นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยโดยรวมในเดือนกันยายน 2553 ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ธุรกิจประกันภัยในเดือนกันยายน 2553 ขยายตัวร้อยละ 12.41 โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 36,925 ล้านบาท เป็นการขยายตัวของธุรกิจประกันชีวิตร้อยละ 11.64 โดยมีเบี้ยประกันภัยรับ 26,705 ล้านบาท และเป็นการขยายตัวของธุรกิจประกันวินาศภัยร้อยละ 14.47 โดยมีเบี้ยประกันภัยรับ 10,220 ล้านบาท ทำให้ในไตรมาสที่ 3 ของปี 2553 ขยายตัวที่ร้อยละ 10.43 โดยมีเบี้ยประกันภัยรวม 103,910 ล้านบาท เป็นของธุรกิจประกันชีวิตจำนวน 73,837 ล้านบาท ขยายตัวที่ร้อยละ 10.02 และเป็นของธุรกิจประกันวินาศภัยจำนวน 30,073 ล้านบาท ขยายตัวที่ร้อยละ 11.46 รวม 9 เดือน (มกราคม - กันยายน 2553) ธุรกิจประกันภัยขยายตัวร้อยละ 12.85 โดยมีเบี้ยประกันภัยรวมทั้งสิ้น 300,886 ล้านบาท เป็นการขยายตัวของธุรกิจประกันชีวิตร้อยละ 13.46 โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 211,342 ล้านบาท และเป็นการขยายตัวของธุรกิจประกันวินาศภัยร้อยละ 11.43 โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวม 89,544 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การที่ธุรกิจประกันภัยสามารถขยายตัวได้ดีอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้เป็นผลจาก. มาตรการเชิงรุกของ สำนักงาน คปภ. ที่มุ่งเน้นการสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบประกันภัยไทย ด้วยการเสริมสร้างความรู้ด้านการประกันภัยให้กับประชาชน ผ่านหน่วยงานเครือข่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชนส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยให้สอดคล้องกับความต้องการและกำลังซื้อของประชาชน การออกกรมธรรม์ประกันภัยระดับฐานรากที่เรียกว่าไมโครอินชัวรันส์ (ประกันภัยราคาถูกสำหรับผู้มีรายได้น้อย) เพื่อให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยสามารถมีหลักประกันความมั่นคงในชีวิต ประกอบกับในเดือนกันยายน 2553 มีการจัดงานสัปดาห์ประกันภัย ส่งผลให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญ และซื้อประกันภัยภายในงานเป็นจำนวนมาก
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า คาดการณ์ว่าใน สิ้นปี 2553 สัดส่วนเบี้ยประกันภัยต่อ GDP จะยังคงอยู่ตามกรอบที่ได้ประมาณการไว้ นั่นคือ ที่ระดับ 4.23 โดยประมาณการเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงปี 2553 ขยายตัวประมาณ 15% คิดเป็นจำนวนเบี้ยประกันภัย 423,158 ล้านบาท ทั้งนี้ได้ประมาณการเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงของธุรกิจประกันชีวิตขยายตัวที่ 16% เป็นเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงประมาณ 299,912 ล้านบาท และธุรกิจประกันวินาศภัยขยายตัวที่ 12% เป็นเบี้ยประกันภัยรับโดยตรงประมาณ 123,246 ล้านบาท
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
02-513-1680
ที่มา: http://www.oic.or.th