“สุทธิพล” นำทีม คปภ. ลงพื้นที่เกิดเหตุไฟไหม้เรือในจังหวัดภูเก็ต เพื่อสำรวจ"ความเสียหาย-สาเหตุเบื้องต้น-ประเภทกรมธรรม์ประกันภัย" ในการกำกับดูแลให้เกิดความเป็นธรรม

ข่าวทั่วไป Saturday August 11, 2018 14:14 —คปภ.

ย้ำเจ้าของเรือ-ผู้ประกอบการเดินเรือ ควรนำระบบประกันภัยบริหารความเสี่ยงเพื่อบรรเทาความเสียหาย ที่เกิดขึ้น

จากกรณีเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2561 เวลา 13.45 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เรือบริษัทนำชัยเฮอริชัน ทะเบียนเรือ 575100579 (ประเภทเรือกลเดินทะเลเฉพาะเขต) โดยเรือลำดังกล่าวเป็นของบริษัทนำชัยขนส่งทางทะเล จำกัด ซึ่งเกิดเหตุเพลิงไหม้ในขณะที่เรือจอดขึ้นคานเพื่อทำการซ่อมบนคานเรือเอเชีย ตั้งอยู่เลขที่ 2/120 ถนนศรีสุทัศน์ ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้เปลวไฟยังได้ลุกลามไหม้เรือที่ขึ้นคานซ่อมในบริเวณข้างเคียงอีก 1 ลำ คือ เรือสคูบาเทค ทะเบียนเรือเลขที่ 470003690 (ประเภทเรือกลเดินทะเลเฉพาะเขต) โดยเรือลำดังกล่าวเป็นของ บริษัท เขาหลักสคูบา แอ๊ดเวนเจอร์ จำกัด

ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2561 ตนพร้อมด้วยผู้บริหารของ สำนักงาน คปภ. ซึ่งประกอบไปด้วย นายชนะพล มหาวงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการสายส่งเสริมและประกันภัยภูมิภาค นางคนึงนิจ สุจิตจร ผู้ช่วยเลขาธิการสายกำกับผลิตภัณฑ์ประกันภัย นายชัยยุทธ มังศรี ผู้ช่วยเลขาธิการสายคุ้มครองสิทธิประโยชน์ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ สำนักงาน คปภ. ภาค 9 (สงขลา) และเจ้าหน้าที่ สำนักงาน คปภ. จังหวัดภูเก็ต ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสถานที่เกิดเหตุและความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมทั้งตรวจสอบว่าเรือที่เกิดเหตุไฟไหม้มีการทำประกันภัยหรือไม่ ถ้ามีเป็นกรมธรรม์ประเภทใดได้รับความเป็นธรรมเรื่องการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนหรือไม่เพื่อกำกับดูแลให้เกิดความเป็นธรรม

โดยเบื้องต้นจากการสำรวจพบว่าเรือ บริษัท นำชัยเฮอริชัน ซึ่งเป็นเรือที่ถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหายทั้งลำ ส่วนเรือสคูบาเทค ที่จอดซ่อมอยู่ใกล้กันได้รับความเสียหายบางส่วน อย่างไรก็ตามขณะนี้อยู่ในระหว่างการสำรวจความเสียหายและสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ที่แท้จริงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา แม้ว่าเรือจะจอดอยู่บนคานซ่อม และไม่ได้รับผู้โดยสารออกทะเลก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ ดังนั้นจึงต้องมีการบริหารความเสี่ยงด้วยระบบประกันภัยให้ดี และควรทำประกันภัยทั้งภาคบังคับ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำตามที่กฎหมายกำหนดและการประกันทรัพย์สินซึ่งเป็นภาคสมัครใจ โดยประเภทเรือโดยสารหรือเรือประเภทอื่นที่ได้รับอนุญาตให้ใช้บรรทุกผู้โดยสาร ซึ่งเป็นการบรรทุกผู้โดยสารตั้งแต่หนึ่งคนขึ้นไปและเรือโดยสารนั้นจะวิ่งในเส้นทางใด ไม่ว่าจะเป็นในคลอง แม่น้ำ ระหว่างแม่น้ำ หรือ ทะเล จะต้องทำประกันภัยผู้โดยสารเรือสำหรับโดยสารภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เนื่องจากกฎกระทรวงคมนาคมฉบับที่ 73 (พ.ศ.2549) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 กำหนดให้เจ้าของเรือหรือผู้ประกอบการเดินเรือสำหรับโดยสารต้องจัดให้มีการประกันภัยคุ้มครองผู้โดยสารที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ทุพพลภาพ หรือได้รับบาดเจ็บจากการโดยสารเรือ โดยจะได้รับความคุ้มครอง ในกรณีเสียชีวิต 100,000 บาท กรณีสูญเสียตาหรือสายตาสองข้าง ได้รับความคุ้มครอง 100,000 บาท กรณีสูญเสียแขนหรือขาหรือสมรรถภาพในการใช้มือหรือเท้าสองข้างได้รับความคุ้มครอง 100,000 บาท กรณีสูญเสียมือหรือสมรรถภาพในการใช้มือหนึ่งข้างและสูญเสียเท้าหรือสมรรถภาพในการใช้เท้าหนึ่งข้าง ได้รับความคุ้มครอง 100,000 บาท กรณีสูญเสียมือหรือเท้าหรือสมรรถภาพในการใช้มือหรือเท้าหนึ่งข้างและสูญเสียตาหรือสายตาหนึ่งข้าง ได้รับความคุ้มครอง 100,000 บาท กรณีทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง (ไม่สามารถทำงานเลี้ยงชีพอย่างหนึ่งอย่างใดได้ตลอดไป) ได้รับความคุ้มครอง 100,000 บาท กรณีสูญเสียตาหรือสายตาหนึ่งข้างได้รับความคุ้มครอง 60,000 บาท กรณีสูญเสียมือหรือเท้าหรือสมรรถภาพในการใช้มือหรือเท้าหนึ่งข้าง ได้รับความคุ้มครอง 60,000 บาท และค่ารักษาพยาบาล ได้รับความคุ้มครองไม่เกิน 15,000 บาท

ทั้งนี้จากการประสานงานและติดตามอย่างใกล้ชิดกับบริษัทประกันภัยและ สำนักงาน คปภ. จังหวัดภูเก็ต พบว่าเรือ บริษัท นำชัยเฮอริชัน ทะเบียนเรือ 575100579 (ประเภทเรือกลเดินทะเลเฉพาะเขต) ได้ทำประกันภัยผู้โดยสารเรือสำหรับโดยสารภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับ บริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 17705/POL/000-266-501 เริ่มความคุ้มครองวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 10 กุมภาพันธ์2561 (โดยกรมธรรม์ขาดต่ออายุเนื่องจากเรือขึ้นคานซ่อมนานหลายเดือน) นอกจากนี้ยังมีการทำประกันภัยตัวเรือไว้กับ บริษัท กรุงไทยพานิชประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 40-17-00001035 เริ่มความคุ้มครอง วันที่ 1 กันยายน 2560 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 1 กันยายน 2561 มูลค่าของเรือ 48,110,000 บาท ทุนประกัน 15,000,000 บาท เจ้าของรับผิดชอบเอง 33,110,000 บาท

สำหรับเรือสคูบาเทค ทะเบียนเรือเลขที่ 470003690 (ประเภทเรือกลเดินทะเลเฉพาะเขต) จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่าได้ทำประกันภัยผู้โดยสารเรือสำหรับโดยสารภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ไว้กับ บริษัท สินทรัพย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 000-PPA417-000-715 เริ่มความคุ้มครองวันที่ 22 สิงหาคม 2560 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 22 สิงหาคม 2561 นอกจากนี้ยังมีการทำประกันภัยตัวเรือไว้กับ บริษัท คิวบีอี ประกันภัย (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น คิง ไวประกันภัย จำกัด (มหาชน) กรมธรรม์เลขที่ 2017-M0012692-MCH เริ่มความคุ้มครองวันที่ 12 ตุลาคม 2560 สิ้นสุดความคุ้มครองวันที่ 11 ตุลาคม 2561 ทุนประกัน 10,000,000 บาท อยู่ระหว่างการตรวจสอบความคุ้มครองและเงื่อนไขกรมธรรม์เนื่องจากไม่ใช่เรือต้นเพลิง

“เหตุการณ์ในครั้งนี้ผมได้สั่งการให้ สำนักงาน คปภ. ภาค 9 และสำนักงาน คปภ.จังหวัดภูเก็ต ติดตามและประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกด้านการประกันภัย ตลอดจนประสานงานเบื้องต้นกับบริษัทผู้รับประกันภัยเกี่ยวกับความคุ้มครองตามกรมธรรม์ประกันภัยให้เป็นไปตามเงื่อนไขกรมธรรม์ที่ทำไว้ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวแม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ก็มีความเสียหายด้านทรัพย์สินเพราะอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นจะเห็นว่าผู้ประสบภัยที่มีการทำประกันภัยจะได้รับความคุ้มครองจากการทำประกันภัย จึงขอฝากเตือนประชาชนให้ความสำคัญและหันมาทำประกันภัยกันให้มากขึ้น เพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยง เพราะหากเกิดความเสียหายจากเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น ระบบประกันภัยจะช่วยเหลือบรรเทาความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ในส่วนของผู้ประกอบการเดินเรือโดยสารหรือผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการสาธารณะก็จะต้องทำประกันภัยตามที่กฎหมายกำหนดและหมั่นตรวจสอบวันหมดอายุกรมธรรม์ด้วยเพื่อต่ออายุกรมธรรม์ให้ประชาชนได้รับความคุ้มครองจากระบบประกันภัยตลอดเวลา หากมีข้อสงสัยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186” เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย

ที่มา: http://www.oic.or.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ