ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินเดือนของข้าราชการ

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday August 11, 2010 11:38 —มติคณะรัฐมนตรี

เรื่อง ร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินเดือนของข้าราชการ

และลูกจ้างประจำของส่วนราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ....

คณะรัฐมนตรีเห็นชอบหลักการร่างระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินเดือนของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา แล้วดำเนินการต่อไปได้

ข้อเท็จจริง

กระทรวงการคลังรายงานว่า

1. พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ยกเลิกระดับตำแหน่งข้าราชการพลเรือนและต่อมา สำนักงาน ก.พ. ได้เทียบการดำรงตำแหน่งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 เท่ากับการดำรงตำแหน่งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ตามหนังสือสำนักงาน ก.พ. ที่ นร 1006/ว12 ลงวันที่ 11 ธันวาคม 2551 ซึ่งได้กำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการเทียบการดำรงตำแหน่งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 เท่ากับการดำรงตำแหน่งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ทำให้มีการจัดตำแหน่งข้าราชการพลเรือนขึ้นใหม่ และ ยกเลิกระบบซีเดิม

2. โดยที่กฎหมายตามข้อ 1 มีผลกระทบต่อระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินเดือนของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. 2547 กระทรวงการคลังจึงได้ปรับปรุงระเบียบกระทรวงการคลังดังกล่าว โดยการออกระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินเดือนของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2552 โดยกำหนดให้คงสิทธิข้าราชการระดับ 8 หรือ 8 ว เดิมให้ได้รับค่าตอบแทนในอัตราเดือนละ 3,500 บาท โดยให้ข้าราชการที่ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการพิเศษ และผู้ดำรงตำแหน่งประเภททั่วไป ระดับอาวุโสเฉพาะผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งระดับ 8 หรือ 8 ว ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 หรือข้าราชการที่ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับเชี่ยวชาญ ตำแหน่งประเภททั่วไป ระดับทักษะพิเศษ และตำแหน่งประเภทอำนวยการระดับสูงที่เคยดำรงตำแหน่งระดับ 9 ซึ่งไม่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 และองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของข้าราชการนั้นเห็นสมควรให้ตำแหน่งดังกล่าว มีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนเป็นรายเดือนในอัตราเดือนละ 3,500 บาท โดยเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ (กงช.) พิจารณาให้ความเห็นชอบแล้วได้รับเงินค่าตอบแทนพิเศษเป็นรายเดือนในอัตราเดือนละ 3,500 บาท

3. ระเบียบตามข้อ 2 มิได้กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งระดับ 7 เดิม แต่ได้ถูกกำหนดตำแหน่งตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2551 ให้ดำรงตำแหน่งประเภททั่วไป ระดับอาวุโส รวมอยู่กับผู้ดำรงตำแหน่งระดับ 8 หรือ 8 ว เดิม และผู้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการ ระดับชำนาญการ ที่ได้รับคำสั่งให้ไปดำรงตำแหน่งระดับชำนาญการพิเศษ ผู้ดำรงตำแหน่งประเภททั่วไป ระดับชำนาญงาน ที่ได้รับคำสั่งให้ไปดำรงตำแหน่งระดับอาวุโสซึ่งมิใช่ผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งระดับ 8 หรือ 8 ว ตามพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 จึงไม่มีสิทธิได้รับค่าตอบแทนรายเดือนอัตราเดือนละ 3,500 บาท

4. กรมบัญชีกลางจึงได้ประชุมหารือร่วมกับสำนักงบประมาณและสำนักงาน ก.พ. ซึ่งมีมติว่าผู้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการที่ได้รับการเลื่อนเป็นระดับชำนาญการพิเศษที่ไม่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่ง เห็นควรกำหนดให้ได้รับค่าตอบแทนรายเดือน เดือนละ 3,500 บาท ตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินเดือนของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สำหรับผู้ดำรงตำแหน่งประเภททั่วไป ระดับอาวุโส เห็นควรให้คงหลักการเดิม คือ กำหนดให้ได้รับค่าตอบแทนรายเดือน เดือนละ 3,500 บาท เฉพาะผู้ที่เคยดำรงตำแหน่ง ระดับ 8 หรือ 8 ว ซึ่งเดิมเคยได้รับค่าตอบแทน ก่อนมีการปรับเข้าสู่ประเภทตำแหน่งใหม่เท่านั้น

สาระสำคัญของร่างระเบียบ

1. กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนซึ่งได้รับเงินประจำตำแหน่งตามบัญชีอัตราเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือนสามัญ ตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการพลเรือนได้รับเงินค่าตอบแทนรายเดือนเท่ากับอัตราเงินประจำตำแหน่งที่ได้รับ เว้นแต่ข้าราชการที่ได้รับเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการ

2.กำหนดให้ข้าราชการซึ่งได้เงินประจำตำแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งได้รับเงินค่าตอบแทนรายเดือน เท่ากับอัตราเงินประจำตำแหน่งที่ได้รับเว้นแต่ข้าราชการซึ่งได้รับเงินประจำตำแหน่ง ระดับ 7 หรือ ตำแหน่งที่เทียบเท่า

3. กำหนดให้ข้าราชการครูหรือบุคลากรทางการศึกษาซึ่งได้รับเงินวิทยฐานะตามกฎหมายว่าด้วยเงินเดือน เงินวิทยฐานะ และเงินประจำตำแหน่งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้รับเงินค่าตอบแทนรายเดือนในอัตราเท่ากับเงินวิทยฐานะที่ได้รับ เว้นแต่ข้าราชการครูหรือบุคลากรทางการศึกษาซึ่งได้รับเงินวิทยฐานะชำนาญการ

4. กำหนดให้ข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษาซึ่งมีสิทธิได้รับทั้งเงินประจำตำแหน่งประเภทบริหาร และเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาการ ได้รับเงินค่าตอบแทนรายเดือนในอัตราเท่ากับเงินประจำตำแหน่งประเภทบริหารหรือเงินประจำตำแหน่งประเภทวิชาการที่สูงกว่าเพียงทางเดียว

5. กำหนดให้ข้าราชการที่ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับชำนาญการพิเศษ มีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนเป็นรายเดือนในอัตราเดือนละ 3,500 บาท

6. กำหนดให้ข้าราชการที่ดำรงตำแหน่งประเภททั่วไป ระดับทักษะพิเศษ หรือประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญ ระดับทรงคุณวุฒิ หรือประเภทอำนวยการระดับสูง หรือประเภทบริหาร ระดับต้น ระดับสูงซึ่งไม่มีสิทธิได้รับเงินประจำตำแหน่งตามกฎหมายว่าด้วยเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งแต่ปฏิบัติงานในตำแหน่งซึ่งมีลักษณะเป็นงานสนับสนุนประเภทประสานงาน กำกับ ดูแล ให้คำปรึกษา และงานมอบหมายพิเศษ ถ้าองค์กรกลางบริหารงานบุคคลของ ข้าราชการประเภทนั้นเห็นสมควรให้ตำแหน่งดังกล่าวมีสิทธิได้รับเงินค่าตอบแทนเป็นรายเดือนในอัตราเดือนละ 3,500 บาท ให้เสนอคณะกรรมการพิจารณาเงินเดือนแห่งชาติ (กงช.) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ

--ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (นายกรัฐมนตรี) วันที่ 10 สิงหาคม 2553--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ