คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาต่อไป
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. ....
ร่างพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. .... ประกอบไปด้วยกฎหมาย จำนววน 162 มาตรา โดยแบ่งออกเป็น 9 หมวด ดังนี้
- มาตรา 4 กำหนดนิยาม ธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย และธนาคารพาณิชย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารต่างประเทศ ให้สอดคล้องตามแผนปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (Financial Master plan)
- มาตรา 5 ให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทยอาจเสนอให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อให้นำบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคับกับการประกอบกิจการที่มีลักษณะเป็นการรับฝากเงิน รับเงินจากประชาชน ให้สินเชื่อ หรือธุรกิจทางการเงินโดยที่กิจการนั้นมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและไม่ได้มีกฎหมายควบคุมเป็นการเฉพาะ
- มาตรา 8 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาพระราชบัญญัตินี้ และให้ธนาคารแห่งประเทศไทย มีหน้าที่ชี้แจงการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินหรือการเข้าควบคุมสถาบันการเงินต่อสภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา เมื่อได้รับแจ้งให้ไปชี้แจงในเรื่องดังกล่าว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทราบโดยไม่ชักช้า
หมวด 1 การจัดตั้งและรับใบอนุญาต
- ให้อำนาจในการจัดตั้งและออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจสถาบันการเงินเป็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทย
- การขอเลิกกิจการ การเพิกถอนใบอนุญาตให้เป็นอำนาจของธนาคารแห่งประเทศไทย และภายหลังเพิกถอนใบอนุญาตแล้วให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานรัฐมนตรีทราบโดยไม่ชักช้า
หมวด 2 โครงสร้างของสถาบันการเงิน
ส่วนที่ 1 หุ้นและผู้ถือหุ้น
- กำหนดหลักเกณฑ์การถือหุ้น สัญชาติของผู้ถือหุ้น จำนวนหุ้นสูงสุดของแต่ละบุคคล
ส่วนที่ 2 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการ
- กำหนดคุณสมบัติของกรรมการ ผู้บริหาร ผู้จัดการ ผู้มีอำนาจจัดการของสถาบันการเงิน
หมวด 3 การกำกับสถาบันการเงิน
ส่วนที่ 1 การดำรงเงินกองทุนและสินทรัพย์
- ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจในการกำหนดอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์หนี้สิน ภาระผูกพันหรือตัวแปรและความเสี่ยงอื่นใด ประเภท/ชนิดของการดำรงเงินกองทุน รวมทั้งกำหนดให้สถาบันการเงินต้องเปิดเผยข้อมูลในส่วนของเงินกองทุนตามข้อกำหนดในหลักเกณฑ์ของมาตรฐานสากล
ส่วนที่ 2 การลงทุนของสถาบันการเงิน
- กำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการเงื่อนไขการดำรงเงินกองทุน การให้สินเชื่อ การลงทุน ของสถาบันการเงิน
ส่วนที่ 3 การประกอบธุรกิจ
- กำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดประเภทธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องที่สถาบันการเงินสามารถทำได้ ให้สถาบันการเงินประกาศข้อมูลเรื่องอัตราดอกเบี้ย อัตราส่วนลดและค่าบริการต่าง ๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องต่างๆ ของสถาบันการเงินที่มีนัยสำคัญ เช่น การขายหรือโอนกิจการบางส่วนที่สำคัญหรือทั้งหมด การควบกิจการ การโอนกิจการ ต้องขอความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย และให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานรัฐมนตรี โดยไม่ชักช้า
ส่วนที่ 4 การใช้บริการจากผู้ให้บริการภายนอก
- การใช้บริการจากผู้ให้บริการภายนอกเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ธนาคารแห่ง ประเทศไทยกำหนด
ส่วนที่ 5 ข้อห้ามในการให้สินเชื่อ
- กำหนดให้สถาบันการเงินสามารถให้สินเชื่อ ลงทุนหรือก่อภาระผูกพันแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่เกิน ร้อยละ 25 ของเงินกองทุน รวมทั้งกำหนดข้อยกเว้นการให้สินเชื่อหรือลงทุนกับกิจการบางประเภท
ส่วนที่ 6 กลุ่มธุรกิจทางการเงิน
- กำหนดให้การจัดตั้งกลุ่มธุรกิจต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งการถือหุ้นของบริษัทแม่ที่เป็นบริษัทจำกัดหรือสถาบันการเงินสามารถถือหุ้นในบริษัทลูกได้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะกำหนด
- ให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทยในการกำกับ ตรวจสอบบริษัทแม่ บริษัทลูก บริษัทร่วมของกลุ่มธุรกิจทางการเงินได้
ส่วนที่ 7 การจัดชั้นสินทรัพย์และการกันสำรอง
ส่วนที่ 8 การบริหารสินทรัพย์และการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง
ส่วนที่ 9 การจัดทำบัญชี การรายงาน และผู้สอบบัญชี
- หากผู้สอบบัญชีพบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นในสถาบันการเงิน ต้องแจ้งธนาคารแห่งประเทศไทยทันที พร้อมทั้งส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
ส่วนที่ 10 การควบ โอน และเลิกกิจการ
- การควบ การโอนกิจการต้องได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย การเลิกกิจการ/หยุดประกอบกิจการชั่วคราวต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน แล้วให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานต่อรัฐมนตรีทราบโดยไม่ชักช้า
ส่วนที่ 11 การกำกับทั่วไป
- ลดทุนต้องขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย
- หากปริมาณการประกอบธุรกิจของสถาบันการเงินไม่เป็นไปตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นสมควรในช่วงเวลา 2 ปี ธนาคารแห่งประเทศไทยจะสั่งเพิกถอนใบอนุญาตก็ได้ และให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานต่อรัฐมนตรีทราบโดยไม่ชักช้า
หมวด 4 การตรวจสอบสถาบันการเงิน
- ธนาคารแห่งประเทศไทยแต่งตั้งผู้ตรวจการสถาบันการเงิน เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบกิจการ สินทรัพย์ และหนี้สินของสถาบันการเงิน รวมทั้งบริษัทแม่ บริษัทลูก บริษัทร่วมในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน (Conglomerate Supervision)
- กำหนดให้ผู้ตรวจการสถาบันการเงินต้องรับผิดหากกระทำการโดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
หมวด 5 มาตรการในการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงิน
- กรณีที่ตรวจพบว่าสถาบันการเงินประสบปัญหาการขาดสภาพคล่อง หรือด้านการดำเนินการอื่น ๆ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับสถาบันการเงินทันที โดยมีรูปแบบการดำเนินการ ดังนี้
(1) กรณีเห็นว่าการดำเนินงานของสถาบันการเงินอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจดำเนินการสั่งให้ แก้ไขปัญหา ลดทุน/เพิ่มทุน ระงับการดำเนินการบางส่วน/ชั่วคราว ถอดถอนกรรมการ ควบคุมสถาบันการเงิน หรือเพิกถอนใบอนุญาต (เป็นการใช้ดุลยพินิจ)
(2) กรณีที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์ไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดได้มีการกำหนดมาตรการ Prompt Corrective Action เป็นสามขั้นตอน ได้แก่
2.1) เงินกองทุนต่ำกว่าอัตราที่กำหนด ต้องเสนอโครงการเพื่อแก้ไขฐานะและการ ดำเนินการต่อธนาคารแห่งประเทศไทย
2.2) เงินกองทุนต่ำกว่าร้อยละ 60 ของอัตราที่กำหนด ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่กฎหมายกำหนด
2.3) เงินกองทุนต่ำกว่าร้อยละ 35 ของอัตราที่กำหนด ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต
- เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งให้สถาบันการเงินดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือได้รับรายงานเกี่ยวกับสถาบันการเงินตามความในหมวด 5 นี้ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานต่อรัฐมนตรีเพื่อทราบโดยไม่ชักช้า
หมวด 6 การเข้าควบคุมสถาบันการเงิน
- เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจสอบแล้วพบว่าสถาบันการเงินมีความอ่อนแอจะมีการตั้งคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินเข้าไปทำหน้าที่แทนผู้บริหารของสถาบันการเงินโดยมีเจ้าหน้าที่ของสถาบันคุ้มครองเงินฝากร่วมเป็นกรรมการด้วย หากคณะกรรมการควบคุมเห็นว่าสถาบันการเงินยังสามารถดำเนินการได้ก็ให้คณะกรรมการควบคุมเสนอโครงการเพื่อฟื้นฟูสถาบันการเงินนั้นต่อธนาคารแห่งประเทศไทย แต่หากคณะกรรมการควบคุมเห็นว่าสถาบันการเงินดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเพิกถอนใบอนุญาตและให้สถาบันคุ้มครองเงินฝากทำหน้าที่ชำระบัญชีและช่วยเหลือผู้ฝากเงินซึ่งจะสอดรับกับกฎหมายสถาบันคุ้มครองเงินฝากด้วย
- เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งให้สถาบันการเงินดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือได้รับรายงานเกี่ยวกับสถาบันการเงินตามความในหมวด 6 นี้ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานต่อรัฐมนตรีเพื่อทราบโดยไม่ชักช้า
หมวด 7 การกำกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
- กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสามารถมอบอำนาจในบางกรณีให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินการแทนได้ ทั้งนี้ เนื่องจากโครงสร้างของสถาบันการเงินเฉพาะกิจบางแห่งมีลักษณะที่เตรียมความพร้อมเพื่อการปรับเปลี่ยนเป็นสถาบันการเงินที่ถือหุ้นหลักโดยภาคเอกชน การนำเกณฑ์ของสถาบันการเงินมาใช้บังคับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จึงช่วยให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจมีความเข้มแข็งด้วย
หมวด 8 บทกำหนดโทษ
- กำหนดการลงโทษผู้กระทำความผิดตามกฎหมายนี้ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
หมวด 9 บทเฉพาะกาล
- มีการกำหนดบทเฉพาะกาลให้มีการกำกับตามกฎหมายเดิม และเมื่อร่างกฎหมายฉบับนี้ประกาศและมีผลบังคับแล้วใช้ให้สอดรับกัน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 พฤศจิกายน 2549--จบ--
สาระสำคัญของร่างพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. ....
ร่างพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ. .... ประกอบไปด้วยกฎหมาย จำนววน 162 มาตรา โดยแบ่งออกเป็น 9 หมวด ดังนี้
- มาตรา 4 กำหนดนิยาม ธนาคารพาณิชย์เพื่อรายย่อย และธนาคารพาณิชย์ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารต่างประเทศ ให้สอดคล้องตามแผนปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (Financial Master plan)
- มาตรา 5 ให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทยอาจเสนอให้มีการตราพระราชกฤษฎีกาเพื่อให้นำบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้มาใช้บังคับกับการประกอบกิจการที่มีลักษณะเป็นการรับฝากเงิน รับเงินจากประชาชน ให้สินเชื่อ หรือธุรกิจทางการเงินโดยที่กิจการนั้นมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและไม่ได้มีกฎหมายควบคุมเป็นการเฉพาะ
- มาตรา 8 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรักษาพระราชบัญญัตินี้ และให้ธนาคารแห่งประเทศไทย มีหน้าที่ชี้แจงการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงินหรือการเข้าควบคุมสถาบันการเงินต่อสภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา เมื่อได้รับแจ้งให้ไปชี้แจงในเรื่องดังกล่าว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังทราบโดยไม่ชักช้า
หมวด 1 การจัดตั้งและรับใบอนุญาต
- ให้อำนาจในการจัดตั้งและออกใบอนุญาตประกอบธุรกิจสถาบันการเงินเป็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังโดยคำแนะนำของธนาคารแห่งประเทศไทย
- การขอเลิกกิจการ การเพิกถอนใบอนุญาตให้เป็นอำนาจของธนาคารแห่งประเทศไทย และภายหลังเพิกถอนใบอนุญาตแล้วให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานรัฐมนตรีทราบโดยไม่ชักช้า
หมวด 2 โครงสร้างของสถาบันการเงิน
ส่วนที่ 1 หุ้นและผู้ถือหุ้น
- กำหนดหลักเกณฑ์การถือหุ้น สัญชาติของผู้ถือหุ้น จำนวนหุ้นสูงสุดของแต่ละบุคคล
ส่วนที่ 2 กรรมการ ผู้จัดการ หรือผู้มีอำนาจในการจัดการ
- กำหนดคุณสมบัติของกรรมการ ผู้บริหาร ผู้จัดการ ผู้มีอำนาจจัดการของสถาบันการเงิน
หมวด 3 การกำกับสถาบันการเงิน
ส่วนที่ 1 การดำรงเงินกองทุนและสินทรัพย์
- ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจในการกำหนดอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์หนี้สิน ภาระผูกพันหรือตัวแปรและความเสี่ยงอื่นใด ประเภท/ชนิดของการดำรงเงินกองทุน รวมทั้งกำหนดให้สถาบันการเงินต้องเปิดเผยข้อมูลในส่วนของเงินกองทุนตามข้อกำหนดในหลักเกณฑ์ของมาตรฐานสากล
ส่วนที่ 2 การลงทุนของสถาบันการเงิน
- กำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการเงื่อนไขการดำรงเงินกองทุน การให้สินเชื่อ การลงทุน ของสถาบันการเงิน
ส่วนที่ 3 การประกอบธุรกิจ
- กำหนดให้ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดประเภทธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องที่สถาบันการเงินสามารถทำได้ ให้สถาบันการเงินประกาศข้อมูลเรื่องอัตราดอกเบี้ย อัตราส่วนลดและค่าบริการต่าง ๆ รวมถึงการเปลี่ยนแปลงในเรื่องต่างๆ ของสถาบันการเงินที่มีนัยสำคัญ เช่น การขายหรือโอนกิจการบางส่วนที่สำคัญหรือทั้งหมด การควบกิจการ การโอนกิจการ ต้องขอความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย และให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานรัฐมนตรี โดยไม่ชักช้า
ส่วนที่ 4 การใช้บริการจากผู้ให้บริการภายนอก
- การใช้บริการจากผู้ให้บริการภายนอกเป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่ธนาคารแห่ง ประเทศไทยกำหนด
ส่วนที่ 5 ข้อห้ามในการให้สินเชื่อ
- กำหนดให้สถาบันการเงินสามารถให้สินเชื่อ ลงทุนหรือก่อภาระผูกพันแก่บุคคลหนึ่งบุคคลใดไม่เกิน ร้อยละ 25 ของเงินกองทุน รวมทั้งกำหนดข้อยกเว้นการให้สินเชื่อหรือลงทุนกับกิจการบางประเภท
ส่วนที่ 6 กลุ่มธุรกิจทางการเงิน
- กำหนดให้การจัดตั้งกลุ่มธุรกิจต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งการถือหุ้นของบริษัทแม่ที่เป็นบริษัทจำกัดหรือสถาบันการเงินสามารถถือหุ้นในบริษัทลูกได้ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจะกำหนด
- ให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทยในการกำกับ ตรวจสอบบริษัทแม่ บริษัทลูก บริษัทร่วมของกลุ่มธุรกิจทางการเงินได้
ส่วนที่ 7 การจัดชั้นสินทรัพย์และการกันสำรอง
ส่วนที่ 8 การบริหารสินทรัพย์และการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง
ส่วนที่ 9 การจัดทำบัญชี การรายงาน และผู้สอบบัญชี
- หากผู้สอบบัญชีพบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นในสถาบันการเงิน ต้องแจ้งธนาคารแห่งประเทศไทยทันที พร้อมทั้งส่งเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
ส่วนที่ 10 การควบ โอน และเลิกกิจการ
- การควบ การโอนกิจการต้องได้รับความเห็นชอบจากธนาคารแห่งประเทศไทย การเลิกกิจการ/หยุดประกอบกิจการชั่วคราวต้องได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยก่อน แล้วให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานต่อรัฐมนตรีทราบโดยไม่ชักช้า
ส่วนที่ 11 การกำกับทั่วไป
- ลดทุนต้องขออนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทย
- หากปริมาณการประกอบธุรกิจของสถาบันการเงินไม่เป็นไปตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเห็นสมควรในช่วงเวลา 2 ปี ธนาคารแห่งประเทศไทยจะสั่งเพิกถอนใบอนุญาตก็ได้ และให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานต่อรัฐมนตรีทราบโดยไม่ชักช้า
หมวด 4 การตรวจสอบสถาบันการเงิน
- ธนาคารแห่งประเทศไทยแต่งตั้งผู้ตรวจการสถาบันการเงิน เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบกิจการ สินทรัพย์ และหนี้สินของสถาบันการเงิน รวมทั้งบริษัทแม่ บริษัทลูก บริษัทร่วมในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน (Conglomerate Supervision)
- กำหนดให้ผู้ตรวจการสถาบันการเงินต้องรับผิดหากกระทำการโดยทุจริตหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
หมวด 5 มาตรการในการแก้ไขปัญหาสถาบันการเงิน
- กรณีที่ตรวจพบว่าสถาบันการเงินประสบปัญหาการขาดสภาพคล่อง หรือด้านการดำเนินการอื่น ๆ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งกับสถาบันการเงินทันที โดยมีรูปแบบการดำเนินการ ดังนี้
(1) กรณีเห็นว่าการดำเนินงานของสถาบันการเงินอาจก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ธนาคารแห่งประเทศไทยมีอำนาจดำเนินการสั่งให้ แก้ไขปัญหา ลดทุน/เพิ่มทุน ระงับการดำเนินการบางส่วน/ชั่วคราว ถอดถอนกรรมการ ควบคุมสถาบันการเงิน หรือเพิกถอนใบอนุญาต (เป็นการใช้ดุลยพินิจ)
(2) กรณีที่อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์ไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดได้มีการกำหนดมาตรการ Prompt Corrective Action เป็นสามขั้นตอน ได้แก่
2.1) เงินกองทุนต่ำกว่าอัตราที่กำหนด ต้องเสนอโครงการเพื่อแก้ไขฐานะและการ ดำเนินการต่อธนาคารแห่งประเทศไทย
2.2) เงินกองทุนต่ำกว่าร้อยละ 60 ของอัตราที่กำหนด ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดตามที่กฎหมายกำหนด
2.3) เงินกองทุนต่ำกว่าร้อยละ 35 ของอัตราที่กำหนด ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต
- เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งให้สถาบันการเงินดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือได้รับรายงานเกี่ยวกับสถาบันการเงินตามความในหมวด 5 นี้ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานต่อรัฐมนตรีเพื่อทราบโดยไม่ชักช้า
หมวด 6 การเข้าควบคุมสถาบันการเงิน
- เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยตรวจสอบแล้วพบว่าสถาบันการเงินมีความอ่อนแอจะมีการตั้งคณะกรรมการควบคุมสถาบันการเงินเข้าไปทำหน้าที่แทนผู้บริหารของสถาบันการเงินโดยมีเจ้าหน้าที่ของสถาบันคุ้มครองเงินฝากร่วมเป็นกรรมการด้วย หากคณะกรรมการควบคุมเห็นว่าสถาบันการเงินยังสามารถดำเนินการได้ก็ให้คณะกรรมการควบคุมเสนอโครงการเพื่อฟื้นฟูสถาบันการเงินนั้นต่อธนาคารแห่งประเทศไทย แต่หากคณะกรรมการควบคุมเห็นว่าสถาบันการเงินดังกล่าวไม่สามารถดำเนินการได้แล้ว ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเพิกถอนใบอนุญาตและให้สถาบันคุ้มครองเงินฝากทำหน้าที่ชำระบัญชีและช่วยเหลือผู้ฝากเงินซึ่งจะสอดรับกับกฎหมายสถาบันคุ้มครองเงินฝากด้วย
- เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยมีคำสั่งให้สถาบันการเงินดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งหรือได้รับรายงานเกี่ยวกับสถาบันการเงินตามความในหมวด 6 นี้ ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยรายงานต่อรัฐมนตรีเพื่อทราบโดยไม่ชักช้า
หมวด 7 การกำกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ
- กำหนดให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสามารถมอบอำนาจในบางกรณีให้ธนาคารแห่งประเทศไทยดำเนินการแทนได้ ทั้งนี้ เนื่องจากโครงสร้างของสถาบันการเงินเฉพาะกิจบางแห่งมีลักษณะที่เตรียมความพร้อมเพื่อการปรับเปลี่ยนเป็นสถาบันการเงินที่ถือหุ้นหลักโดยภาคเอกชน การนำเกณฑ์ของสถาบันการเงินมาใช้บังคับสถาบันการเงินเฉพาะกิจ จึงช่วยให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจมีความเข้มแข็งด้วย
หมวด 8 บทกำหนดโทษ
- กำหนดการลงโทษผู้กระทำความผิดตามกฎหมายนี้ให้มีความเหมาะสมมากยิ่งขึ้น
หมวด 9 บทเฉพาะกาล
- มีการกำหนดบทเฉพาะกาลให้มีการกำกับตามกฎหมายเดิม และเมื่อร่างกฎหมายฉบับนี้ประกาศและมีผลบังคับแล้วใช้ให้สอดรับกัน
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีชุดพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 พฤศจิกายน 2549--จบ--