สถานการณ์น้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศไทยปี 2553

ข่าวทั่วไป Thursday March 31, 2011 12:22 —กรมพัฒนา และส่งเสริมพลังงาน

ปี2553 ประเทศไทยมีปริมาณการใช้น้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นจากปี 2552 อัตราร้อยละ 2.1 หรือเพิ่มขึ้นจากวันละ 683,441 บาร์เรล เป็นวันละ 697,537 บาร์เรล ในขณะที่การนำเข้าสุทธิของน้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปลดลงอัตราร้อยละ 1.6 สำหรับรายละเอียดด้านต่างๆ มีดังนี้

1.การจัดหา

การจัดหาปิโตรเลียมปี2553 มีทั้งจากแหล่งภายในประเทศและแหล่งต่างประเทศดังนี้ประกอบด้วย

1.1 แหล่งภายในประเทศปิโตรเลียมที่ผลิตได้จากแหล่งภายในประเทศน้ำมันดิบปี 2553 มีการผลิตน้ำมันดิบรวมทั้งสิ้น 8,885 ล้านลิตร หรือเฉลี่ย 153,104 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ0.7 ทั้งนี้เป็นการผลิตจากแหล่งบนบก คือ แหล่งสิริกิติ์เป็นสัดส่วนร้อยละ14.1 หรือ21,655 บาร์เรลต่อวัน แหล่งฝางสัดส่วนร้อยละ0.7 หรือ 1,099 บาร์เรลต่อวัน แหล่งบึงหญ้า แหล่งบึงม่วง แหล่งกำแพงแสน แหล่งอู่ทอง แหล่งวิเชียรบุรี แหล่งศรีเทพ แหล่ง สังขจาย แหล่งบึงหญ้าตะวันตก แหล่งบึงม่วงตะวันตก แหล่งบึงหญ้าเหนือ แหล่งนาสนุ่น แหล่งนาสนุ่นตะวันออกและบ่อรังเหนือ รวมกันเป็นสัดส่วนร้อยละ 5.6 หรือ 8,663 บาร์เรลต่อวัน และแหล่งใหม่อีก5 แหล่ง ได้แก่แหล่งอรุโณทัย แหล่งบูรพา แหล่งบึงกระเทียม แหล่งแอล 53 เอ และแหล่งแอล 33 รวมกันเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.3 หรือ 435 บาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ยังผลิตจากบริเวณอ่าวไทยอีกคือแหล่งเบญจมาศคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 16.3 หรือ 24,943 บาร์เรลต่อวัน แหล่งปลาหมึกเป็นสัดส่วนร้อยละ 10.8 หรือ 16,537 บาร์เรลต่อวัน แหล่งจัสมินเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.1 หรือ 13,868 บาร์เรลต่อวัน และจากแหล่งทานตะวัน แหล่งราชพฤกษ์ แหล่งกะพง แหล่งสุราษฎร์ แหล่งปลาทอง แหล่งยะลา แหล่งมะลิวัลย์ แหล่งจามจุรีเหนือ แหล่งเบญจมาศเหนือ แหล่งบานเย็น แหล่งบัวหลวง แหล่งสงขลา แหล่งลันตา แหล่งชบารวมกันเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.7 หรือ 63,767 บาร์เรลต่อวัน และแหล่งใหม่อีก 2 แหล่ง ได้แก่ แหล่งยูงทอง และแหล่งกุ้งเหนือรวมกันคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ1.4 หรือ 2,137 บาร์เรลต่อวัน ก๊าซธรรมชาติปี 2553 มีการผลิตก๊าซธรรมชาติรวมทั้งสิ้น1,278,254 ล้านลูกบาศก์ฟุต หรือเฉลี่ย 3,502 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอัตราร้อยละ 17.3 ทั้งนี้เป็นการผลิตจากบริเวณอ่าวไทยและแหล่งพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 95.2 หรือ 3,334 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และจากแหล่งบนบกคือ แหล่งสิริกิติ์ แหล่งน้ำพองและแหล่งสินภูฮ่อมอีกร้อยละ 4.8 หรือ 168 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน คอนเดนเสทปี 2553 มีการผลิตคอนเดนเสทรวมทั้งสิ้น 5,580 ล้านลิตรหรือเฉลี่ย 96,156 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอัตราร้อยละ10.5 ทั้งนี้เป็นการผลิตในบริเวณอ่าวไทยจากแหล่งบงกชมากที่สุดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.4 แหล่งอาทิตย์สัดส่วนร้อยละ 15.8 แหล่งไพลินสัดส่วนร้อยละ12.5 แหล่งเอราวัณสัดส่วนร้อยละ11.6 แหล่งไพริน แหล่งโกมินทร์ แหล่งตราด แหล่งสตูล แหล่งจักรวาลตะวันตก แหล่งสตูลใต้ แหล่งบรรพต แหล่งฟูนาน แหล่งจักรวาล แหล่งอาทิตย์เหนือ และพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียรวมกันเป็นสัดส่วนร้อยละ37.0 และแหล่งใหม่ได้แก่ แหล่งโกมินทร์ใต้สัดส่วนร้อยละ 2.3 ทั้งนี้มีการผลิตจากแหล่ง บนบก คือ แหล่งสินภูฮ่อมสัดส่วนร้อยละ 0.4

1.2 แหล่งต่างประเทศน้ำมันดิบการนำเข้าน้ำมันดิบในประเทศปี 2553 รวมทั้งสิ้น 47,365 ล้านลิตร หรือเฉลี่ย 816,197 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอัตราร้อยละ 1.6 สำหรับมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบในปีนี้รวมทั้งสิ้น 753,648 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอัตราร้อยละ 21.0 แหล่งนำเข้าน้ำมันดิบที่สำคัญยังคงมาจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลางสัดส่วนร้อยละ 72.4 รองลงมาจากกลุ่มประเทศยุโรปสัดส่วนร้อยละ 11.3 กลุ่มประเทศอาเซียน กลุ่มประเทศเอเชียแปซิฟิค และกลุ่มประเทศแอฟริกา อีกสัดส่วนร้อยละ5.3 และ 2.0 ตามลำดับ นอกจากนี้ยังมีการนำเข้าวัตถุดิบ (โปรเพน บิวเทน) ปริมาณล้านลิตร คิดเป็นมูลค่า 38,154 ล้านบาท เพื่อการผลิตน้ำมันสำเร็จรูป น้ำมันสำเร็จรูปปี2553 การนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปรวมทั้งสิ้น 182 ล้านลิตร หรือเฉลี่ย 3,136 บาร์เรลต่อวัน ลดลงจากปีก่อนในอัตราร้อยละ 63.1 และคิดเป็นมูลค่าการนำเข้ารวมทั้งสิ้น 3,263 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนอัตราร้อยละ 51.8 โดยมีการนำเข้าน้ำมันดีเซลหมุนเร็วลดลงอัตราร้อยละ83.9 น้ำมันเครื่องบินลดลงจากปีก่อนอัตราร้อยละ 72.7 และน้ำมันสำเร็จรูปที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นคือก๊าซปิโตรเลียมเหลวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนเป็นเท่าตัว และน้ำมันเตาเพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 21.7 ก๊าซธรรมชาติ ปี 2553 มีการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากประเทศสหภาพพม่ารวมทั้งสิ้น 371,801 ล้านลูกบาศก์ฟุต หรือเฉลี่ย 1,019 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอัตราร้อยละ 10.1 คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 84,852 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน อัตราร้อยละ 3.1 คอนเดนเสท ปี 2553 มีการนำเข้าคอนเดนเสทรวมทั้งสิ้น 1,894 ล้านลิตร หรือเฉลี่ย 32,638 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 30,391 ล้านบาท โดยเป็นการนำเข้าเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีและสารละลาย

1.3 การส่งออก น้ำมันดิบ เนื่องจากน้ำมันดิบที่ขุดได้ในประเทศมีคุณภาพไม่เหมาะสมกับโรงกลั่นในประเทศทำให้ประเทศไทยต้องส่งออกน้ำมันดิบโดยในปี 2553 มีการส่งออกน้ำมันดิบรวมทั้งสิ้น 1,711 ล้านลิตร หรือเฉลี่ย 29,484 บาร์เรลต่อวัน ลดลงจากปีก่อนอัตราร้อยละ 31.2 คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 26,007 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนอัตราร้อยละ 10.3 คอนเดนเสทในปี 2553 ไม่มีการส่งออกคอนเดนเสทเนื่องจากมีการใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นก๊าซโซลีนธรรมชาติปี 2553 มีการส่งออกก๊าซโซลีนธรรมชาติรวมทั้งสิ้น 132 ล้านลิตร หรือเฉลี่ย 2,275 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในอัตราร้อยละ 17.9 คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 2,184 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อนในอัตราร้อยละ 46.2 น้ำมันสำเร็จรูป ปี2553 มีการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปรวมทั้งสิ้น 11,973 ล้านลิตร หรือเฉลี่ย 206,320 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจาก ปีก่อนอัตราร้อยละ 2.5 มูลค่าการส่งออกรวมทั้งสิ้น 199,099 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอัตราร้อยละ 14.1

2.การกลั่น

ปี 2553 ประเทศไทยมีโรงกลั่นน้ำมันรวม 8 โรง มีกำลังการกลั่นรวมกันทั้งสิ้น 1,094,500 บาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้ยังมีโรงแยกก๊าซธรรมชาติ 5 โรง มีขนาดรวม 1,770 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และโรงแยกก๊าซปตท.สผ.สยามซึ่งทำการผลิตก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นหลักอีก 1 โรง มีขนาด 120 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ปี 2553 โรงกลั่นน้ำมันทั้ง 8 โรง รับน้ำมันดิบและคอนเดนเสทเข้ากลั่นรวมทั้งสิ้น 59,744 ล้านลิตรหรือ 1,029,512 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในอัตราร้อยละ5.3 โดยเป็นการใช้ปิโตรเลียมภายในประเทศคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 14.0 และน้ำมันดิบจากแหล่งต่างประเทศเป็นสัดส่วนร้อยละ 86.0 ซึ่งสามารถผลิตน้ำมันสำเร็จรูปได้รวมทั้งสิ้น 55,282 ล้านลิตร ประกอบด้วยน้ำมันดีเซล ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำมันเบนซิน น้ำมันเครื่องบิน น้ำมันเตา และน้ำมันก๊าด เป็นสัดส่วนร้อยละ 42.2 19.0 15.8 11.2 10.9 และ 0.9 ตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว มีการกลั่นเพิ่มขึ้นของน้ำมัน คือ น้ำมันก๊าดเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำมันเครื่องบิน และน้ำมันดีเซลพื้นฐาน ในอัตราร้อยละ 15.0 3.7 และ 3.6 ส่วนน้ำมันที่มีการกลั่นลดลงคือ น้ำมันเตาและน้ำมันเบนซิน ในอัตราร้อยละ 11.2 และ 1.2 ตามลำดับสำหรับการผลิตก๊าซปิโตรเลียมเหลวและก๊าซโซลีนธรรมชาติจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติมีปริมาณรวมทั้งสิ้น 4,440 ล้านลิตร และ 810 ล้านลิตรตามลำดับ โดยก๊าซปิโตรเลียมเหลวมีการผลิตลดลงจากปีก่อนอัตราร้อยละ 1.2 และก๊าซโซลีนธรรมชาติผลิตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอัตราร้อยละ2.3 นอกจากนี้ยังมีการผลิตก๊าซปิโตรเลียมเหลวอีกเล็กน้อยจากโรงงานอุตสาหกรรมปิโตรเคมี มีปริมาณ 711 ล้านลิตร

3.การใช้

3.1น้ำมันสำเร็จรูป ปี 2553 มีการใช้น้ำมันสำเร็จรูปรวมทั้งสิ้น 40,479 ล้านลิตรหรือเฉลี่ย 697,537 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในอัตราร้อยละ2.1 ดังรายละเอียดคือก๊าซปิโตรเลียมเหลว ปี 2553 มีการใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวรวมทั้งสิ้น 7,194 ล้านลิตร หรือเฉลี่ย 123,967 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอัตราร้อยละ11.5 ทั้งนี้เป็นการใช้สูงสุดในสาขาบ้านอยู่อาศัยและธุรกิจการค้าคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 62.6 รองลงมาคือสาขาอุตสาหกรรมการผลิต การขนส่ง และการเกษตรเป็นสัดส่วนร้อยละ 19.8 17.5 และ0.1 ตามลำดับ ทั้งนี้เป็นการใช้ในเขตกรุงเทพมหานครเป็นสัดส่วนร้อยละ 17.5 และเป็นการใช้ในส่วนภูมิภาคเป็นสัดส่วนร้อยละ 82.5 น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วออกเทน 95 (รวมน้ำมันแก๊สโซฮอล์อี 10 ออกเทน 95 แก๊สโซฮอล์อี 20 และ อี 85) ปี 2553 มีการใช้น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วออกเทน 95 (รวมน้ำมันแก๊สโซฮอล์อี 10 ออกเทน 95 แก๊สโซฮอล์อี 20 และอี 85) รวมทั้งสิ้น 2,907 ล้านลิตรหรือเฉลี่ย 50,094 บาร์เรลต่อวัน ลดลงจากปีก่อนในอัตราร้อยละ 10.1 ทั้งนี้เป็นการใช้น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วออกเทน 95 รวมทั้งสิ้น 77 ล้านลิตรหรือเฉลี่ย 1,327 บาร์เรลต่อวันลดลงจากปีก่อนในอัตราร้อยละ 56.5 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์อี10 ออกเทน 95 รวมทั้งสิ้น 2,691 ล้านลิตรหรือเฉลี่ย 46,371 บาร์เรลต่อวัน ลดลงจากปีก่อนในอัตราร้อยละ 9.4 แก๊สโซฮอล์อี 20 และอี 85 รวมทั้งสิ้น 139 ล้านลิตร หรือเฉลี่ย 2,395 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเกือบ 2 เท่าตัว สำหรับสัดส่วนการใช้น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วออกเทน 95(รวมน้ำมันแก๊สโซฮอล์อี10 ออกเทน 95 แก๊สโซฮอล์อี 20 และอี 85)มีดังนี้คือ เป็นการใช้ในสาขาการขนส่งสัดส่วนร้อยละ 99.7 และสาขาอื่น ๆ รวมกันอีกร้อยละ0.3 โดยเป็นการใช้ในเขตกรุงเทพมหานครเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.4 และส่วนภูมิภาคเป็นสัดส่วนร้อยละ58.6 น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วออกเทน 91 (รวมน้ำมันแก๊สโซฮอล์อี 10 ออกเทน 91)ปี 2553 มีการใช้น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วออกเทน 91 (รวมน้ำมันแก๊สโซฮอล์อี 10 ออกเทน 91) รวมทั้งสิ้น 4,509 ล้านลิตรหรือเฉลี่ย 77,699 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอัตราร้อยละ 5.1 ทั้งนี้เป็นการใช้น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วออกเทน 91 รวมทั้งสิ้น 2,957 ล้านลิตรหรือเฉลี่ย 50,955 บาเรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนในอัตราร้อยละ 2.8 และน้ำมันแก๊สโซฮอล์อี 10 ออกเทน 91 รวมทั้งสิ้น 1,552 ล้านลิตรหรือเฉลี่ย 26,744 บาเรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอัตราร้อยละ9.7 สำหรับสัดส่วน การใช้น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วออกเทน 91 (รวมน้ำมันแก๊สโซฮอล์อี 10 ออกเทน 91) มีดังนี้คือเป็นการใช้ในสาขาการขนส่งสัดส่วนร้อยละ 98.3 และสาขาอื่นๆ รวมกันอีกร้อยละ 1.7 โดยเป็นการใช้ในเขตกรุงเทพมหานครเป็นสัดส่วนร้อยละ 31.6 และส่วนภูมิภาคเป็นสัดส่วนร้อยละ 68.4 น้ำมันเครื่องบิน ปี 2553 มีการใช้น้ำมันเครื่องบินรวมทั้งสิ้น 4,712 ล้านลิตร หรือเฉลี่ย 81,197 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอัตราร้อยละ 6.3 เป็นการใช้สำหรับการบินภายในประเทศเป็นสัดส่วนร้อยละ 6.7 และการบินระหว่างประเทศเป็นสัดส่วนร้อยละ 93.3น้ำมันก๊าดปี 2553 มีการใช้น้ำมันก๊าดรวมทั้งสิ้น 15 ล้านลิตร หรือเฉลี่ย 258 บาร์เรลต่อวัน ลดลงจากปีก่อนอัตราร้อยละ 16.7 ทั้งนี้ เป็นการใช้ในสาขาอุตสาหกรรมการผลิตสัดส่วนร้อยละ 66.9 รองลงมาใช้ในสาขาบ้านอยู่อาศัยและธุรกิจการค้าสัดส่วนร้อยละ 31.3 และสาขาอื่นๆ อีกร้อยละ1.8 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว(รวมน้ำมันปาล์มดีเซลและน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 2 บี 3 และบี 5) ปี 2553 มีการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (รวมน้ำมันปาล์มดีเซลและน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 2 บี 3 และบี 5)รวมทั้งสิ้น 18,496 ล้านลิตร หรือเฉลี่ย 318,724 บาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอัตราร้อยละ 0.1 สำหรับสัดส่วนการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว (รวมน้ำมันปาล์มดีเซลและน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 2 และบี 5) มีดังนี้คือเป็นการใช้ในสาขาการขนส่งมากที่สุดคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 72.2 รองลงมาใช้ในสาขาการเกษตร สาขาอุตสาหกรรมการผลิต และสาขาอื่น ๆ เป็นสัดส่วนร้อยละ 21.4 5.1 และ1.3 ตามลำดับ เป็นการใช้ในเขตกรุงเทพมหานครสัดส่วนร้อยละ 39.2 และส่วนภูมิภาคสัดส่วนร้อยละ 60.8 น้ำมันดีเซลหมุนช้า ปี 2553 ไม่มีการใช้น้ำมันดีเซลหมุนช้าเนื่องจากปริมาณการผลิตมีไม่เพียงพอน้ำมันเตาปี2553 มีการใช้น้ำมันเตารวมทั้งสิ้น 2,646 ล้านลิตร หรือเฉลี่ย 45,596 บาร์เรลต่อวัน ลดลงจากปีก่อนอัตราร้อยละ 4.2 สำหรับสัดส่วนการใช้มีดังนี้คือ เป็นการใช้ในสาขาการขนส่งสัดส่วนร้อยละ 54.9 สาขาอุตสาหกรรมการผลิตสัดส่วนร้อยละ 35.3 สาขาไฟฟ้าสัดส่วนร้อยละ 9.1 และสาขาอื่น ๆ สัดส่วนร้อยละ 0.7 เป็นการใช้ในเขตกรุงเทพมหานครเป็นสัดส่วนร้อยละ 45.2 และส่วนภูมิภาคสัดส่วนร้อยละ 54.8

3.2 ก๊าซธรรมชาติ ปี2553 มีการใช้ก๊าซธรรมชาติรวมทั้งสิ้น 1,179,756 ล้านลูกบาศก์ฟุตหรือเฉลี่ย 3,232 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอัตราร้อยละ9.9 โดยใช้ในการผลิตไฟฟ้า 2,805 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนอัตราร้อยละ 10.6 ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิต 246 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ลดลงจากปีก่อนอัตราร้อยละ5.7 ใช้ในสาขาการขนส่ง 181 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันเพิ่มขึ้นจากปีก่อนอัตราร้อยละ26.6 เป็นผลจากมีการนำก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ไปใช้ในยานพาหนะ สำหรับการใช้ก๊าซธรรมชาติในสาขาอุตสาหกรรมการผลิตมีการใช้ในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีอุตสาหกรรมอโลหะอุตสาหกรรมโลหะขั้นมูลฐาน อุตสาหกรรมอื่นๆอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มและอุตสาหกรรมสิ่งทอ เป็นสัดส่วนร้อยละ 37.4 35.0 11.4 6.6 4.8 และ 3.5 ตามลำดับ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ