นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เปิดเผยว่า ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 บริษัทประกันชีวิตทั้ง 25 บริษัท ได้วางทรัพย์สินสำหรับเป็นเงินสำรองประกันภัยตามกรมธรรม์ประกันชีวิต ซึ่งยังมีผลผูกพันไว้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เป็นจำนวนทั้งสิ้น 151,599.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 15.63 ซึ่งมีรายละเอียดทรัพย์สินดังนี้
1. พันธบัตรรัฐบาลไทย จำนวน 108,388.83 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 71.49 ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้
2. พันธบัตรและหุ้นกู้ของรัฐวิสาหกิจ จำนวน 37,738.25 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 24.89 ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้
3. ตั๋วแลกเงินและตั๋วสัญญาใช้เงิน จำนวน 2,899.98 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.91 ของ ทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้
4. สมุดเงินฝาก หนังสือยืนยันการรับเงินฝาก และใบรับฝากเงิน จำนวน 1,289.85 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.85 ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้
5. หุ้นกู้บริษัทจำกัด จำนวน 1,282.42 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 0.85 ของทรัพย์สินเงินสำรองที่วางไว้
บริษัทประกันชีวิตจะต้องจัดสรรเบี้ยประกันภัยไว้เป็นเงินสำรองประกันภัยเพื่อจ่ายคืนให้แก่ผู้เอาประกันชีวิตหรือผู้รับประโยชน์ในอนาคตตามสัญญาที่ได้ทำไว้กับลูกค้า เช่น เมื่อครบกำหนดสัญญา เมื่อเสียชีวิตหรือเมื่อเวนคืนกรมธรรม์ ฯลฯ กฎหมายกำหนดให้บริษัทจะต้องนำเงินสำรองประกันภัยมาวางไว้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยเป็นมูลค่าไม่เกินร้อยละยี่สิบห้าของเงินสำรอง ประกันภัยทั้งสิ้น
เงินสำรองประกันภัยที่บริษัทประกันชีวิตได้วางไว้กับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยนี้เพื่อเป็นหลักประกันความมั่นคงสำหรับผู้ทำประกันภัยกับบริษัทประกันชีวิต ดังนั้นสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยจึงกำหนดให้บริษัทจะต้องนำทรัพย์สินที่มีความมั่นคงสูงเท่านั้นที่วางกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัยได้
ที่มา: http://www.oic.or.th