การค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 5 เดือนแรกของปี 2553 (มกราคม-พฤษภาคม)

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday July 7, 2010 15:10 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลการค้าระหว่างประเทศของไทยในระยะ 5 เดือนแรกของปี 2553 (มกราคม-พฤษภาคม) ของกระทรวงพาณิชย์สรุปได้ดังนี้

1. การส่งออก

1.1 การส่งออกเดือนพฤษภาคม 2553

1.1.1 การส่งออก มีมูลค่า 16,556.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในอัตราสูงถึงร้อยละ 42.1 เป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่เจ็ด การส่งออกยังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 529,633.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.8

1.1.2 สินค้าส่งออก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราสูงทุกหมวดสินค้า โดยสินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.4 สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 47.4 และสินค้าอื่นๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.4

(1) สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.4 ส่วนใหญ่ส่งออกเพิ่มขึ้น ทั้งปริมาณและมูลค่า เช่น ยางพารา มันสำปะหลัง น้ำตาล อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป และ ไก่แช่แข็งและแปรรูป เป็นต้น ส่วนผัก ผลไม้มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 แต่ปริมาณส่งออกลดลงร้อยละ 0.6 สำหรับ ข้าว ส่งออกลดลงทั้งปริมาณและมูลค่าร้อยละ 12.5 และ 11.5 ตามลำดับ เนื่องจากปัญหาการแข่งขัน ด้านราคากับเวียดนาม ปากีสถานและอินเดียและการแข็งค่าของเงินบาท

(2) สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ส่วนใหญ่ส่งออกเพิ่มขึ้น

  • สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ ไฟฟ้า ยานยนต์ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง เฟอร์นิเจอร์ ของเล่น เป็นต้น รวมทั้งอัญมณี ที่เพิ่มขึ้น ถึงร้อยละ 238.2 เนื่องจากการส่งออกทองคำเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 521.3 สำหรับอัญมณีที่หักทองคำออกแล้วส่งออกเพิ่ม ขึ้นถึงร้อยละ 25.6
  • สินค้าสำคัญที่ส่งออกลดลง ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง ลดลงร้อยละ 14.1 เป็นการลดลงของการส่งออกสินค้าโครงก่อสร้างทำด้วยเหล็กที่ลดลงถึงร้อยละ 93.0 เป็นการลดลงของการส่งออกไปมาดากัสการ์ถึงร้อยละ 99.8 เนื่องจากในปี 2552 ผู้ประกอบการไทยไปรับงานก่อสร้างในมาดากัสการ์ทำให้มีการส่งออกโครงก่อสร้างไปมากในเดือนมีนาคมและพฤษภาคม

1.1.3 ตลาดส่งออก เพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราสูง ทั้งในตลาดหลักและตลาดใหม่

(1) ตลาดหลัก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่เจ็ด และขยายตัวในอัตราสูงต่อเนื่องถึงร้อยละ 35.2 เป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด โดยเฉพาะอาเซียน(5) ซึ่งเพิ่มขึ้นในอัตราสูงต่อเนื่องถึงร้อยละ 50.0 ขณะที่ ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป(15) และ สหรัฐฯ ก็ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นเดียวกัน

(2) ตลาดใหม่ ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่เก้า เป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด ยกเว้นแอฟริกาที่ส่งออกลดลงร้อยละ 25.1 เนื่องจากการส่งออก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (โครงก่อสร้างทำด้วยเหล็ก) ไปยังมาดา- กัสการ์ลดลงถึงร้อยละ 99.6 เนื่องจากในปี 2552 ผู้ประกอบการไทยไปรับงานก่อสร้างในมาดากัสการ์ทำให้มีการส่งออกโครงก่อสร้างไปมากในเดือนมีนาคมและพฤษภาคม

  • ตลาดที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ จีน อินโดจีนและพม่า ทวีปออสเตรเลีย ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ ลาตินอเมริกา และ ยุโรปตะวันออก

1.2 การส่งออกในระยะ 5 เดือนแรกของปี 2553 (ม.ค.-พ.ค.)

1.2.1 การส่งออก การส่งออกมีมูลค่า 75,027.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.5 ในรูปเงินบาทการส่งออกมีมูลค่า 2,441,197.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.3

1.2.2 สินค้าส่งออก สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 38.1 สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.5 และสินค้าอื่น ๆ เพิ่มขึ้นร้อยละ 39.4

(1) สินค้าเกษตร/อุตสาหกรรมเกษตรสำคัญ ส่งออกเพิ่มขึ้นทุกรายการ เป็นการเพิ่มขึ้นทั้งปริมาณและมูลค่า โดยเฉพาะ ยางพารา มันสำปะหลัง น้ำตาล และสินค้าอาหาร ประเภท อาหารทะเลแช่แข็ง กระป๋องและแปรรูป กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ผักและผลไม้ ไก่แช่แข็งและแปรรูป และ อาหารอื่น ๆ ยกเว้น ข้าวที่มูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.0 แต่ปริมาณส่งออกลดลงร้อยละ 3.7 เนื่องจากปัญหาการแข่งขันด้านราคากับเวียดนาม ปากีสถานและอินเดียและการแข็งค่าของเงินบาท

(2) สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ส่งออกเพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ

  • สินค้าที่ส่งออกเพิ่มขึ้นสูงกว่าร้อยละ 20 ได้แก่ เครื่องอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ เม็ดและผลิตภัณฑ์พลาสติก ผลิตภัณฑ์ยาง สิ่งพิมพ์ เครื่องสำอาง เลนส์ และ เฟอร์นิเจอร์ รวมทั้ง อัญมณีที่หักทองคำออกแล้วส่งออกเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 21.3 (การส่งออกทองคำ ลดลงร้อยละ 15.4)
  • สินค้าที่ส่งออกลดลงได้แก่ เครื่องเดินทางและ เครื่องหนัง ลดลงร้อยละ 1.8 เป็นการลดลงของการส่งออกรองเท้าที่ลดลงร้อยละ 15.9 เนื่องจากการย้ายฐานการผลิตรองเท้ากีฬาไปเวียดนาม และ อัญมณี ลดลงร้อยละ 3.8 เป็นการลดลงของการส่งออกทองคำที่ลดลงร้อยละ 15.4

1.2.3 ตลาดส่งออก

(1) ตลาดหลัก ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอัตราสูงถึงร้อยละ 34.7 และเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด โดยเฉพาะอาเซียน(5) เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 61.2 รองลงได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป(15) เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.2 , 21.7 และ 20.0 ตามลำดับ

(2) ตลาดใหม่ ส่งออกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และเป็นการเพิ่มขึ้นในทุกตลาด ยกเว้นแอฟริกาที่ส่งออกลดลงร้อยละ 5.4

2. การนำเข้า

2.1 การนำเข้าเดือนพฤษภาคม 2553

2.1.1 การนำเข้า มีมูลค่า 14,345.16 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นร้อยละ 55.06 คิดในรูปเงินบาทมีมูลค่า 464,209.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.63

2.1.2 สินค้านำเข้า สินค้านำเข้าสำคัญมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นทุกหมวดดังนี้

(1) สินค้าเชื้อเพลิง นำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 63.81 การนำเข้าสินค้าเชื้อเพลิงที่สำคัญได้แก่ น้ำมันดิบ มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 66.9 ในเชิงปริมาณ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.46 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นทั้งภาคการผลิต การส่งออก และภาคการขนส่ง

(2) สินค้าทุน นำเข้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 45.0 เนื่องจากนักลงทุนมีความมั่นใจในภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวส่งผลให้มีการขยายการลงทุน ประกอบกับโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐเริ่มดำเนินการแล้วในบางส่วน การนำเข้าสินค้าทุนที่สำคัญได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 63.8 เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วน ประกอบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 36.2 เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.6

(3) สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 57.7 โดยเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับภาคการส่งออกและภาคการบริโภคภายในประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูปสำคัญ ได้แก่ อุปกรณ์ส่วนประกอบเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.7 เคมีภัณฑ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 71.4 เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ ปริมาณและมูลค่า เพิ่มขึ้นร้อยละ 67.75 และ 151.77 ตามลำดับ เป็นการนำเข้าตามความต้องการบริโภคเนื่องจากเศรษฐกิจภายในประเทศฟื้นตัว และความต้องการใช้เหล็กในโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐที่เริ่มมีการดำเนินการ รวมถึงการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ และเหล็กแผ่นเพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตภาชนะบรรจุภัณฑ์สำหรับการส่งออกและจำหน่ายภายในประเทศ ทองคำ นำเข้าปริมาณ ลดลงร้อยละ 50.81 แต่มูลค่า เพิ่มขึ้นร้อยละ 57.41 ตามลำดับ

(4) สินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.5 การนำเข้ามีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ทำให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทที่แข็งค่า ทำให้สินค้านำเข้ามีราคาที่ถูกลง การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน เพิ่มขึ้นร้อยละ 60.7 เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด เช่น เครื่องใช้ในครัวและโต๊ะอาหาร กระเป๋า เป็นต้น เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.0

(5) สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 140.0 สินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ขนส่งที่สำคัญ ได้แก่ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 159.8 รถยนต์นั่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 145.2 รถยนต์โดยสารและรถบรรทุก เพิ่มขึ้นร้อยละ 60.8 เป็นต้น

2.2 การนำเข้าในระยะ 5 เดือนแรกของปี 2553 (ม.ค.-พ.ค.)

2.2.1 การนำเข้ามูลค่า 70,972.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เทียบกับระยะเดียวกันของปี 2552 เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.9

2.2.2 สินค้านำเข้าสำคัญสินค้านำเข้าสำคัญมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นทุกหมวดสินค้าได้แก่ สินค้า เชื้อเพลิง เพิ่มขึ้นร้อยละ 52.0 สินค้าทุน เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.5 สินค้าวัตถุดิบกึ่งสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นร้อยละ 74.7 สินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้นร้อยละ 33.5 และสินค้ายานพาหนะและอุปกรณ์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 105.3

3. ดุลการค้า

เดือนพฤษภาคม 2553 ไทยเกินดุลการค้า 2,211.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อคิดในรูปเงินบาท เกินดุลการค้ามูลค่า 65,424.4 ล้านบาท ส่งผลให้ในระยะ 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) ไทยเกินดุลการค้า 4,055.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อคิดในรูปเงินบาท ไทยเกินดุลการค้ามูลค่า 104,805.7 ล้านบาท

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 6 กรกฎาคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ