สำนักงาน คปภ.รุกเมียนมาร์ หวังเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดเป็นฐานต่อยอดความร่วมมือด้านการประกันภัย

ข่าวทั่วไป Wednesday June 19, 2013 13:52 —คปภ.

สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) สมาคมประกันวินาศภัยไทย และบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ได้เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เพื่อหารือความร่วมมือด้านการประกันภัย หวังเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอดเป็นฐานต่อยอดความร่วมมือด้านการประกันภัย

นายสมชาย ปัญญาภรณ์ ผู้ช่วยเลขาธิการ สายประกันภัยภูมิภาค สำนักงาน คปภ.เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2556 คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน คปภ. สมาคมประกันวินาศภัยไทย และบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ได้เดินทางไปศึกษาดูงาน ณ เมืองเมียวดี สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และเข้าพบผู้ว่าราชการเมืองเมียวดี รวมถึงผู้บริหารจาก Myanmar Insurance เพื่อหารือความร่วมมือด้านการประกันภัยระหว่างสองประเทศ โดยในช่วงค่ำได้มีการจัดเสวนา เรื่อง “อุตสาหกรรมประกันภัยกับการขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด” ซึ่งได้รับเกียรติจากนายมงคล สัณฐิติวิฑูร รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก และนายสมศักดิ์ คะวีรัตน์ ประธานหอการค้าจังหวัดตาก เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในครั้งนี้ด้วย นายสมชายกล่าวว่าอำเภอแม่สอด จังหวัดตากมีศักยภาพอย่างมากทั้งในด้านการค้า การลงทุน การผลิตและการส่งออกสินค้า โดยได้รับการพัฒนาด้านระบบสาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีพื้นที่ชายแดนติดกับเมืองเมียวดี ถือเป็นเมืองยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่ส่งเสริมให้การค้าการลงทุนของจังหวัดตากมีอัตราขยายตัวสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในแต่ละปี ดังนั้นการประกันภัย ซึ่งเป็นระบบในการสร้างหลักประกันความมั่นคงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กำลังจะขยายตัวทั้งของประเทศไทยและเมียนมาร์ จะช่วยให้การขับเคลื่อนเขตเศรษฐกิจพิเศษดำเนินไปอย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

ด้านสมาคมประกันวินาศภัยไทย นายไพบูลย์ จิรายุวัฒน์ ประธานคณะกรรมการประกันภัยยานยนต์ กล่าวว่าสถานการณ์ของธุรกิจประกันภัยไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในกลุ่มอาเซียนถือว่าไทยอยู่ระดับแถวหน้าในภูมิภาค โดยเฉพาะการประกันภัยรถยนต์ที่ไทยเป็นอันดับหนึ่งทั้งในแง่ของขนาดของธุรกิจและศักยภาพการให้บริการ โดยเมียนมาร์เป็นตลาดที่ธุรกิจประกันภัยไทยให้ความสนใจ เนื่องจากในอนาคตอันใกล้นี้เมียนมาร์จะมีการพัฒนาประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ถือเป็นโอกาสที่ดีของธุรกิจประกันภัยของไทยที่จะขยายตลาดและการลงทุน โดยเฉพาะด้านการคมนาคม การขนส่ง และการให้คำปรึกษาการจัดการความเสี่ยงให้แก่ นักธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุนในเมียนมาร์ได้

นอกจากนี้ นายประสิทธิ์ คำเกิด รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้พบปะพูดคุยกับเมียนมาร์โดยเฉพาะเมืองเมียวดีที่มีเขตพื้นที่ติดต่อกันกับอำเภอแม่สอด ซึ่งจะมีรถผ่านแดนระหว่างกันและยังสามารถเชื่อมต่อไปยังอีกประเทศหนึ่ง ซึ่งตามความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน บริษัทกลางฯ ในฐานะสำนักงานประกันภัยรถผ่านแดนของไทย (Thai National Bureau of insurance) ได้มีโอกาสหารือเรื่องความร่วมมือด้านการประกันภัยรถผ่านแดนระหว่างไทยกับเมียนมาร์ โดย ในแต่ละเดือนพบว่ามีรถเดินทางเข้า-ออก ณ ด่านอำเภอแม่สอดจำนวนหลายพันคันจึงมีความจำเป็นที่จะต้อง จัดวางระบบการประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับและระบบการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากรถให้มีประสิทธิภาพควบคู่ กันไปเพื่อไม่ให้ต้องเสียเวลาในการทำประกันก่อนเข้าไปยังแต่ละประเทศ ซึ่งการประกันภัยรถผ่านแดนนั้นสามารถทำในประเทศของตนเอง แต่นำรถข้ามไปยังประเทศหนึ่ง และผ่านไปยังอีกประเทศหนึ่งได้ทันทีโดยการใช้ Blue card เป็นเอกสารสำคัญผ่านแดน โดยทางเมียนมาร์เองก็ได้เริ่มมีการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับเรื่องนี้ในอนาคตอันใกล้นี้

ด้าน นางคนึงนิจ สุจิตจร ผู้ช่วยเลขาธิการ สายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย กล่าวว่าสำนักงาน คปภ. มุ่งหวังให้บริษัทประกันภัยของไทยมีบทบาทในการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ โดยเฉพาะบริเวณเขตเชื่อมต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558 พื้นที่เหล่านี้จะเป็นแหล่งการค้าการลงทุนที่มีศักยภาพสูง และประเทศไทยมีผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่พร้อมรองรับความเสี่ยงในทุกช่วงของการค้าและการลงทุน การหารือด้านประกันภัยกับเมียนมาร์ในครั้งนี้จะเป็นพื้นฐานที่ดีสำหรับการสร้างความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนความรู้และทักษะด้านการประกันภัย (Know How) โดยเฉพาะด้านการประกันภัยรถยนต์ของไทยที่มีนวัตกรรมโดดเด่นในเรื่องการประกันภัยรถข้ามแดน การประกันภัยรถภาคบังคับ การจัดทำระบบการรับประกันภัยแบบรายงานข้อมูลทันที (Online Real time) และระบบการจ่ายค่าสินไหมอัตโนมัติ (E-Claim) สำหรับการประกันภัยรถภาคบังคับซึ่งมีการนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) มาใช้อย่างครบวงจร ดังนั้น ในอนาคตหากเมียนมาร์เปิดโอกาสให้บริษัทประกันภัยต่างชาติเข้าไปลงทุนในประเทศได้ และไทยเข้าไปให้ความร่วมมือและสร้าง Know How ให้กับธุรกิจประกันภัยของเมียนมาร์ก็จะเกิดประโยชน์ต่อธุรกิจประกันภัยไทยและต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมต่อไป

ที่มา: http://www.oic.or.th


แท็ก ประกันภัย  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ