คณะรัฐมนตรีรับทราบรายงานดัชนีราคาส่งออก-นำเข้าของประเทศและดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจส่งออกเดือนมีนาคม 2553 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
สาระสำคัญของเรื่อง
ดัชนีราคาส่งออก-นำเข้าของประเทศเดือนมีนาคม 2553 และไตรมาสแรกของปี 2553
กระทรวงพาณิชย์ มีการปรับปรุงการจัดทำดัชนีราคาส่งออก-นำเข้าของประเทศ โดยปรับเปลี่ยนน้ำหนักจากปี 2551 เป็นปี 2552 ใช้มูลค่าการส่งออก-นำเข้า จากกรมศุลกากรเป็นตัวถ่วงน้ำหนัก และได้มีการปรับปรุงรายการสินค้าที่ใช้คำนวณในปี 2553 คือ ดัชนีราคาส่งออก จำนวน 1,138 รายการ และดัชนีราคานำเข้า จำนวน 909 รายการ เพื่อให้สะท้อนภาวะการค้าของประเทศที่เป็นปัจจุบันแต่ยังคงปีฐาน 2550 = 100 กระทรวงพาณิชย์ รายงานความเคลื่อนไหวดัชนีราคาส่งออก-นำเข้าของประเทศในรูปเงินเหรียญสหรัฐ ในเดือนมีนาคม 2553 ดัชนีราคาส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ทั้งนี้เป็นการเพิ่มขึ้นของหมวดสินค้าเกษตรกรรม และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง สำหรับดัชนีราคานำเข้าสูงขึ้นร้อยละ 0.3จากการสูงขึ้นของสินค้าเชื้อเพลิงเป็นสำคัญ
1. ดัชนีราคาส่งออก
1.1 ดัชนีราคาส่งออกของประเทศ เดือนมีนาคม 2553
ในปี 2550 ดัชนีราคาส่งออกของประเทศ เท่ากับ 100 เดือนมีนาคม 2553 เท่ากับ 119.5 และเดือน กุมภาพันธ์ 2553 เท่ากับ 119.4
1.2 การเปลี่ยนแปลงดัชนีราคาส่งออกของประเทศ เดือนมีนาคม 2553 เมื่อเทียบกับ
เดือนกุมภาพันธ์ 2553 สูงขึ้นร้อยละ 0.1 เดือนมีนาคม 2552 สูงขึ้นร้อยละ 13.1เฉลี่ยไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม) 2553 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 สูงขึ้นร้อยละ 12.1
1.3 ดัชนีราคาส่งออกของประเทศเดือนมีนาคม 2553 เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2553 สูงขึ้นร้อยละ 0.1 เป็นผลจากการสูงขึ้นของหมวดสินค้าเกษตรกรรม และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง สำหรับหมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรลดลง
สินค้าส่งออกที่ราคาสูงขึ้น
หมวดสินค้าเกษตรกรรม ดัชนีราคาส่งออกสูงขึ้นร้อยละ 0.9 (เดือนกุมภาพันธ์ 2553 สูงขึ้นร้อยละ 0.9) จากการสูงขึ้นของหมวดสินค้ากสิกรรม โดยเฉพาะยางพาราราคายังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการยางเพิ่มขึ้น ขณะที่อุปทานยางมีจำกัดเพราะเป็นช่วงยางผลัดใบ นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ มันสำปะหลัง ใบยาสูบ กาแฟ และสินค้าประมง (กุ้ง ปลาแช่เย็น แช่แข็ง) มีราคาสูงขึ้นเช่นกัน
หมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง ดัชนีราคาส่งออกสูงขึ้นร้อยละ 3.1 (เดือนกุมภาพันธ์ 2553 ลดลงร้อยละ 1.9) สินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันดิบ
หมวดสินค้าอุตสาหกรรม ดัชนีราคาส่งออกไม่เปลี่ยนแปลง (เดือนกุมภาพันธ์ 2553 สูงขึ้นร้อยละ 1.3) สินค้าที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ สิ่งทอ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องใช้ไฟฟ้า เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ส่วนสินค้าเครื่องอิเลคทรอนิกส์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์ยางราคาลดลง
สินค้าส่งออกที่ราคาลดลง
หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร ดัชนีราคาส่งออกลดลงร้อยละ 3.0 (เดือนกุมภาพันธ์ 2553 ลดลงร้อยละ 0.4) สินค้าสำคัญที่ราคาลดลง ได้แก่ น้ำตาลทรายลดลงตามราคาตลาดโลกเนื่องจากผลผลิต จากบราซิลและออสเตรเลียเริ่มออกสู่ตลาด
1.4 ดัชนีราคาส่งออกของประเทศเดือนมีนาคม 2553 เทียบกับเดือนมีนาคม 2552 ดัชนีราคาส่งออกสูงขึ้นร้อยละ 13.1 จากการสูงขึ้นของทุกหมวด ได้แก่ หมวดสินค้าเกษตรกรรม สูงขึ้นร้อยละ 42.6 หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร สูงขึ้นร้อยละ 6.5 หมวดสินค้าอุตสาหกรรมสูงขึ้นร้อยละ 4.8 และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ 59.8
1.5 ดัชนีราคาส่งออกของประเทศเฉลี่ยช่วงไตรมาสแรก (เดือนมกราคม-มีนาคม) 2553 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 ดัชนีราคาส่งออกสูงขึ้นร้อยละ 12.1 จากการสูงขึ้นของหมวดสินค้าเกษตรกรรม สูงขึ้นร้อยละ 40.4 หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร สูงขึ้นร้อยละ 7.6 หมวดสินค้าอุตสาหกรรม สูงขึ้นร้อยละ 3.9 และหมวดสินค้าแร่และเชื้อเพลิงสูงขึ้นร้อยละ 57.2
2. ดัชนีราคานำเข้า
2.1 ดัชนีราคานำเข้าของประเทศ เดือนมีนาคม 2553
ในปี 2550 ดัชนีราคานำเข้าของประเทศ เท่ากับ 100 เดือนมีนาคม 2553 เท่ากับ 116.2 และเดือนกุมภาพันธ์ 2553 เท่ากับ 115.8
2.2 การเปลี่ยนแปลงดัชนีราคานำเข้าของประเทศ เดือนมีนาคม 2553 เมื่อเทียบกับ
เดือนกุมภาพันธ์ 2553 สูงขึ้นร้อยละ 0.3 เดือนมีนาคม 2552 สูงขึ้นร้อยละ 11.2เฉลี่ยไตรมาสแรก (มกราคม-มีนาคม) 2553 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 สูงขึ้นร้อยละ 11.0
2.3 ดัชนีราคานำเข้าของประเทศเดือนมีนาคม 2553 เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2553 สูงขึ้นร้อยละ 0.3 (เดือนกุมภาพันธ์ 2553 ลดลงร้อยละ 0.1) เป็นผลจากการสูงขึ้นของสินค้าทุกหมวด โดยเฉพาะหมวดสินค้าเชื้อเพลิง สูงขึ้นร้อยละ 0.7 หมวดสินค้าทุน และหมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป สูงขึ้นเท่ากันคือร้อยละ 0.3 หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง สูงขึ้นเท่ากันคือร้อยละ 0.4
สินค้านำเข้าที่ราคาสูงขึ้น
หมวดสินค้าเชื้อเพลิง ดัชนีราคานำเข้าสูงขึ้นร้อยละ 0.7 (เดือนกุมภาพันธ์ 2553 ลดลงร้อยละ 0.9) เป็นผลจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันดิบ และน้ำมันสำเร็จรูป ตามภาวะตลาดโลก
หมวดสินค้าทุน ดัชนีราคานำเข้าสูงขึ้นร้อยละ 0.3 (เดือนกุมภาพันธ์ 2553 สูงขึ้นร้อยละ 0.1) สินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้า เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และผลิตภัณฑ์โลหะ
หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป ดัชนีราคานำเข้าสูงขึ้นร้อยละ 0.3 (เดือนกุมภาพันธ์ 2553 ไม่เปลี่ยนแปลง) สินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ เพชรพลอย ไข่มุก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ทองแดงแผ่น ทองเหลือง และแผงวงจรพิมพ์
หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค ดัชนีราคานำเข้าสูงขึ้นร้อยละ 0.4 (เดือนกุมภาพันธ์ 2553 สูงขึ้นร้อยละ 0.7) สินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ นมและผลิตภัณฑ์นม ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม (ยารักษาโรค วิตามิน ฮอร์โมน)
หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง ดัชนีราคานำเข้าสูงขึ้นร้อยละ 0.4 (เดือนกุมภาพันธ์ 2553 ไม่เปลี่ยนแปลง) สินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้น ได้แก่ รถยนต์โดยสารและรถบรรทุก
2.4 ดัชนีราคานำเข้าของประเทศเดือนมีนาคม 2553 เทียบกับเดือนมีนาคม 2552 ดัชนีราคานำเข้าสูงขึ้นร้อยละ 11.2 ปัจจัยสำคัญจากการสูงขึ้นในหมวดสินค้าเชื้อเพลิง สูงขึ้นมากถึง ร้อยละ 40.0 หมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง หมวดสินค้าทุน หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค และหมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป สูงขึ้นร้อยละ 7.4 ร้อยละ 4.5 ร้อยละ 2.8 และร้อยละ 2.7 ตามลำดับ
2.5 ดัชนีราคานำเข้าของประเทศเฉลี่ยช่วงไตรมาสแรก (เดือนมกราคม-มีนาคม) 2553 เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2552 ดัชนีราคานำเข้าสูงขึ้นร้อยละ 11.0 จากการสูงขึ้นของหมวดสินค้าเชื้อเพลิงสูงขึ้นร้อยละ 41.3 หมวดสินค้าทุน สูงขึ้นร้อยละ 3.1 หมวดสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป สูงขึ้นร้อยละ 2.9 หมวดสินค้าอุปโภคบริโภค สูงขึ้นร้อยละ 1.0 และหมวดยานพาหนะและอุปกรณ์การขนส่ง สูงขึ้นร้อยละ 5.3
--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 25 พฤษภาคม 2553--จบ--