ฮังการีปรับโครงสร้างภาษี ลดปัญหาการขาดดุล แต่หยุดยั้งการเติบโต

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 9, 2010 13:45 —กรมส่งเสริมการส่งออก

จากการประเมินสถานการณ์ของบริษัทวิจัยเศรษฐกิจ GKI กับธนาคาร Erste ชี้ให้เห็นถึง การปรับโครงสร้างภาษีในปี 2554 ส่งผลให้รัฐบาลสามารถลดการขาดดุลได้ต่ำกว่าร้อยละ 3 ของ GDP แม้จะส่งผลเสียต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจทั้งระยะสั้น และระยะยาว ในปี 2554 ค่า GDP คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น ร้อยละ 2.5 แต่การบริโภคจะเพิ่มขึ้นมากที่สุดเพียงร้อยละ 1 เท่านั้น ในขณะที่การออมทรัพย์เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่สาบานตนเข้ารับตำแหน่งของรัฐบาลชุดใหม่ มีการพิจารณาเรียกเก็บภาษี และค่าธรรมเนียมต่างๆ เพิ่มขึ้นมากมาย องค์กรทางการเงิน พลังงานและการสื่อสาร และธุรกิจค้าปลีก ต่างต้องเสียภาษีในอัตราเพิ่มขึ้นเป็นระยะเวลา 3 ปี และภายใน 14 เดือนข้างหน้ารัฐบาลจะดึงเงินสะสมเบี้ยบำนาญ จากลูกจ้างจำนวน 28 ล้านคน ที่ได้ทำไว้กับหน่วยงานเอกชนกลับสู่ภาครัฐ เงื่อนไขการลดหย่อนภาษีจะทำได้ค่อนข้างจำกัด ในเวลาเดียวกัน การนำเสนอระบบภาษีแบบอัตราเดียวเพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์แก่ครอบครัวที่มีบุตรนั้น ทางรัฐบาลมีเป้าหมายที่จะปรับรายได้ของครัวเรือน ด้วยการคิดอัตราภาษีส่วนบุคคลตามจำนวนสมาชิกในครอบครัว ผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ในเงื่อนไขนี้มีประมาณ 1 ล้านคน ประกอบด้วยครอบครัวที่มีบุตร ลูกจ้างที่มีรายได้สูงอย่างถูกต้องตามกฏหมาย 500,000 คน โดยเฉพาะ 50,000 คนที่มีรายได้มากกว่า 500,000 โฟรินท์ต่อเดือน

รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเก็บภาษี และการตัดทอนค่าใช้จ่ายของรัฐบาล ทำให้ภาวะการขาดดุลลดลงต่ำกว่าร้อยละ 3 ของ GDP อย่างไรก็ตาม หากทางคณะกรรมการบริหารแห่งสหภาพยุโรป ยกเลิกกฏหมายบางอย่าง เป้าหมายการดำเนินการลดการขาดดุลของรัฐบาลฮังการี อาจอยู่ในภาวะที่อันตราย สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่น่าเป็นห่วง ตลาดภายนอกยังอยู่ในภาวะที่สมดุล เพราะการบริโภคภายในประเทศ มีปริมาณที่เพิ่มขึ้นเพียงระดับปานกลางเท่านั้น และเงินจากกองทุนสหภาพยุโรปที่มีจำนวนมาก คาดว่าปลายปี 2554 หนี้ต่างประเทศจะลดลงที่ 46 พันล้านยูโร จาก 52 พันล้านยูโรในปี 2552

ในด้านการลงทุน ดูจะมีความเป็นไปได้เฉพาะโครงการพัฒนาการผลิตเพื่อส่งออกของบริษัทข้ามชาติเท่านั้น SME ยังอยู่ในภาวะที่ขาดสินเชื่อ การปรับระบบภาษีเงินได้ส่วนบุคคล เอื้อประโยชน์ต่อบุคคลที่มีรายได้สูง ซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มปริมาณการบริโภคเพียงเล็กน้อย ส่วนใหญ่เก็บในรูปของเงินออม

แนวโน้มที่ลดลงของภาวะเงินเฟ้อจะเป็นไปอย่างเชื่องช้า เพราะราคาของพลังงาน และระบบสาธารณูปโภค ยังถูกควบคุมตั้งแต่ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งผู้บริหารระดับท้องถิ่น จึงทำให้ภาวะเงินเฟ้อไม่ถูกกดดันให้สูงขึ้น

นักลงทุนต่างชาติต่างจับตามองแผนงบประมาณปี 2554 เช่นเดียวกับแผนดำเนินการควบคุมภาวะการขาดดุลให้กลับสู่แนวทางตามเงื่อนไขของสหภาพยุโรป ซึ่งแสดงถึงความรับผิดชอบของรัฐบาลในการรักษาสถานการณ์ทางการเงิน สร้างความเชื่อมั่นแก่ระบบเศรษฐกิจ และค่าเงินโฟรินท์ที่มีแนวโน้มว่าจะกลับมาแข็งตัวอีกครั้งอย่างค่อยเป็นค่อยไป เช่นเดียวกับช่วงครึ่งแรกของปี 2553 อัตราแลกเปลี่ยนเงินโฟรินท์เทียบกับยูโรจะอยู่ที่ประมาณ 270 โฟรินท์ แม้ว่าอัตราแลกเปลี่ยนอย่างเป็นทางการของธนาคารแห่งชาติจะลดลงเพียงเล็กน้อย ประมาณร้อยละ 5 เท่านั้น

ในปี 2554 ภาคอุตสาหกรรมจะมีอัตราการเติบโตสูงที่สุด ตลาดภายนอกประเทศมีอัตราการเติบโตที่ช้าลง และความต้องการภายในประเทศจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปีเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม จากการถดถอยของหลายปีที่ผ่านมา คาดว่าทางด้านก่อสร้าง และการค้า จะมีการขยับตัวสูงขึ้นเช่นกัน

ที่มา: www.gki.hu (Current forecast November 2, 2010)

สคร. ณ กรุงบูดาเปสต์

ที่มา: http://www.depthai.go.th


แท็ก GDP  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ