สถานการณ์ดอกกล้วยไม้และไม้ตัดดอกในประเทศสรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday December 2, 2010 10:51 —กรมส่งเสริมการส่งออก

สถานการณ์ทั่วไป

ประชากรของประเทศยูเออีทั้งสิ้นประมาณ 5.2 ล้านคน ภูมิอากาศร้อนแบบทะเลทรายและอากาศร้อนเกือบทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ย 20-45 องศาเซลเซียส ดอกไม้สดนิยมใช้ประดับตกแต่งในโรงแรม สำนักงาน ใช้เป็นของขวัญอวยพร ซึ่งนิยมจัดเป็นช่อ นิยมใช้ดอกกุหลาบ ดอกลิลลี่ และดอกเบญจมาศ เป็นต้น

ดอกกล้วยไม้ที่พบเห็นทั่วไป คือ พันธุ์ Dendrobium สีแดง ม่วง และสีขาว ส่วนใหญ่ใช้ประกอบตกแต่งกับดอกไม้อื่นๆ ขณะนี้ดอกกล้วยไม้ไทยต้องแข่งขันกับกล้วยไม้จากเคนย่า อัฟริกาใต้ ที่ส่งออกกล้วยไม้หลากพันธ์ โดยเฉพาะ Green cymbidium และมีความทนทานกับอากาศร้อนได้ดี ที่ได้รับความนิยมมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นอกจากนั้นเป็นกล้วยไม้จาก สิงคโปร์ มาเลเซีย และนิวซีแลนด์

นอกจากนี้ยังต้องแข่งกับไม้ตัดดอกประเภทอื่นๆ โดยเฉพาะดอกเบญจมาศจากเนเธอร์แลนด์ไต้หวัน มาเลเซีย เกาหลีใต้ ไต้หวัน และจีน ดอกกุหลาบและลิลลี่จากอินเดีย เนเธอร์แลนด์ เคนย่า เป็นต้น

กล้วยไม้ Phalaenopsis orchids ทั้งต้นสำหรับใช้ตกแต่ง ส่วนใหญ่นำเข้าจากไต้หวันนั้นเป็นสินค้ายอดนิยมอเช่นกัน

ราคาจำหน่ายดอกกล้วยไม้พันธุ์ Dendrobium สีแดงม่วง สีม่วงขาว และสีขาว

จำหน่ายปลีกประมาณก้านละ 60.00-90.00 บาทขึ้นไป

เนื่องจากราคาดอกไม้สดมีราคาแพงและมีอายุการใช้งานสั้น ผู้คนทั่วไปไม่นิยมซื้อใช้สำหรับประดับตกแต่งบ้านเรือนมากนัก

สถิติการนำเข้าของดูไบ

ยูเออีจัดเก็บสถิติการนำเข้าไม้ตัดดอกภายใต้ HS-CODE: 0603 ไม่แยกเก็บสถิติตามชนิดของดอกไม้ มีมูลการนำเข้าในช่วง ปี 2007-2009 พอสรุปได้ดังนี้

ปี 2007 นำเข้ามูลค่า 20.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

ปี 2008 นำเข้ามูลค่า 23.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้น 17%

ปี 2009 นำเข้าลดลงเหลือ 19.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือลดลง 18.3%

โดยนำเข้าจากประเทศ เนเธอร์แลนด์ (26%) เคนย่า (22%) อินเดีย (9%) ไทย (8%) เอธิโอเปีย และมาเลเซีย (6%) อัฟริกาใต้ (4%) โคลัมเบีย เอกวาดอร์และนิวซีแลนด์ (3%)

ชนิดของดอกไม้

จากการสำรวจตลาดพบว่าดอกไม้ที่ดูไบนำเข้ามากทั้งปี คือ กุหลาบ เบญจมาศ กล้วยไม้ คาร์เนเชั่น เยอบีร่า และแกลดิโอลัส เป็นต้น

การปลูกในประเทศ

เมืองอัลเอน (Al Ain) ของรัฐอาบูดาบี เป็นเมืองกสิกรรมปลูกผัก ผลไม้ สำหรับใช้ในประเทศ รวมทั้งส่งออก รวมทั้งปลูกกุหลาบสำหรับส่งออก ปี 2009 ยูเออีส่งออกดอกไม้สดมูลค่าประมาณ 1 แสนเหรียญสหรัฐฯ ไปประเทศกลุ่ม GCC ไซปรัส และกลุ่มประเทศซีไอเอส เป็นต้น

ช่องทางการนำเข้าสู่ตลาด

  • ผู้นำเข้า ร้อยละ 50
  • ผู้ค้าปลีก ร้อยละ 40
  • อื่นๆ ร้อยละ 10

ภาษีและเอกสารประกอบการนำเข้า

ภาษีนำเข้าจากราคา CIF ร้อยละ 5 ไม่มีภาษีมูลค่าเพิ่ม เอกสารประกอบการนำเข้า ได้แก่ Invoice, Certificate of Origin ประทับตรารับรองจากหอการค้าไทยและ Legalize จากสถานทูตสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในประเทศไทย Bill of Lading, Packing List และ Health Certificate หากเป็นสินค้าพืชผักผลไม้สด ดอกไม้สด ต้องมี Phytosanitary

Certificate Dubai Flower Centre

รัฐบาลดูไบจัดตั้ง Dubai Flower centre ขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางจำหน่ายและกระจายดอกไม้สดที่นำเข้าทั่วโลก โดยจัดสร้างโกดังเก็บดอกไม้ รวมทั้งระบบขนส่งดอกไม้ที่ทันสมัยสามารถรักษาคุณภาพดอกไม้ได้ดีแต่ไม่ประสบความสำเร็จตรงตามวัตถุประสงค์

ปัจจุบันใช้เป็นจุดรับส่งสินค้าเน่าเสียง่าย เช่น ผักสด ผลไม้สด ดอกไม้สด ไอสครีม และอาหารสดแช่แข็ง เป็นต้น มีโกดังห้องเย็น ห้องแช่แข็งสำหรับเก็บสินค้าก่อนนำส่งออกต่อ (Re-export) ในบริเวณเดียวกันมีบริษัทนำเข้าดอกไม้สดของดูไบและต่างประเทศเช่าพื้นที่เพื่อเก็บดอกไม้สดที่นำเข้าเพื่อสำหรับขายส่งให้ลูกค้าในประเทศหรือส่งออกต่อไปประเทศใกล้เคียง อีกทั้งมีแผนกจัดดอกไม้ในแจกัน สำหรับลูกค้าที่สั่งประจำ เช่น โรงแรม สายการบิน และบริษัท เป็นต้น รายละเอียดเพิ่มเติมโปรดศึกษาได้จาก www.dubaiflowercentre.com

สรุป แนวโน้ม และลู่ทางการขยายตลาด

1. ยูเออีเป็นตลาดที่มีการแข่งขันในด้านราคาสูง อายุการใช้งานดอกไม้ค่อนข้างสั้น เพราะอากาศร้อนจัดไม่นิยมซื้อใช้สำหรับประดับตกแต่งในบ้านเรือนมากนัก แต่อย่างไรก็ตามดอกไม้สด สำหรับใช้ตกแต่งอาคารสำนักงานและที่อยู่อาศัยก็ยังความต้องการในยูเออี โดยเฉพาะการใช้ประดับตกแต่งโรงแรมที่มีการเปิดให้บริการจำนวนเพิ่มมากขนึ้

2. ดอกไม้มีรูปทรงและสีสันที่หลากหลาย ที่สามารถนำไปใช้จัดเป็นช่อให้มีรูปแบบแปลกตาทันสมัยการใช้งานในแจกันนาน ถือเป็นดอกไม้ที่ตีตลาดมีความต้องการ

3. ขณะนี้ดูไบนำเข้าไม้ตัดดอกจากประเทศกลุ่มอาฟริกา เช่น เคนยา เอธิโอเปีย อัฟริกาใต้ ที่มีนักลงทนุจากประเทศเนเธอร์แลนด์เพาะปลูกไม้ดอกเมืองหนาวหลายชนิด สามารถผลิตใช้ในประเทศเหล่านี้ได้ตลอดทั้งปี เช่น กุหลาบ เบญจมาศ เยอบีร่า ลิลลี่กล้วยไม้ และแกลดิโอลัส เป็นต้น อีกทั้งปลูกไม้ผลผลิตที่มี คุณภาพดีเนื่องจากพื้นที่เพาะปลูกมีภูมิอากาศเหมาะสม พื้นที่สูงที่มีอากาศค่อนข้างเย็น และสามารถลดต้นทุนการผลิตได้มาก ทำให้สินค้าสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้มากขึ้น

4. ตลาดดอกไม้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจเช่น เดียวกัน บริษัทผู้นำเข้าไม้ตัดดอกรายสำคัญในดูไบหลายรายกล่าวว่า ตั้งแต่ต้น ปี 2009 เป็นต้นมาจำนวนการส่งจัดดอกไม้สำหรับใช้ในโรงแรมลดลงกว่า 70% บางรายเคยได้รับคำสั่งซื้อดอกไม้จัดแจกันวันละ 1,000 แจกัน แต่ขณะนี้ลดลงเหลือน้อยกว่า 300 แจกันต่อวัน คาดว่าสถานการณ์จะกระเตื้องขึ้นใขช่วงปลายปี

5. กล้วยไม้เป็นไม้ดอกเศรษฐกิจที่สร้างรายได้เข้าประเทศหลายพันล้านบาท และด้วยศักยภาพของประเทศไทย และความต้องการของตลาดโลก ยังสามารถที่จะเพิ่มปริมาณมูลค่าการส่งออกได้อีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นผู้ผลิตกล้วยไม้หรือไม้ตัดดอกเพื่อการส่งออก ควรเน้นการผลิตให้มีคุณภาพและมาตรฐานสูงดอกไม้จะต้องมีช่อดอกยาว ดอกสะอาด สีสันสดใส แข็งแรง อายุการใช้งานทนทาน ไม่มีตำหนิ ปลอดภัยจากสารเคมี ปลอดจากศัตรูพืช อีกทั้งการวางแผนการผลิตให้ตรงความต้องการของตลาด เพื่อให้สามารถขยายและรักษาตลาดให้ได้อย่างต่อเนื่อง และควรมีการพัฒนาให้มีสายพันธุ์ใหม่ๆ เพื่อสร้างความต้องการในกลุ่มผู้บริโภค

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองดูไบ

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ