คณะรัฐมนตรีรับทราบตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สรุปสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตรปี 2553 ครั้งที่ 12 ณ วันที่ 10 พฤษภาคม 2553 ประกอบด้วย สถานการณ์น้ำ การเพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 2552/2553 และการดำเนินการตามแผนเตรียมรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตรปี 2553 สรุปได้ดังนี้
สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ 10 พฤษภาคม 2553
1. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ
สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ (10 พฤษภาคม 2553) มีปริมาณน้ำทั้งหมด 37,085 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 50 ของความจุอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งหมด (ปริมาณน้ำใช้การได้ 13,240 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 18 ของความจุอ่างฯ) น้อยกว่าปี 2552 (41,266 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 56) จำนวน 4,181 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 6 ของความจุอ่างฯ ปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่สะสมในช่วงฤดูแล้ง ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.52 ถึง 10 พ.ค.53 จำนวน 6,115 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณระบายสะสมในช่วงฤดูแล้งตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.52 ถึง 10 พ.ค.53 จำนวน 23,035 ล้านลูกบาศก์เมตร
สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ และป่าสักชลสิทธิ์
หน่วย : ล้าน ลบ.ม.
อ่างเก็บน้ำ ปริมาตรน้ำ ปริมาตรน้ำ ปริมาตรน้ำใช้การได้ ปริมาตรน้ำไหลลงอ่างฯ ปริมาณน้ำระบาย ในอ่างฯ ปี52 ในอ่างฯ ปี53 ปริมาตรน้ำ % ปริมาตรน้ำ % ปริมาตรน้ำ % วันนี้ เมื่อวาน วันนี้ เมื่อวาน ภูมิพล 5,386 40 4,629 34 829 6 0 0 12 12 สิริกิติ์ 4,593 48 3,531 37 681 7 1.49 1.6 7.93 8.05 ภูมิพล+สิริกิติ์ 9,979 44 8,160 36 1,510 7 1.49 1.6 19.93 20.05 ป่าสักชลสิทธิ์ 323 34 116 12 113 12 0.21 0.03 1.71 2.38
อ่างเก็บน้ำที่อยู่ในเกณฑ์น้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุอ่างฯ จำนวน 1 อ่าง คือ ศรีนครินทร์(81)
อ่างเก็บน้ำที่อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยกว่าร้อยละ 30 ของความจุอ่างฯ จำนวน 12 อ่าง ได้แก่ แม่กวง(14) แควน้อย(20) ห้วยหลวง(26) น้ำอูน(24) น้ำพุง(29) อุบลรัตน์(27) ลำปาว(29) มูลบน(29) ป่าสักฯ(12) ทับเสลา(17) ขุนด่านฯ(12) และคลอง สียัด(21)
สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำภาคตะวันออก
จังหวัดชลบุรี มีอ่างเก็บน้ำ 7 อ่าง รวมปริมาณน้ำ 73.3 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 41 ของความจุอ่างฯ (น้อยกว่าปี 2552 จำนวน 4.0 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 2) ปริมาณน้ำใช้การได้ 58 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 33 ของความจุอ่างฯ
จังหวัดระยอง มีอ่างเก็บน้ำ 4 แห่ง รวมปริมาณน้ำ 341.5 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 65 ของความจุอ่างฯ (น้อยกว่าปี 2552 จำนวน 43.3 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 9) ปริมาณน้ำใช้การได้ 313 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 60 ของความจุอ่างฯ
2. สภาพน้ำท่า
ภาคเหนือ แม่น้ำปิง ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แม่น้ำวัง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม่น้ำมูล ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย
ภาคกลาง แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย
ภาคใต้ แม่น้ำท่าตะเภา แม่น้ำตาปี แม่น้ำโก-ลก ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย
3. คุณภาพน้ำ (ข้อมูล ณ วันที่ 5 พฤษภาคม.2553)
กรมชลประทาน ติดตามตรวจสอบและเฝ้าระวังคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำ แม่กลอง ดังนี้
แม่น้ำ จุดเฝ้าระวัง ค่า DO(mg/l) ค่า Sal (g/l) เกณฑ์ เจ้าพระยา ท่าน้ำจังหวัดนนทบุรี 1.22 1.88 ค่า Do ต่ำกว่าเกณฑ์ ท่าจีน ที่ว่าการอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 1.21 0.13 ค่า DO ต่ำกว่าเกณฑ์ แม่กลอง ปากคลองดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี 4.17 0.10 ปกติ
หมายเหตุ ค่า Do หมายถึง ค่าออกซิเจนละลายในน้ำ ไม่ต่ำกว่า 2 มิลลิกรัม/ลิตร
ค่า Sal หมายถึง ค่าความเค็มของน้ำ สำหรับการเกษตรไม่เกิน 2 กรัม/ลิตร
การจัดสรรน้ำและการปลูกพืชฤดูแล้ง ปี 2552/2553
ผลการจัดสรรน้ำ ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 52 ถึง 30 เม.ย.53 (สิ้นสุดฤดูแล้งแล้ว) ปรากฏว่า จัดสรรน้ำไปแล้วจำนวน 22,417 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็นร้อยละ 108 ของแผนการจัดสรรน้ำ (เกินแผนที่กำหนดไว้ 1,697 ล้าน ลบ.ม.) ส่วนในเขตลุ่มน้ำเจ้าพระยา ณ วันที่ 30 เม.ย.53 มีการใช้น้ำไปแล้ว 10,339 ล้าน ลบ.ม. (เกินแผนที่กำหนดไว้ 2,339 ล้าน ลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 129 ของแผนการจัดสรรน้ำ
ผลการปลูกพืชฤดูแล้ง คาดการณ์พื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้งปี 2552/53 ทั้งประเทศ จำนวน 12.28 ล้านไร่ แยกเป็นข้าวนาปรัง 9.50 ล้านไร่ (ในเขตชลประทาน 7.50 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 2.00 ล้านไร่) และพืชไร่-ผัก 2.78 ล้านไร่ (ในเขตชลประทาน 0.78 ล้านไร่ นอกเขตชลประทาน 2.00 ล้านไร่)
ณ วันที่ 7 พ.ค. 53 พื้นที่ปลูกแล้วทั้งสิ้น จำนวน 19.52 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 159 ของพื้นที่คาดการณ์ แยกเป็น ข้าวนาปรัง 16.56 ล้านไร่ พืชไร่ พืชผัก 2.96 ล้านไร่ โดยเก็บเกี่ยวแล้ว 9.98 ล้านไร่ คิดเป็นร้อยละ 51 ของพื้นที่ปลูกจริง แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 8.87 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 1.11 ล้านไร่
การดำเนินการตามแผนเตรียมสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร
ก่อนเกิดภัย ได้แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ ให้เกษตรกรรับทราบสถานการณ์ภัยแล้งที่คาดว่าจะเกิดขึ้น และเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาล่วงหน้า ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2552 เป็นต้นมา โดยแจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่าง ดังนี้
1) สื่อสิ่งพิมพ์ ได้แก่ บทความในหนังสือพิมพ์รายวัน จำนวน 38 ครั้ง วารสารข่าวของหน่วยงาน จำนวน 14 ครั้ง โปสเตอร์และติดประกาศในพื้นที่
2) สื่อวิทยุ ได้แก่ ข่าว บทความ ตามสถานีวิทยุเพื่อการเกษตร AM 1386 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย สถานีวิทยุกระจายเสียงกองทัพบก AM 1269 สถานีวิทยุกระจายเสียงมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ AM 1107 และสถานีวิทยุกระจายเสียงภายในจังหวัด จำนวน 42 ครั้ง
3) สื่อโทรทัศน์ ได้แก่ ข่าว สารคดี จำนวน 4 ครั้ง
ขณะเกิดภัย
1. การแจ้งเตือนผ่านสื่อต่างๆ ได้แก่ หนังสือพิมพ์ 4 ครั้ง สปอตวิทยุ 122 ครั้ง และสปอตโทรทัศน์ เรื่อง รณรงค์ให้เกษตรกรในเขตเจ้าพระยางดการปลูกข้าวนาปรัง ครั้งที่ 2 การปลูกพืชอายุสั้นใช้น้ำน้อยทดแทนข้าวนาปรัง การใช้น้ำอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ และสถานการณ์น้ำ
2. การจัดสรรน้ำ ได้ระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศ ณ วันที่ 30 เม.ย. 53 จำนวน 22,417 ล้าน ลบ.ม. (จากแผน 20,720 ล้าน ลบ.ม.) เพื่อสนับสนุนเกษตรกรปลูกพืชฤดูแล้งในพื้นที่เขต ชลประทาน จำนวน 14.91 ล้านไร่ แบ่งเป็น ข้าวนาปรัง 10.44 ล้านไร่ พืชไร่-พืชผัก 0.62 ล้านไร่ และพืชอื่นๆ 3.85 ล้านไร่
3. การปฏิบัติการฝนหลวง ได้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาค เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ภัยแล้งปี 2553 ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2553 เป็นต้นมา จำนวน 5 ศูนย์ ประจำภาคต่างๆ และได้ส่งเครื่องบิน จำนวน 25 ลำ ไปตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงแล้ว จำนวน 11 หน่วย ได้แก่ หน่วยเชียงใหม่ พิษณุโลก ลพบุรี กาญจนบุรี ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา ระยอง จันทบุรี ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) และสุราษฎร์ธานี และฐานเติมสารฝนหลวง จำนวน 5 ฐาน ได้แก่ จังหวัดตาก นครสวรรค์สระแก้ว นครศรีธรรมราช ราชบุรี
ผลการปฏิบัติการฝนหลวงประจำสัปดาห์ ช่วงวันที่ 30 เมษายน — 6 พฤษภาคม 2553 ขึ้นปฏิบัติการ จำนวน 188 เที่ยวบิน มีจังหวัดที่มีรายงานฝนตก 56 จังหวัด วัดปริมาณน้ำฝนสูงสุดได้ 123.1 มิลลิเมตร ที่อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี
ผลการปฏิบัติการฝนหลวงสะสม ช่วงวันที่ 25 มกราคม - 6 พฤษภาคม 2553 ขึ้นปฏิบัติการรวม 69 วัน จำนวน 1,674 เที่ยวบิน มีรายงานฝนตกในปฏิบัติการ รวม 58 วัน จำนวน 524 สถานี วัดปริมาณน้ำฝนรายวันสูงสุดได้ 136.0 มิลลิเมตร จังหวัดที่มีรายงานฝนตกรวม 63 จังหวัด จากจำนวนจังหวัดที่อยู่ในเป้าหมายทั้งหมด 70 จังหวัด
4. สนับสนุนเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ เพื่อช่วยเหลือการปลูกพืชฤดูแล้ง การอุปโภค-บริโภค ทั่วประเทศ ทั้งในพื้นที่เขตชลประทานและนอกพื้นที่เขตชลประทาน จำนวน 777 เครื่อง (เตรียมการไว้ 1,200 เครื่อง) ในพื้นที่ 46 จังหวัด ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรได้ 429,395 ไร่ แบ่งเป็น ในพื้นที่เขตชลประทาน 351,566 ไร่ และนอกพื้นที่เขตชลประทาน 78,369 ไร่
โดยแยกเป็น ภาคเหนือ 16 จังหวัด จำนวน 262 เครื่อง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 จังหวัด จำนวน 249 เครื่อง ภาคกลาง 6 จังหวัด จำนวน 100 เครื่อง ภาคตะวันออก 5 จังหวัด จำนวน 84 เครื่อง และภาคใต้ 9 จังหวัด จำนวน 82 เครื่อง
5. สนับสนุนรถบรรทุกน้ำ เพื่อช่วยเหลือการอุปโภค-บริโภคและการเกษตร จำนวน 33 คัน 3,628 เที่ยว ปริมาณน้ำ 21,768,000 ลิตร ในพื้นที่ 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิจิตร มหาสารคาม สุรินทร์ เพชรบุรี ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ระยอง ตราด พังงา นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี
6. การสนับสนุนเสบียงสัตว์
ณ วันที่ 6 พฤษภาคม 2553 สนับสนุนแล้ว 166.02 ตัน จากที่สำรองไว้เพื่อช่วยเหลือภัยธรรมชาติ จำนวน 4,720 ตัน
7. การประเมินความเสียหายเบื้องต้น
ด้านพืช
พื้นที่การเกษตรประสบภัยทั้งสิ้น 30 จังหวัด จำนวน 1,295,338 ไร่ แบ่งเป็น
ช่วงที่ 1 (วันที่ 15 ธ.ค.52 — 31 ม.ค.53) จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย น่าน แพร่ สุโขทัย คาดว่าจะเสียหาย 113,860 ไร่
ช่วงที่ 2 (วันที่ 1 ก.พ.— 30 เม.ย. 53) จำนวน 29 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน แพร่ พะเยา ลำปาง อุตรดิตถ์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม มุกดาหาร ยโสธร เลย ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู หนองคาย ร้อยเอ็ด อุบลราชธานี อำนาจเจริญ สระบุรี ชัยนาท กาญจนบุรี ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์ กระบี่ ตรัง สตูล คาดว่าจะเสียหาย 1,181,479 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 113,108 ไร่ พืชไร่ 738,721 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 329,650 ไร่
ด้านปศุสัตว์
พื้นที่ประสบภัย 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร ลำปาง น่าน สุโขทัย อุทัยธานี มุกดาหาร ตราด เพชรบุรี ชุมพร และตรัง เกษตรกร 1,249 ราย สัตว์ที่ได้รับผลกระทบ 12,174 ตัว แบ่งเป็น โค 11,153 ตัว กระบือ 178 ตัว แพะ 843 ตัว แปลงหญ้า 228 ไร่
ด้านประมง ไม่มีรายงานพื้นที่ได้รับผลกระทบ
หลังเกิดภัย
การช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเป็นเงิน
ช่วงที่ 1 ช่วงภัย วันที่ 15 ธ.ค. 52 ถึง 31 ม.ค. 53 สำรวจแล้วมีพื้นที่เสียหายเพียง 2 จังหวัด คือ จังหวัดจังหวัดเชียงรายและจังหวัดน่าน เกษตรกร 4,131 ราย พื้นที่เสียหาย 23,577 ไร่ เป็นเงิน 19,771,224 ล้านบาท ช่วยเหลือเสร็จสิ้นแล้ว
ช่วงที่ 2 ช่วงภัย วันที่ 1 ก.พ.53 ถึง 30 เม.ย.53
- สำรวจเสร็จเรียบร้อยแล้วและอยู่ระหว่างให้ความช่วยเหลือ 7 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ อุตรดิตถ์ แพร่ ลำปาง นครพนม หนองคาย เกษตรกร 4,101 ราย พื้นที่ 26,377 ไร่ ช่วยเหลือด้วยงบจากท้องถิ่น 1 จังหวัด จำนวน 108,434 บาท เงินทดรองราชการในอำนาจนายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัด 5 จังหวัด จำนวน 2,646,707 บาท และอยู่ระหว่างรอเอกสารเพื่อจะของบกลาง 2 จังหวัด จำนวน 15,829,309 บาท
- อยู่ระหว่างดำเนินการสำรวจความเสียหาย 21 จังหวัด ได้แก่ อุทัยธานี พะเยา น่าน กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ ยโสธร ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู ร้อยเอ็ด เลย อุบลราชธานี อำนาจเจริญ กาญจนบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี กระบี่ สตูล และตรัง
- ไม่มีพื้นที่การเกษตรเสียหาย 1 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระบุรี
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 11 พฤษภาคม 2553--จบ--