การค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 4 เดือนแรกของปี 2553 (มกราคม-เมษายน)

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 9, 2010 16:14 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 4 เดือนแรกของปี 2553 (มกราคม-เมษายน) ของกระทรวงพาณิชย์ ดังนี้

1. การส่งออก

1.1 การส่งออกเดือนเมษายน 2553

1.1.1 การส่งออก มีมูลค่า 14,091 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.2 เป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่หก ส่วนในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 452,039.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.0

1.1.2 สินค้าส่งออก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราสูงทุกหมวดสินค้า โดยสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.5 สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 37.1 และสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้น ร้อยละ 35.8

(1) สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตร ส่งออกเพิ่มขึ้นทุกรายการ ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกที่เพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า โดยเฉพาะ มันสำปะหลัง น้ำตาล สินค้าอาหารประเภท อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป และ ผักและผลไม้ รวมทั้ง ไก่แช่แข็งและแปรรูปที่ปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 แต่มูลค่าส่งออกลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.4 และยางพารา ที่มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 87.9 แต่ปริมาณ ลดลงร้อยละ 13.5 เนื่องจากผลผลิตน้ำยางลดลงจากปัญหาภัยแล้ง ขณะที่ความต้องการในตลาดโลกยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจีน สำหรับ ข้าว ส่งออกลดลงทั้งปริมาณและมูลค่าร้อยละ 16.5 และ 9.6 ตามลำดับ เนื่องจากปัญหาการ แข่งขันด้านราคากับเวียดนาม ปากีสถานและอินเดียและการแข็งค่าของเงินบาท

(2) สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ส่งออกเพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการโดยสินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นในอัตราสูง ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องสำอาง และอัญมณีที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 305.9 เนื่องจากการส่งออกทองคำเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 1,138 ส่วนสินค้าที่ส่งออกลดลง ได้แก่ สิ่งพิมพ์ ลดลงร้อยละ 9.8 จากปัญหาการแข่งขันกับจีนในฮ่องกงและญี่ปุ่น โดยจีนมีการเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศ โดยสร้างโรงงานกระดาษที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีเทคโนโลยีในการผลิตที่สูงกว่า และ เครื่องเดินทางและเครื่องหนังลดลงร้อยละ 12.5 เป็นการลดลงของการส่งออกรองเท้าและชิ้นส่วนที่ลดลงร้อยละ 27.8 เนื่องจากมี การย้ายฐานการผลิตรองเท้ากีฬาไปเวียดนาม

1.1.3 ตลาดส่งออก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราสูง ทั้งในตลาดหลักและตลาดใหม่

(1) ตลาดหลัก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่หก และขยายตัวในอัตราสูงต่อเนื่องถึงร้อยละ 21.0 โดยเฉพาะอาเซียน(5) ซึ่งเพิ่มขึ้นในอัตราสูงต่อเนื่องถึงร้อยละ 36.4 ขณะที่ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป (15) และ สหรัฐฯ ก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นเดียวกัน

(2) ตลาดใหม่ ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่แปด เป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด ตลาดที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ จีน อินโดจีนและพม่า ทวีปออสเตรเลีย ฮ่องกง ตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา เกาหลีใต้ และ ยุโรปตะวันออก

1.2 การส่งออกในระยะ 4 เดือนแรกของปี 2553 (มกราคม-เมษายน)

1.2.1 การส่งออก การส่งออกมีมูลค่า 58,471.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.4 ในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 1,911,563.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.4

1.2.2 สินค้าส่งออก สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.4 สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.7 และสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.1

(1) สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญ ส่งออกเพิ่มขึ้นทุกรายการ เป็นการเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า โดยเฉพาะ ยางพารา มันสำปะหลัง น้ำตาล และสินค้าอาหาร ประเภท อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ผักและผลไม้ ไก่แช่แข็งและแปรรูป และ อาหารอื่น ๆ ยกเว้น ข้าวที่มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.4 แต่ปริมาณส่งออกลดลงร้อยละ 1.3 เนื่องจากปัญหาการแข่งขันด้านราคากับเวียดนาม ปากีสถานและอินเดียและการแข็งค่าของเงินบาท

(2) สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ส่งออกเพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ วัสดุก่อสร้าง เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง สิ่งพิมพ์ เครื่องสำอาง เลนส์ และ เฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งอัญมณีที่หักทองคำออกแล้วส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20.2 (การส่งออกทองคำ ลดลงร้อยละ 54.7)

1.2.3 ตลาดส่งออก

(1) ตลาดหลัก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราสูงถึงร้อยละ 34.6 และเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด โดยเฉพาะอาเซียน(5) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 64.6 รองลงได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป(15) เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.5 , 20.3 และ 20.1 ตามลำดับ

(2) ตลาดใหม่ ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด ตลาดที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูง ได้แก่ จีน อินโดจีนและพม่า ฮ่องกง ทวีปออสเตรเลีย ลาตินอเมริกา อินเดีย เกาหลีใต้ ยุโรปตะวันออก และ ไต้หวัน เป็นต้น

2. การนำเข้า

2.1 การนำเข้าเดือนเมษายน 2553

2.1.1 การนำเข้า มีมูลค่า 14,357.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น ร้อยละ 46.0 คิดในรูปเงินบาทมีมูลค่า 466,175.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.1

2.1.2 สินค้านำเข้า สินค้านำเข้าสำคัญมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นทุกหมวดดังนี้

(1) สินค้าเชื้อเพลิง นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 67.6 การนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงที่สำคัญ ได้แก่น้ำมันดิบ มีมูลค่า 2,112.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 70.74 ในเชิงปริมาณมีจำนวน 28.07 ล้านบาร์เรล (935,594 บาร์เรลต่อวัน) เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.73 สาเหตุจากราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น และมีวันหยุดช่วงเทศกาลทำให้มีการใช้น้ำมันสำหรับการเดินทางเพิ่มขึ้น

(2) สินค้าทุน นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 45.2 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจดีขึ้น ทำให้นักลงทุนมั่นใจที่จะขยายการลงทุนในสินค้าคงทน การนำเข้าสินค้าทุนที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.6 เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบเพิ่มขึ้นร้อยละ 43.6 เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.42

(3) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.2 เป็นการเพิ่มขึ้นตามภาวะการส่งออกที่เพิ่มขึ้น สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 72.84 อุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 47.78 ทองคำ นำเข้าปริมาณและมูลค่า ลดลงร้อยละ 47.95 และ 36.31 ตามลำดับ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ นำเข้าปริมาณและมูลค่า เพิ่มขึ้นร้อยละ 24.39 และ 72.16 เป็นการนำเข้าตามความต้องการบริโภคเนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศฟื้นตัว และความต้องการใช้เหล็กในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐที่เริ่มมีการดำเนินการ รวมถึงการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเลคทรอนิกส์

(4) สินค้าอุปโภคบริโภค นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.8 ตามสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้สินค้านำเข้ามีราคาที่ถูกลง สินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เพิ่มขึ้นร้อยละ 63.5 เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด เช่น เครื่องใช้ในครัวและโต๊ะอาหาร กระเป๋า เป็นต้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 44.5 ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม เช่น ยารักษาโรค วิตามิน ฮอร์โมน เป็นต้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.2

(5) สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 86.98 สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 79.5 รถยนต์นั่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 129.3 ส่วนประกอบและอุปกรณ์จักรยานยนต์และรถจักรยาน เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.5 รถยนต์โดยสารและรถบรรทุก เพิ่มขึ้นร้อยละ 150.9

2.2 การนำเข้าในระยะ 4 เดือนแรกของปี 2553 (มกราคม-เมษายน)

2.2.1 การนำเข้า การนำเข้ามีมูลค่า 56,627.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปี 2552 เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.9 เมื่อคิดในรูปเงินบาทการนำเข้ามีมูลค่า 1,872,182.7 เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.5

2.2.2 สินค้านำเข้าสำคัญ สินค้านำเข้าสำคัญมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้า ได้แก่ สินค้าเชื้อเพลิง เพิ่มขึ้นร้อยละ 48.7 สินค้าทุน เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.97 สินค้าวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 78.99 สินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.4 และสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 98.1

3. ดุลการค้า

3.1 ดุลการค้าเดือนเมษายน 2553

ไทยขาดดุลการค้า 266.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อคิดในรูปเงินบาท ไทยขาดดุลการค้ามูลค่า 14,135.9 ล้านบาท

3.2 ดุลการค้าในระยะ 4 เดือนแรกของปี 2553 (มกราคม-เมษายน)

ไทยเกินดุลการค้า 1,844.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อคิดในรูปเงินบาท ไทยเกินดุลการค้ามูลค่า 39,381.2 ล้านบาท

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 8 มิถุนายน 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ