คปภ. เผยกรณีรถพ่วง 18 ล้อ ชนที่ อ.นาดี ผู้ประสบภัยได้รับความคุ้มครองจากการทำประกันภัย

ข่าวทั่วไป Friday November 13, 2015 14:52 —คปภ.

ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากเหตุรถพ่วง 18 ล้อ หมายเลขทะเบียน 76-8072 กรุงเทพมหานคร (ส่วนหัว) และส่วนหางหมายเลขทะเบียน 70-6481 ระยอง เสียหลักพุ่งชนรถกระบะ 2 คัน รถเก๋ง 3 คัน รถพ่วง 18 ล้อ 1 คัน และรถจักรยานยนต์ 1 คัน รวม 8 คัน บริเวณทางหลวงหมายเลข 304 กบินทร์บุรี – นครราชสีมา อำเภอนาดี จังหวัดปราจีนบุรี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 7 ราย และได้รับบาดเจ็บ 7 ราย นั้น

เบื้องต้นได้รับรายงานจากสำนักงาน คปภ. จังหวัดนครนายก ว่ารถพ่วง 18 ล้อคันดังกล่าว (ส่วนหัว) มีการทำประกันภัย พ.ร.บ. กับ บมจ. สินมั่นคงประกันภัย และทำประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 1) กับ บมจ. วิริยะประกันภัย ส่วนหางมีการทำประกันภัย พ.ร.บ. และภาคสมัครใจ (ประเภท 3) กับ บมจ. นำสินประกันภัย

ส่วนรถกระบะ 2 คัน ประกอบด้วย

1. รถหมายเลขทะเบียน กค 380 ร้อยเอ็ด มีการทำประกันภัย พ.ร.บ. กับ บมจ. วิริยะประกันภัย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย และเสียชีวิต 4 ราย

2. รถหมายเลขทะเบียน ผพ 1729 ชลบุรี มีการทำประกันภัย พ.ร.บ. และ การประกันภัยรถภาคสมัครใจ (ประเภท 1) กับ บมจ. ไอโออิกรุงเทพประกันภัย

รถเก๋ง 3 คัน ประกอบด้วย

1. รถยนต์หมายเลขทะเบียน ฆผ 1316 กรุงเทพมหานคร ตรวจสอบไม่พบการทำประกันภัย พ.ร.บ. และภาคสมัครใจ มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 รายและเสียชีวิต 2 ราย

2. รถยนต์หมายเลขทะเบียน กว 7840 นครราชสีมา มีการทำประกันภัย พ.ร.บ. กับ บมจ. สินมั่นคงประกันภัย มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย และเสียชีวิต 1 ราย

3. รถยนต์หมายเลขทะเบียน 2กณ 8896 กรุงเทพมหานคร มีการทำประกันภัย พ.ร.บ. และภาคสมัครใจ (ประเภท 1) กับ บมจ. เมืองไทยประกันภัย

สำหรับรถพ่วง 18 ล้อ หมายเลขทะเบียน 70-8657 ระยอง (ส่วนหัว) มีการทำประกันภัย พ.ร.บ. และภาคสมัครใจ (ประเภท 1) กับ บมจ. วิริยะประกันภัย และส่วนหางหมายเลขทะเบียน 70-7800 ระยอง มีการทำประกันภัยรถ พ.ร.บ. กับ บมจ. วิริยะประกันภัย

รถจักรยานยนต์ 1 คัน มีการทำประกันภัย พ.ร.บ. กับ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด

ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังดำเนินการสอบสวนหาสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ ทายาทโดยธรรมของผู้ประสบภัยที่เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บจะได้รับความคุ้มครองเบื้องต้น ดังนี้

1. ทายาทโดยธรรมของผู้เสียชีวิตจะได้รับค่าสินไหมทดแทนจากการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) รายละ 200,000 บาท ยกเว้นผู้ขับขี่จะได้รับค่าปลงศพ จำนวน 35,000 บาท ส่วนรถยนต์คันที่ไม่ได้ทำประกันภัยรถภาคบังคับ มีสิทธิรับค่าเสียหายเบื้องต้น รายละ 35,000 บาท จากเจ้าของรถคันดังกล่าว หากเจ้าของรถไม่จ่าย หรือจ่ายไม่ครบสามารถใช้สิทธิขอรับค่าเสียหายเบื้องต้นจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย

2. ผู้โดยสารที่ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ในรถมีประกันภัย พ.ร.บ. จะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 50,000 บาท ต่อคน และค่าชดเชยรายวัน สำหรับการพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลวันละ 200 บาท รวมกันไม่เกิน 20 วัน ยกเว้นผู้ขับขี่จะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นสำหรับรักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท ส่วนรถยนต์ที่ไม่มีการทำประกันภัยรถภาคบังคับจะได้รับค่าเสียหายเบื้องต้นสำหรับรักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 30,000 บาท ต่อหนึ่งคน

เลขาธิการ คปภ. กล่าวเสริมว่า สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้เสียชีวิต และได้เร่งรัดให้บริษัทประกันภัยการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้กับผู้ประสบภัยและทายาทโดยธรรมของผู้เสียชีวิตโดยเร็วแล้ว ทั้งนี้ จากอุบัติเหตุครั้งนี้พบว่ายังมีรถยนต์ที่ไม่ได้ทำประกันภัย พ.ร.บ. ทำให้เจ้าของรถคันดังกล่าวต้องรับผิดชอบความเสียหายเอง แม้ว่ากองทุนทดแทนผู้ประสบภัยจะได้ใช้ค่าเสียหายเบื้องต้นแทน กองทุนฯ ก็จะดำเนินการเรียกคืนจากเจ้าของรถพร้อมเงินเพิ่มร้อยละ 20 ตามที่กฎหมายกำหนด สำนักงาน คปภ. จึงขอย้ำเตือนเจ้าของรถตรวจสอบวันหมดอายุกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองตลอดเวลา และหากต้องการความคุ้มครองเพิ่มขึ้นสามารถซื้อประกันภัยรถภาคสมัครใจเพิ่มเติมได้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186 หรือเว็บไซต์ www.oic.or.th

ที่มา: http://www.oic.or.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ