ตามที่ได้เกิดอุบัติเหตุรถบัสโดยสาร หมายเลขทะเบียน 30-6682 กรุงเทพมหานคร รับคณะนักท่องเที่ยวชาวจีนจากพัทยาพลิกคว่ำ บนถนนสายอินโดจีน กรุงเทพ-ระยอง บริเวณหน้านิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง ฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ ต.บึง อ.ศรีราชา จนเป็นเหตุให้นักท่องเที่ยวชาวจีนบาดเจ็บ 22 ราย ในขณะที่คนขับได้รับบาดเจ็บสาหัส
นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ได้รับรายงานในเบื้องต้นจากสำนักงาน คปภ. จังหวัดชลบุรี พบว่ารถบัสคันดังกล่าวได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ(พ.ร.บ.)และภาคสมัครใจ (ประเภท 3) กับบริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด โดยมีรายละเอียดความคุ้มครองสำหรับผู้โดยสาร ดังนี้ กรณีเสียชีวิตจะได้รับค่าสินไหมทดแทนรวม 300,000 บาท/คน โดยแบ่งเป็นการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) 200,000 บาท และ จากการประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 3) 100,000 บาท และกรณีบาดเจ็บจะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 50,000 บาท/คนและกรณีต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลจะได้รับค่าชดเชยรายวัน วันละ 200 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 วัน ตามการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ทั้งนี้หากจำนวนเงินดังกล่าวยังไม่พอจ่ายค่ารักษาพยาบาล ผู้บาดเจ็บสามารถเบิกส่วนเกินตามที่จ่ายจริง ได้อีกแต่ไม่เกิน 500,000 บาท/คน ตามสัญญาประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 3)
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้ออกระเบียบกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องจัดให้มีการทำประกันอุบัติเหตุให้กับนักท่องเที่ยว มัคคุเทศก์ และผู้นำเที่ยวในระหว่างเดินทางท่องเที่ยว โดยกำหนดให้มีจำนวนเงินเอาประกันภัยกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านบาทต่อคน และกรณีบาดเจ็บไม่ต่ำกว่าห้าแสนบาทต่อคน ดังนั้นหากผู้ประกอบธุรกิจนำเที่ยวได้ปฏิบัติตามระเบียบดังกล่าว ก็จะได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติมตามสัญญาประกันภัยอุบัติเหตุ ซึ่งขณะนี้สำนักงาน คปภ. อยู่ระหว่างการตรวจสอบการทำประกันภัยดังกล่าว
เลขาธิการ คปภ. กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยนักท่องเที่ยว เนื่องจากปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากประสบอุบัติเหตุจนเป็นเหตุให้บาดเจ็บและเสียชีวิต ถ้ามีการซื้อประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นการประกันภัยอุบัติเหตุหรือการประกันภัยการท่องเที่ยวก็ตาม ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินได้ อย่างไรก็ตาม สำนักงาน คปภ. จะเร่งดำเนินการประสานติดตามความคืบหน้าการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้เป็นไปอย่างถูกต้องและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ต่อไป หากท่านมีข้อสงสัยประการใด สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186
ฝ่ายสื่อสารองค์กร
โทร. 02 5131680
โทรสาร. 02 5131437
ที่มา: http://www.oic.or.th