คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติการบริหารราชการจังหวัดชายแดนใต้ พ.ศ. .... ที่กระทรวงมหาดไทยแก้ไขจากร่างที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้ว ยกเว้นประเด็นในเรื่องโครงสร้างของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในร่างมาตรา 8 และร่างมาตราอื่น ๆ ซึ่งแก้ไขให้สอดคล้องกับร่างมาตรา 8 ให้เป็นไปตามร่างที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และมอบให้กระทรวงมหาดไทยแก้ไขปรับปรุงร่างตามมติคณะรัฐมนตรี แล้วเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา พร้อมทั้งส่งให้คณะกรรมการประสานงานด้านนิติบัญญัติพิจารณาไปในคราวเดียวกัน
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติ
1. กำหนดให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จัดทำนโยบายเสริมสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้ ให้ สมช. พิจารณาทบทวนและปรับปรุงนโยบายดังกล่าวทุกรอบระยะเวลา 5 ปี ซึ่งนโยบายนี้อย่างน้อยต้องมีสาระสำคัญครอบคลุมทั้งด้านความมั่นคงและด้านการพัฒนา และให้หน่วยงานของรัฐใช้นโยบายนี้เป็นกรอบแนวทางในการปฏิบัติงาน (ร่างมาตรา 4)
2. ให้ กอ.รมน. ปรับปรุงแผนและแนวทางในการปฏิบัติงาน กอ.รมน.ดำเนินการอยู่แล้วตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 ให้สอดคล้องกับนโยบายเสริมสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ร่างมาตรา 5)
3. ให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรียกโดยย่อว่า “กพต.” มีองค์ประกอบ และอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ทั้งนี้ ได้ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของ กพต. โดยให้ทำหน้าที่ให้ความเห็นชอบยุทธศาสตร์ที่ ศอ.บต. จัดทำ (ร่างมาตรา 6 — ร่างมาตรา 7)
4. ให้มีศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรียกโดยย่อว่า “ศอ.บต.” เป็นส่วนราชการที่ไม่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวง หรือทบวง มีฐานะเป็นนิติบุคคล และอยู่ในบังคับบัญชาของเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ และมีอำนาจหน้าที่ตามที่กำหนด ซึ่งตำแหน่งเลขาธิการฯ นั้น ได้กำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้นำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง และให้ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี (ร่างมาตรา 8 — ร่างมาตรา 9 และร่างมาตรา 12)
5. ปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของ ศอ.บต. ให้เหมาะสม ทั้งนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการปรับปรุงอำนาจหน้าที่ของ กอ.รมน. และ กพต. (ร่างมาตรา 9 — ร่างมาตรา 10)
6. ให้เลขาธิการฯ มีอำนาจอนุมัติให้เลื่อนเงินเดือนประจำปีเป็นกรณีพิเศษสำหรับเจ้าหน้าที่ของรัฐฝ่ายพลเรือนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีกำหนด (ร่างมาตรา 13)
7. แก้ไขบทบัญญัติว่าด้วยการรักษาราชการแทน โดยกำหนดให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนเลขาธิการฯ แทนการกำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้แต่งตั้ง (ร่างมาตรา 14)
8. กำหนดให้ระเบียบที่ ศอ.บต. อาจกำหนดขึ้นใช้บังคับได้เองต้องให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบก่อนที่จะประกาศใช้ (ร่างมาตรา 15)
9. ให้คณะรัฐมนตรีกำหนดระเบียบเกี่ยวกับการมอบอำนาจให้เลขาธิการเป็นผู้ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ปลัดกระทรวง ปลัดทบวง อธิบดี หรือหัวหน้าส่วนราชการซึ่งดำรงตำแหน่งเทียบเท่าและการมอบอำนาจของเลขาธิการฯ หรืออำนาจที่เลขาธิการฯ ได้รับมอบหมายให้แก่ผู้ดำรงตำแหน่งอื่น (ร่างมาตรา 17)
10. กำหนดให้องค์ประกอบของสภาเสริมสร้างสันติสุขในจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีสมาชิกซึ่งนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้ทรงคุณวุฒิโดยคำนึงถึงความหลากหลายด้านอาชีพ ความรู้ และประสบการณ์ จำนวนไม่เกิน 50 คน กำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาสมาชิก การประชุม ค่าตอบแทน ค่าเบี้ยประชุม ค่าเดินทางไปราชการ และการพ้นจากตำแหน่ง ให้เป็นไปตามระเบียบที่ ศอ.บต.กำหนด รวมทั้งกำหนดคุณสมบัติของสมาชิก ตลอดจนกำหนดให้สภาเสริมสร้างสันติสุขฯ ทำหน้าที่เสนอแนะและให้คำปรึกษาในการแก้ไขปัญหาในจังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อ ศอ.บต. (ร่างมาตรา 18 — ร่างมาตรา 20)
11. ให้มีการโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หน้าที่ ข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง และอัตรากำลังเฉพาะของ ศอ.บต. รวมทั้งให้โอนงบประมาณและหนี้สินของ กอ.รมน. ในส่วนที่เกี่ยวกับภารกิจของ ศอ.บต. ตามพระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551 มาเป็นของ ศอ.บต. ตามร่างพระราชบัญญัตินี้ (ร่างมาตรา 24 และ ร่างมาตรา 25)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 20 ตุลาคม 2552 --จบ--