คณะรัฐมนตรีอนุมัติตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ ทั้ง 3 ข้อ ดังนี้
1. อนุมัติให้กระทรวงศึกษาธิการดำเนินการรับรองร่างกฎบัตรเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนฉบับแก้ไข
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ลงนามในกฎบัตรเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนฉบับแก้ไข
3. ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องแก้ไขปรับปรุงร่างเอกสารดังกล่าวเพิ่มเติมในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญหรือไม่ขัดต่อผลประโยชน์ของประเทศไทย ให้กระทรวงศึกษาธิการโดยสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษาดำเนินการได้โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ ให้ส่งร่างกฎบัตรเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนฉบับแก้ไขให้รัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบตามมาตรา 190 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยต่อไป
ข้อเท็จจริง
กระทรวงศึกษาธิการเสนอว่า
1. เครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนได้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2538 ตามมติของที่ประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 4 ซึ่งมีดำริให้อาเซียนเร่งสร้างความเป็นปึกแผ่นและการพัฒนาเอกลักษณ์ของภูมิภาคผ่านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยการสร้างความเข้มแข็งของเครือข่ายสถาบันอุดมศึกษาในภูมิภาค เพื่อที่จะจัดตั้งมหาวิทยาลัยอาเซียนในท้ายที่สุด และ ได้มีการลงนามความตกลงเพื่อจัดตั้งเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน รวม 2 ฉบับ ได้แก่ กฎบัตรเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน (Charter of the ASEAN University Network) ลงนามโดยรัฐมนตรีด้านการศึกษาของประเทศสมาชิกอาเซียนและข้อตกลงร่วมในการจัดตั้งเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียน (Agreement on the Establishment of the ASEAN University Network) ลงนามโดยผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศสมาชิก ปัจจุบันสำนักงานเลขานุการเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนมีที่ตั้งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2. ในการประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาของอาเซียน ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2551 ที่ประเทศมาเลเซีย ที่ประชุมได้เสนอให้มีการทบทวนกฎบัตรเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนเพื่อให้บทบาทการดำเนินงานของเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนมีความเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจุบันและสอดคล้องกับระดับการพัฒนาด้านการอุดมศึกษาในภูมิภาค รวมถึงสอดรับกับกฎบัตรอาเซียน ต่อมาหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปรับแก้กฎบัตรเครือข่ายฯ และที่ประชุมรัฐมนตรีด้านการศึกษาของอาเซียน ครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 5-8 เมษายน 2552 ที่จังหวัดภูเก็ต ไม่มีความเห็นขัดแย้งต่อร่างกฎบัตรและเห็นชอบให้มีการลงนามในร่างกฎบัตรดังกล่าว
3. การรับรองร่างกฎบัตรฯ ฉบับแก้ไขและการลงนามในกฎบัตรดังกล่าวเป็นการแสดงถึงพันธะผูกพันที่มั่นคงของประเทศไทยในการสนับสนุนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของอาเซียนให้มีศักยภาพและความพร้อมเพื่อรองรับการรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนในอนาคตอันใกล้ผ่านการดำเนินกิจกรรมของเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนและยังเป็นการยืนยันเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของรัฐบาลไทยที่จะยกระดับการศึกษาของอาเซียนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของภูมิภาค และจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมของประเทศ รวมทั้งจะเป็นพื้นฐานที่มั่นคงและยั่งยืนต่อการพัฒนาสังคมและความมั่นคงในการพัฒนาประเทศ นอกจากนี้งบประมาณที่รัฐบาลไทยสนับสนุนการดำเนินงานของสำนักงานเลขานุการเครือข่าย ฯ เป็นจำนวนไม่มากเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่นักวิชาการและนักศึกษาไทยได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรม
4. ได้พิจารณาแล้วและมีความเห็นสอดคล้องกับกระทรวงการต่างประเทศที่เห็นว่า การที่ร่างกฎบัตรเครือข่ายฯ ระบุให้มีการตั้งสำนักงานเลขานุการฯ อยู่ในประเทศไทย ดำเนินงานในรูปแบบขององค์การระหว่างประเทศ และมีฐานะเป็นนิติบุคคลและให้รัฐมนตรีด้านศึกษาของประเทศสมาชิกเป็นผู้ลงนามร่างกฎบัตรเครือข่ายฯ จึงเป็นหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะต้องออกพระราชบัญญัติเพื่อให้การเป็นไปตามหนังสือสัญญาและต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา
สาระสำคัญของร่างกฎบัตรฯ
1. กำหนดให้มหาวิทยาลัยสมาชิกเครือข่ายมหาวิทยาลัยอาเซียนมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของเครือข่ายความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยต่างๆ ในอาเซียน เป็นต้น (ร่างข้อ 1)
2. กำหนดให้โครงสร้างของมหาวิทยาลัยสมาชิกเครือข่ายฯ ประกอบด้วย คณะกรรมการอำนวยการ มหาวิทยาลัยสมาชิก และฝ่ายเลขานุการ กำหนดองค์ประกอบและหน้าที่ของคณะกรรมการอำนวยการ (ร่างข้อ 2 ถึง ร่างข้อ 4)
3. กำหนดให้มหาวิทยาลัยสมาชิกเครือข่าย ฯ ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยชั้นนำของรัฐสมาชิกอาเซียนตามรายชื่อที่กำหนด กำหนดบทบาทและความรับผิดชอบของอธิการบดีมหาวิทยาลัยสมาชิกเครือข่ายฯ กำหนดหลักเกณฑ์ และวิธีการรับสมาชิกใหม่ ตลอดจนข้อผูกพันของสมาชิก (ร่างข้อ 5 ถึงร่างข้อ 7)
4. กำหนดให้สำนักงานเลขานุการมหาวิทยาลัยสมาชิกเครือข่ายฯ มีที่ตั้ง ณ กรุงเทพฯ ประเทศไทย มีสภาพบุคคลตามกฎหมาย บริหารงานโดยผู้อำนวยการบริหารและให้สำนักงานเลขานุการฯ มีหน้าที่ตามที่กำหนด (ร่างข้อ 8 ถึงร่างข้อ 10)
5. กำหนดให้มีระบบการรายงานและความรับผิดชอบ การบัญชีและการตรวจสอบบัญชี และให้รัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของสำนักเลขานุการฯ (ร่างข้อ 11 ถึงร่างข้อ 13)
6. กำหนดให้มีตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัย กำหนดหลักเกณฑ์การแก้ไขกฎบัตร การขัดกันของการตีความ และการมีผลบังคับใช้กฎบัตร (ร่างข้อ 14 ถึงร่างข้อ 17)
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 18 พฤษภาคม 2553--จบ--