ่งสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทราบแล้วเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2552

ข้อเท็จจริง

ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาคำร้องของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรดังกล่าวแล้วเห็นว่า ผู้ร้องได้ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า ในชั้นการแปรญัตติเพิ่มเติมงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2553 ของคณะกรรมาธิการในวาระที่ 2 และวาระที่ 3 ไม่ได้นำเสนอรายละเอียดของแผนงานและโครงการในแต่ละรายการของการใช้จ่ายงบประมาณตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้หน่วยงานราชการต่างๆ เสนอขอเพิ่มเติมงบประมาณผ่านสำนักงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อทดแทนงบประมาณที่คณะกรรมาธิการได้ปรับลดลงไปกว่า 22,000,000,000 ให้ชัดเจนตามรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 167 วรรคหนึ่ง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาแล้วเห็นว่า มาตราดังกล่าวใช้ในการนำเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณเท่านั้น มิได้ใช้บังคับกับการขอแปรญัตติร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวตามคำร้องแต่อย่างใด กรณีตามคำร้องจึงไม่ต้องด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 167 วรรคหนึ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญจะรับไว้พิจารณาวินิจฉัย

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 6 ตุลาคม 2552 --จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ