สรุปสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตรปี 2553 ครั้งที่ 23

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 29, 2010 16:04 —มติคณะรัฐมนตรี

คณะรัฐมนตรีรับทราบข้อมูลสรุปสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตรปี 2553 ครั้งที่ 23 ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2553 ประกอบด้วย สถานการณ์น้ำ และการดำเนินการตามแผนเตรียมรับสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตรปี 2553 สรุปได้ดังนี้

1. สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำ

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งประเทศ (23 กรกฎาคม 2553) มีปริมาณน้ำทั้งหมด 33,088 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 45 ของความจุอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 178 ล้านลูกบาศก์เมตร (ปริมาณน้ำใช้การได้ 9,247 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 13 ของความจุอ่างฯ) น้อยกว่าปี 2552 (44,284 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 60) จำนวน 11,196 ล้านลูกบาศก์เมตร สามารถรับน้ำได้อีก 40,467 ล้านลูกบาศก์เมตร

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ (23 กรกฎาคม 2553) มีปริมาณน้ำทั้งหมด 31,361 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือคิดเป็นร้อยละ 45 ของความจุอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 162 ล้านลูกบาศก์เมตร (ปริมาณน้ำใช้การได้ 8,000 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 11 ของความจุอ่างฯ) น้อยกว่าปี 2552 (41,952 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 60) จำนวน 10,429 ล้านลูกบาศก์เมตร

ปริมาณน้ำไหลลงอ่างภูมิพล สิริกิติ์ ตั้งแต่วันที่ 1-23 กรกฎาคม 2553 รวม 1,186.03 ล้านลูกบาศก์เมตร น้อยกว่าค่าเฉลี่ย 1,461.94 ล้านลูกบาศก์เมตร อนึ่ง อิทธิพลของพายุ “โกนเซิน” ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่จังหวัดน่าน ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิริกิติ์ ตั้งแต่วันที่ 17 — 23 กรกฎาคม 2553 จำนวน 230.56 ล้านลูกบาศก์เมตร และเขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ จำนวน 24.94 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับวันนี้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ จำนวน 66.0 ล้านลูกบาศก์เมตร

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนภูมิพล สิริกิติ์ และป่าสักชลสิทธิ์

หน่วย : ล้าน ลบ.ม. อ่างเก็บน้ำ ปริมาตรน้ำ ปริมาตรน้ำ ปริมาตรน้ำ ปริมาณน้ำ ปริมาณน้ำ ปริมาณน้ำ ในอ่างปี52 ในอ่างปี 53 ใช้การได้ ไหลลงอ่าง ระบาย รับได้อีก ปริมาตรน้ำ % ปริมาตรน้ำ % ปริมาตรน้ำ % วันนี้ เมื่อวาน วันนี้ เมื่อวาน ภูมิพล 6,012 45 3,994 30 194 1 1.62 3.00 5.00 5.00 9,468 สิริกิติ์ 4,934 52 3,359 35 509 5 17.77 39.79 7.56 8.99 6,151 ภูมิพล+สิริกิติ์ 10,946 48 7,353 32 703 3 19.39 42.79 12.56 13.99 15,619 แควน้อยฯ 199 26 171 22 135 18 4.50 3.44 0.43 0.43 598 ป่าสักชลสิทธิ์ 297 31 71 7 68 7 0.40 0.76 0.27 0.22 889

อ่างเก็บน้ำที่อยู่ในเกณฑ์น้ำน้อยกว่าร้อยละ 30 ของความจุอ่างฯ จำนวน 16 อ่าง ได้แก่ แม่งัด(25) แม่กวง(11) กิ่วลม(28) กิ่วคอหมา(26) แควน้อย(22) ห้วยหลวง(21) น้ำอูน(25) อุบลรัตน์(27) ลำปาว(24) ลำตะคอง(27) มูลบน(24) ป่าสักฯ(7) ทับเสลา(19) ขุนด่านฯ(15) คลองสียัด(23) และปราณบุรี(28) เพิ่มจากสัปดาห์ที่ผ่านมา 1 อ่าง คือ อ่างเก็บน้ำกิ่วลม

สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ ภาคตะวันออก

จังหวัดชลบุรี มีอ่างเก็บน้ำ 7 อ่าง รวมปริมาณน้ำ 73.7 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 41 ของความจุอ่างฯ (น้อยกว่าปี 2552 จำนวน 5.8 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 7) ปริมาณน้ำใช้การได้ 59 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 33 ของความจุอ่างฯ

จังหวัดระยอง มีอ่างเก็บน้ำ 4 แห่ง รวมปริมาณน้ำ 353.5 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 68 ของ ความจุอ่างฯ (มากกว่าปี 2552 จำนวน 15.0 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 4) ปริมาณน้ำใช้การได้ 325 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็นร้อยละ 62 ของความจุอ่างฯ

2. สภาพน้ำท่า

ภาคเหนือ แม่น้ำปิง ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย ยกเว้นบริเวณสถานี P.1 สะพานนวรัฐ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ แม่น้ำวัง แม่น้ำยม และแม่น้ำน่าน ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย ยกเว้น บริเวณสถานี N.1 หน้าสำนักงานป่าไม้ อำเภอเมือง จังหวัดน่าน ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์ปกติ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม่น้ำมูล ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย

ภาคกลาง แม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำป่าสัก ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย

ภาคใต้ แม่น้ำท่าตะเภา แม่น้ำตาปี แม่น้ำโก-ลก ปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย

3. คุณภาพน้ำ

กรมชลประทาน ติดตามตรวจสอบและเฝ้าระวังคุณภาพน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำ แม่กลอง ดังนี้

แม่น้ำ จุดเฝ้าระวัง ข้อมูล ค่า Sal (g/l) เกณฑ์ วันที่ ค่าสูงสุด เวลา เจ้าพระยา ท่าน้ำจังหวัดนนทบุรี 23 ก.ค. 53 0.26 10.12 น. ปกติ เจ้าพระยา ปากเกร็ด* จังหวัดนนทบุรี 23 ก.ค. 53 0.25 07.13 น. ปกติ ปากคลองสำแล * จังหวัดปทุมธานี 22 ก.ค. 53 0.14 02.00 น. ปกติ ท่าจีน ที่ว่าการอำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 23 ก.ค. 53 0.16 08.15 น. ปกติ แม่กลอง ปากคลองดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี 22 ก.ค. 53 0.10 23.10 น. ปกติ

หมายเหตุ ค่ามาตรฐานความเค็มที่ปากคลองสำแลไม่เกิน 0.20 กรัม/ลิตร

การดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้งต่อเนื่อง ตามแผนเตรียมสถานการณ์ภัยพิบัติด้านการเกษตร

1. แจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรเลื่อนการทำนาปีในเขตโครงการชลประทานทุกโครงการที่รับน้ำจากเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์จากปกติเดือนพฤษภาคมเป็นประมาณกลางเดือนกรกฎาคม 2553 และจากการประเมินสถานการณ์น้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ พบว่าปัจจุบันทั้งสองเขื่อนยังมีปริมาณน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย ซึ่งไม่เพียงพอที่จะสนับสนุนการทำนาปี จึงขอให้เกษตรกรในพื้นที่ 22 จังหวัด ที่ใช้น้ำจากเขื่อนทั้งสองแห่งดังกล่าว ประกอบด้วย ตาก กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี ลพบุรี สระบุรี อ่างทอง สุพรรณบุรี นครปฐม พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี ฉะเชิงเทรา นครนายก สมุทรปราการ สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร ให้เลื่อนการทำนาปีออกไปอีกครั้ง จากเดิมที่เคยให้เลื่อนเป็นกลางเดือนกรกฎาคม 2553 ออกไปจนถึงต้นเดือนสิงหาคม 2553 เพื่อไม่ให้ผลผลิตเสียหายจากการขาดแคลนน้ำ

2. สำนักฝนหลวงและการบินเกษตรได้ปรับแผนปฏิบัติการการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง ปัจจุบันมีศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง จำนวน 5 ศูนย์ ประกอบด้วย หน่วยปฏิบัติการ จำนวน 11 หน่วย และฐานเติมสารฝนหลวง จำนวน 7 ฐาน โดยเน้นปฏิบัติการให้พื้นที่ลุ่มรับน้ำต่างๆ ดังนี้

2.1 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคเหนือ มีหน่วยปฏิบัติ จำนวน 4 หน่วย ได้แก่ หน่วยฯ จังหวัดเชียงใหม่ ตาก แพร่ และพิษณุโลก

2.2 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคกลาง มีหน่วยปฏิบัติ จำนวน 2 หน่วย ได้แก่ หน่วยฯ จังหวัดลพบุรี และกาญจนบุรี ฐานเติมสารฯ จำนวน 1 ฐาน คือ จังหวัดนครสวรรค์

2.3 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีหน่วยปฏิบัติ จำนวน 2 หน่วย ได้แก่ หน่วยฯ จังหวัดขอนแก่น และอุบลราชธานี ฐานเติมสารฯ จำนวน 3 ฐาน คือ จังหวัดบุรีรัมย์ นครพนม นครราชสีมา

2.4 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคตะวันออก มีหน่วยปฏิบัติ จำนวน 1 หน่วย คือ หน่วยฯ จังหวัดสระแก้ว ฐานเติมสารฯ จำนวน 1 ฐาน คือ จังหวัดระยอง

2.5 ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภาคใต้ มีหน่วยปฏิบัติ จำนวน 2 หน่วย คือ หน่วยฯ หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และสุราษฎร์ธานี ฐานเติมสารฯ จำนวน 2 ฐาน คือ จังหวัดราชบุรี และนครศรีธรรมราช

ผลการปฏิบัติการฝนหลวงประจำสัปดาห์ ช่วงวันที่ 16-22 กรกฎาคม 2553 ขึ้นปฏิบัติการ จำนวน 309 เที่ยวบิน มีจังหวัดที่มีรายงานฝนตก 51 จังหวัด วัดปริมาณน้ำฝนสูงสุดได้ 165.0 มิลลิเมตร ที่อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ รวม 426.21 ล้าน ลบ.ม.

ผลการปฏิบัติการฝนหลวงสะสม 25 มกราคม — 22 กรกฎาคม 2553 ขึ้นปฏิบัติการรวม 146 วัน จำนวน 4,459 เที่ยวบิน มีรายงานฝนตกในปฏิบัติการ รวม 135 วัน จำนวน 671 สถานี วัดปริมาณน้ำฝนรายวันสูงสุดได้ 250.0 มิลลิเมตร จังหวัดที่มีรายงานฝนตกรวม 63 จังหวัด จากจำนวนจังหวัดที่อยู่ในเป้าหมายทั้งหมด 70 จังหวัด

ผลกระทบด้านการเกษตร ณ วันที่ 23 กรกฎาคม 2553

อุทกภัย ช่วงภัยวันที่ 5 มิถุนายน.-19 กรกฎาคม.2553

ด้านพืช พื้นที่ประสบภัย 7 จังหวัด 16 อำเภอ ได้แก่ จังหวัดน่าน ลำปาง เชียงราย กาญจนบุรี นครปฐม ตรัง และสตูล เกษตรกร 2,197 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 31,700 ไร่ แบ่งเป็นข้าว 12,841 ไร่ พืชไร่ 13,945 ไร่ และพืชสวน 4,914 ไร่

ด้านประมง พื้นที่ประสบภัย 3 จังหวัด 6 อำเภอ ได้แก่ จังหวัดน่าน ลำปาง และเลย เกษตรกร 1,002 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 1,008 บ่อ คิดเป็นพื้นที่ 549 ไร่ 108 กระชัง คิดเป็นพื้นที่ 2,286 ตารางเมตร

ด้านปศุสัตว์ พื้นที่ประสบภัย 1 จังหวัด 2 อำเภอ ได้แก่ จังหวัดน่าน เกษตรกร 443 ราย ไก่พื้นเมืองได้รับผลกระทบ 15,683 ตัว

การดำเนินการ อยู่ระหว่างสำรวจความเสียหาย

ฝนทิ้งช่วง ช่วงภัยวันที่ 17 พฤษภาคม — 13 กรกฎาคม 2553

ด้านพืช พื้นที่ประสบภัย 4 จังหวัด 16 อำเภอ ได้แก่ จังหวัดน่าน พิจิตร แพร่ และอำนาจเจริญ เกษตรกร 42,649 ราย พื้นที่คาดว่าจะเสียหาย 221,763 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 164,284 ไร่ พืชไร่ 54,643 ไร่ และพืชสวน 2,836 ไร่

การดำเนินการ อยู่ระหว่างสำรวจความเสียหาย

ภัยแล้ง ช่วงภัยวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึง 30 พฤษภาคม 2553

ด้านพืช พื้นที่การเกษตรเสียหาย 45 จังหวัด เกษตรกร 212,303 ราย พื้นที่การเกษตรทั้งสิ้น 1,526,251 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 96,499 ไร่ พืชไร่ 1,269,282 ไร่ พืชสวนและอื่นๆ 160,471 ไร่ คิดเป็นวงเงินช่วยเหลือ 1,251.3962 ล้านบาท

การดำเนินการ

  • ช่วยเหลือแล้วด้วยงบจังหวัดและงบกลาง วงเงิน 63.1648 ล้านบาท
  • อยู่ระหว่างขอสนับสนุนงบประมาณจากคณะกรรมการอำนวยการกำกับ ติดตามการแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้ง (คอปล.) วงเงิน 279.8104 ล้านบาท
  • อยู่ระหว่างรอเอกสารของบกลางของจังหวัด วงเงิน 908.4210 ล้านบาท ด้านปศุสัตว์ช่วยเหลือเสร็จสิ้นแล้ว และด้านประมงไม่มีความเสียหาย

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 28 กรกฎาคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ