สรุปสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตรปี 2553 ครั้งที่ 17

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday June 16, 2010 17:01 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลสรุปสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตรปี 2553 ครั้งที่ 17 ณ วันที่ 14 มิถุนายน 2553 ประกอบด้วย สถานการณ์น้ำ และการดำเนินการตามแผนเตรียมรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตรปี 2553 สรุปได้ดังนี้

สถานการณ์น้ำ ณ วันที่ 14 มิถุนายน 2553

1. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ (14 มิถุนายน 2553) มีปริมาณน้ำทั้งหมด 34,387 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 47 ของความจุอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งหมด (ปริมาณน้ำใช้การได้ 10,542 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 14 ของความจุอ่างฯ) น้อยกว่าปี 2552 (41,247 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 56) จำนวน 6,860 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 9 ของความจุอ่างฯ สามารถรับน้ำได้อีก 39,168 ล้านลูกบาศก์เมตร

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ (14 มิถุนายน 2553) มีปริมาณน้ำทั้งหมด 32,787 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 47 ของความจุอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งหมด (ปริมาณน้ำใช้การได้ 9,260 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 13 ของความจุอ่างฯ) น้อยกว่าปี 2552 (38,993 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 56) จำนวน 6,206 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 14 ของความจุอ่างฯ มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ จำนวน 30.62 ล้านลูกบาศก์เมตร ปริมาณน้ำระบาย 65.32 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถรับน้ำได้อีก 36,808 ล้านลูกบาศก์เมตร

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ และป่าสักชลสิทธิ์

หน่วย : ล้าน ลบ.ม.

อ่างเก็บน้ำ ปริมาตรน้ำ ปริมาตรน้ำ ปริมาตรน้ำใช้การได้ ปริมาตรน้ำไหลลงอ่างฯ ปริมาณน้ำระบาย ปริมาณน้ำรับได้อีก ในอ่างฯ ปี52 ในอ่างฯ ปี53 ปริมาตรน้ำ % ปริมาตรน้ำ % ปริมาตรน้ำ % วันนี้ เมื่อวาน วันนี้ เมื่อวาน ภูมิพล 5,669 42 4,177 31 377 3 0 0 8 8 9,285 สิริกิติ์ 4,203 44 3,348 35 498 5 4.34 2.85 12.02 11.94 6,162 ภูมิพล+สิริกิติ์ 9,872 43 7,525 33 989 4 4.34 2.85 20.02 19.94 15,447 แควน้อย 204 27 130 17 94 12 1.86 1.78 1.3 1.3 639 ป่าสักชลสิทธิ์ 325 34 87 9 84 9 1.85 1.04 1.3 1.3 873

อ่างเก็บน้ำที่อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยกว่าร้อยละ 30 ของความจุอ่างฯ จำนวน 13 อ่าง ได้แก่ แม่งัด(27) แม่กวง(14) แควน้อย(17) ห้วยหลวง(24) น้ำอูน(26) อุบลรัตน์(25) ลำตะคอง(29) มูลบน(25) ป่าสักฯ(9) ทับเสลา(17) กระเสียว(29) ขุนด่านฯ(9) และคลองสียัด(18)

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำภาคตะวันออก

จังหวัดชลบุรี มีอ่างเก็บน้ำ 7 อ่าง รวมปริมาณน้ำ 74.5 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 42 ของความจุอ่างฯ (น้อยกว่าปี 2552 จำนวน 12.1 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 7) ปริมาณน้ำใช้การได้ 59 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 33 ของความจุอ่างฯ

จังหวัดระยอง มีอ่างเก็บน้ำ 4 แห่ง รวมปริมาณน้ำ 314.9 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 60 ของความจุอ่างฯ (น้อยกว่าปี 2552 จำนวน 48.0 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 9) ปริมาณน้ำใช้การได้ 286 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 55 ของความจุอ่างฯ

2. สภาพน้ำท่า

ภาคเหนือ แม่น้ำปิง ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย ยกเว้นบริเวณสถานี P.1 สะพานนวรัฐ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แม่น้ำวัง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม่น้ำมูล ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย

ภาคกลาง แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย

ภาคใต้ แม่น้ำท่าตะเภา แม่น้ำตาปี แม่น้ำโก-ลก ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย

3. คุณภาพน้ำ

กรมชลประทาน ติดตามตรวจสอบและเฝ้าระวังคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง ดังนี้

แม่น้ำ จุดเฝ้าระวัง ข้อมูลวันที่ ค่า DO(mg/l) ค่า Sal (g/l) เกณฑ์ ค่าสูงสุด เวลา เจ้าพระยา ท่าน้ำจังหวัดนนทบุรี 9 มิ.ย.53 3.62 0.32 14.00 น. ปกติ เจ้าพระยา ปากเกร็ด* 14 มิ.ย.53 - 0.38 03.00 น. ปกติ จังหวัดนนทบุรี ปากคลองสำแล * 14 มิ.ย.53 - 0.13 02.00 น. ปกติ จังหวัดปทุมธานี ท่าจีน ที่ว่าการอำเภอสามพราน 5 มิ.ย.53 1.60 0.16 8.00 น. ค่า DO ต่ำกว่าเกณฑ์ จังหวัดนครปฐม แม่กลอง ปากคลองดำเนินสะดวก 5 มิ.ย.53 4.19 0.10 0.50 น. ปกติ จังหวัดราชบุรี
หมายเหตุ * หมายถึง สถานีวัดค่าอัตโนมัติ

ค่า Do หมายถึง ค่าออกซิเจนละลายในน้ำ ไม่ต่ำกว่า 2 มิลลิกรัม/ลิตร

ค่า Sal หมายถึง ค่าความเค็มของน้ำ สำหรับการเกษตรไม่เกิน 2 กรัม/ลิตร

การดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้งต่อเนื่อง ตามแผนเตรียมสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร

1. แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเลื่อนการทำนาปีในเขตโครงการชลประทานทุกโครงการที่รับน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์จากปกติเดือนพฤษภาคมเป็นประมาณกลางเดือนกรกฎาคม 2553

2. การปฏิบัติการฝนหลวง ได้ปรับหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยจะเน้นการปฏิบัติในพื้นที่ภาคเหนือโดยเฉพาะเพื่อเติมน้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ปัจจุบันมีหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 12 หน่วย ได้แก่ เชียงใหม่ พิษณุโลก ตาก ลพบุรี กาญจนบุรี ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา ระยอง สระแก้ว ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) สุราษฎรธานี และฐานเติมสารฝนหลวง จำนวน 5 ฐาน ได้แก่ จังหวัดแพร่ นครสวรรค์ บุรีรัมย์ ราชบุรี นครศรีธรรมราช ทั้งนี้ จะปรับหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดระยองเป็นฐานเติมสารและปิดหน่วยสุราษฎร์ธานี เพื่อให้เครื่องบินไปสนับสนุนการปฏิบัติงานในพื้นที่ภาคเหนือ

ผลการปฏิบัติการฝนหลวงประจำสัปดาห์ ช่วงวันที่ 4— 10 มิถุนายน 2553 ขึ้นปฏิบัติการ จำนวน 243 เที่ยวบิน มีจังหวัดที่มีรายงานฝนตก 61 จังหวัด วัดปริมาณน้ำฝนสูงสุดได้ 115.0 มิลลิเมตร ที่อำเภอโนนศิลา จังหวัดขอนแก่น

ผลการปฏิบัติการฝนหลวงสะสม ช่วงวันที่ 25 มกราคม — 10 มิถุนายน 2553 ขึ้นปฏิบัติการรวม 104 วัน จำนวน 2,802 เที่ยวบิน มีรายงานฝนตกในปฏิบัติการ รวม 93 วัน จำนวน 645 สถานี วัดปริมาณน้ำฝนรายวันสูงสุดได้ 250.0 มิลลิเมตร จังหวัดที่มีรายงานฝนตกรวม 63 จังหวัด จากจำนวนจังหวัดที่อยู่ในเป้าหมายทั้งหมด 70 จังหวัด

3. การสนับสนุนเสบียงสัตว์

ณ วันที่ 14 มิถุนายน 2553 สนับสนุนแล้ว 185.22 ตัน เพิ่มขึ้น 13.6 ตัน (สัปดาห์ที่ผ่านมา 171.62 ตัน) จากที่สำรองไว้เพื่อช่วยเหลือภัยธรรมชาติ จำนวน 4,720 ตัน

4. การประเมินความเสียหายเบื้องต้น

ด้านพืช ณ วันที่ 11 มิถุนายน 2553

พื้นที่การเกษตรประสบภัยทั้งสิ้น 43 จังหวัด จำนวน 2,036,510 ไร่ แบ่งเป็น

ช่วงที่ 1 (วันที่ 15 ธ.ค.52 ถึง 31 ม.ค.53) จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย น่าน แพร่ สุโขทัย คาดว่าจะเสียหาย 113,860 ไร่

ช่วงที่ 2 (วันที่ 1 ก.พ. ถึง 31 พ.ค. 53) จำนวน 43 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ ตาก น่าน แพร่ พะเยา พิจิตร พิษณุโลก ลำปาง สุโขทัย อุตรดิตถ์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม นครราชสีมา บุรีรัมย์ มุกดาหาร ยโสธร เลย ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู หนองคาย ร้อยเอ็ด สกลนครอุบลราชธานี อำนาจเจริญ อุดรธานี สระบุรี ชัยนาท กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ กระบี่ ระนอง ตรัง สตูล นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี คาดว่าจะเสียหาย 1,922,651 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 165,154 ไร่ พืชไร่ 1,322,783 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 434,714 ไร่

ด้านปศุสัตว์ ณ วันที่ 14 มิถุนายน 2553

พื้นที่ประสบภัย 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร แม่ฮ่องสอน ลำปาง น่าน สุโขทัย อุทัยธานี มุกดาหาร ตราด เพชรบุรี ชุมพร และตรัง เกษตรกร 1,343 ราย สัตว์ที่ได้รับผลกระทบ 14,107 ตัว แบ่งเป็น โค 12,898 ตัว กระบือ 366 ตัว แพะ 843 ตัว แปลงหญ้า 228 ไร่

ด้านประมง ไม่มีรายงานพื้นที่ได้รับผลกระทบหลังเกิดภัย

การช่วยเหลือเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเป็นเงิน

ช่วงที่ 1 ช่วงภัย วันที่ 15 ธ.ค. 52 ถึง 31 ม.ค. 53 สำรวจแล้วมีพื้นที่เสียหายเพียง 2 จังหวัด คือ จังหวัดจังหวัดเชียงรายและจังหวัดน่าน เกษตรกร 4,131 ราย พื้นที่เสียหาย 23,577 ไร่ เป็นเงิน 19,771,224 ล้านบาท ช่วยเหลือเสร็จสิ้นแล้ว

ช่วงที่ 2 ช่วงภัย วันที่ 1 ก.พ. ถึง 31 พ.ค. 53

  • สำรวจเสร็จเรียบร้อยแล้วและอยู่ระหว่างให้ความช่วยเหลือ 15 จังหวัด เกษตรกร 32,200 ราย พื้นที่ 145,284 ไร่ (จากพื้นที่ที่คาดว่าจะเสียหาย 914,351 ไร่) วงเงิน 130,154,190 บาท แบ่งเป็น
  • งบจากท้องถิ่น 1 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 108,434 บาท
  • เงินทดรองราชการในอำนาจนายอำเภอและผู้ว่าราชการจังหวัด 6 จังหวัด คือ จังหวัดแพร่ ลำปาง นครพนม ราชบุรี กระบี่ ตรัง จำนวน 26,557,846 บาท
  • อยู่ระหว่างของบกลาง 1 จังหวัด คือ จังหวัดเชียงราย จำนวน 13,512,041 บาท
  • อยู่ระหว่างรอเอกสารเพื่อจะของบกลาง 7 จังหวัด คือ จังหวัดอุตรดิตถ์ อุทัยธานี ชัยภูมิ หนองคาย ร้อยเอ็ด เลย กาญจนบุรี จำนวน 89,975,869 บาท
  • อยู่ระหว่างดำเนินการสำรวจความเสียหาย 27 จังหวัด ได้แก่ ตาก พะเยา พิจิตร พิษณุโลก น่าน สุโขทัย กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ บุรีรัมย์ มุกดาหาร ยโสธร ศรีสะเกษ หนองบัวลำภู สกลนคร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ อุดรธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ระนอง สตูล สุราษฎร์ธานี และตรัง
  • ไม่มีพื้นที่การเกษตรเสียหาย 1 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสระบุรี

ส่วนด้านปศุสัตว์และด้านประมง ไม่เกิดความเสียหาย

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 15 มิถุนายน 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ