การค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 3 เดือนแรกของปี 2553 (มกราคม-มีนาคม)

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday May 12, 2010 16:25 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 3 เดือนแรกของปี 2553 (มกราคม-มีนาคม) ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

1. การส่งออก

1.1 การส่งออกเดือนมีนาคม 2553

1.1.1 การส่งออก มีมูลค่า 16,253.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในอัตราสูงถึงร้อยละ 40.9 เป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ห้า การส่งออกยังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากช่วงปลายปี 2552 ส่วนในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 535,384.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.5

1.1.2 สินค้าส่งออก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในทุกหมวดสินค้า โดยสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 49.2 ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 36.5 และสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 52.9

(1) สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตร ส่งออกเพิ่มขึ้นทุกรายการ ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกที่เพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า เช่น ข้าว มันสำปะหลัง น้ำตาล สินค้าอาหารประเภท อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ผักและผลไม้ และ ไก่แช่แข็งและแปรรูป ยกเว้น ยางพารา ที่มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นในอัตราสูง แต่ปริมาณส่งออกลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.7 เนื่องจากผลผลิตน้ำยางลดลงจากปัญหาภัยแล้ง ขณะที่ความต้องการในตลาดโลกยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจีน

(2) สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ส่งออกเพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ ยกเว้นทองคำที่ส่งออก ลดลงต่อเนื่องร้อยละ 57.3 สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก สิ่งทอ ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์ เลนส์ เครื่องสำอาง และอัญมณี (ที่หักทองคำออกแล้วส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 35.8) เป็นต้น

1.1.3 ตลาดส่งออก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราสูง ทั้งในตลาดหลักและตลาดใหม่

(1) ตลาดหลัก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ห้า และขยายตัวในอัตราที่ค่อนข้างสูงต่อเนื่องถึงร้อยละ 50.1 เป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด โดยเฉพาะอาเซียน(5) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 85.0 ขณะที่ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป(15) และ สหรัฐฯ ก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นในอัตราสูงเช่นเดียวกัน

(2) ตลาดใหม่ ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่เจ็ด เป็นการเพิ่มขึ้นในเกือบทุกตลาดได้แก่ จีน ฮ่องกง อินโดจีนและพม่า ทวีปออสเตรเลีย อินเดีย ไต้หวัน เกาหลีใต้ ลาตินอเมริกา ยุโรปตะวันออก แคนาดา และตะวันออกกลาง ส่วน ตลาดที่ส่fงออกลดลง ได้แก่ แอฟริกา ลดลงร้อยละ 15.2 เป็นการลดลงของการส่งออกไปยังมาดากัสการ์ที่ลดลงถึงร้อยละ 98.5 สินค้าที่ส่งออกลดลงได้แก่ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ลดลงถึงร้อยละ 99.8 เนื่องจากในปี 2552 ผู้ประกอบการไทยไปรับงานก่อสร้างในมาดากัสการ์ทำให้มีการส่งออกโครงก่อสร้างไปมากในเดือนมีนาคมและพฤษภาคม

1.2 การส่งออกในระยะ 3 เดือนแรกของปี 2553 (ม.ค.-มี.ค.)

1.2.1 การส่งออก การส่งออกมีมูลค่า 44,380.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.6 ในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 1,459,524.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.8

1.2.2 สินค้าส่งออก สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.7 สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 26.3 และสินค้าอื่น ๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.2

(1) สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญ ส่งออกเพิ่มขึ้นทุกรายการ เป็นการเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า โดยเฉพาะ ข้าว ยางพารา มันสำปะหลัง น้ำตาล และสินค้าอาหาร ประเภท อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ผักและผลไม้ ไก่แช่แข็งและแปรรูป และ อาหารอื่น ๆ

(2) สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ส่งออกเพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ ไฟฟ้า ยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง สิ่งพิมพ์ เครื่องสำอาง เลนส์ และ เฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งอัญมณีที่หักทองคำออกแล้วส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 24.7 (การส่งออกทองคำลดลงร้อยละ 87.2) เป็นต้น สินค้าที่ส่งออกลดลงได้แก่ เครื่องเดินทางและ เครื่องหนัง ลดลงร้อยละ 0.6 เป็นการ ลดลงของการส่งออกรองเท้าที่ลดลงร้อยละ 13.7 เนื่องจากการย้ายฐานการผลิตรองเท้ากีฬาไปเวียดนาม

1.2.3 ตลาดส่งออก

(1) ตลาดหลัก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราสูงถึงร้อยละ 39.1 และเป็นการ เพิ่มขึ้นในทุกตลาด โดยเฉพาะอาเซียน(5) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 75.1 รองลงได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป(15) เพิ่มขึ้น ร้อยละ 29.4 , 22.8 และ 21.7 ตามลำดับ

(2) ตลาดใหม่ ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด ได้แก่ จีน ฮ่องกง อินโดจีนและพม่า อินเดีย ไต้หวัน เกาหลีใต้ ลาตินอเมริกา ยุโรปตะวันออก และ แคนาดา ยกเว้นแอฟริกาที่ลดลงร้อยละ 1.4

2. การนำเข้า

2.1 การนำเข้าเดือนมีนาคม 2553

2.1.1 การนำเข้า มีมูลค่า 15,098.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นร้อยละ 59.7 คิดในรูปเงินบาทมีมูลค่า 503,083.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 50.3

2.1.2 สินค้านำเข้า สินค้านำเข้าสำคัญมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นทุกหมวดดังนี้

(1) สินค้าเชื้อเพลิง นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 25.6 การนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงที่สำคัญ ได้แก่น้ำมันดิบ มีมูลค่า 1,553 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.6 ในเชิงปริมาณมีจำนวน 24.6 ล้านบาร์เรล ลดลงร้อยละ 11.3 สาเหตุจากราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น

(2) สินค้าทุน นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 54.2 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นทำให้นักลงทุนมั่นใจที่จะขยายการลงทุนมากขึ้น การนำเข้าสินค้าทุนที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.0 เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 49.5 เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 51.5 เป็นขยายตัวตามภาวะการส่งออก

(3) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 85.2 สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 83.2 อุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 55.2 ทองคำ ปริมาณและมูลค่า เพิ่มขึ้นร้อยละ 372.5 และ 458.2 ตามลำดับ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ นำเข้า ปริมาณและมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 99.1 และ 103.4 ตามลำดับ

(4) สินค้าอุปโภคบริโภค นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.1 ตามสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้สินค้านำเข้ามีราคาที่ถูกลง สินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เพิ่มขึ้นร้อยละ 52.9 เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด เช่น เครื่องใช้ในครัวและโต๊ะอาหาร กระเป๋า เป็นต้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.4 ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เช่น ยารักษาโรค วิตามิน ฮอร์โมน เป็นต้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.0

(5) สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 118.7 สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 131.3 รถยนต์นั่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 90.6 ส่วนประกอบและอุปกรณ์จักรยานยนต์และรถจักรยาน เพิ่มขึ้นร้อยละ 50.6 รถยนต์โดยสารและรถบรรทุก เพิ่มขึ้นร้อยละ 139.2

2.2 การนำเข้าในระยะ 3 เดือนแรกของปี 2553 (ม.ค.-มี.ค.)

2.2.1 การนำเข้า การนำเข้ามีมูลค่า 42,270.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปี 2552 เพิ่มขึ้นร้อยละ 58.1

2.2.2 สินค้านำเข้าสำคัญ สินค้านำเข้าสำคัญมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า ได้แก่ สินค้าเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้นร้อยละ 58.1 สินค้าทุน เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.9 สินค้าวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 95.5 สินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.9 และสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 101.7

3. ดุลการค้า

3.1 ดุลการค้าเดือนมีนาคม 2553

ไทยเกินดุลการค้า 1,154.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อคิดในรูปเงินบาท ไทยเกินดุลการค้ามูลค่า 32,300.2 ล้านบาท

3.2 ดุลการค้าในระยะ 3 เดือนแรกของปี 2553 (ม.ค.-มี.ค.)

ไทยเกินดุลการค้า 2,110.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อคิดในรูปเงินบาท ไทยเกินดุลการค้ามูลค่า 53,517.2 ล้านบาท

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 11 พฤษภาคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ