จดหมายจากเมืองแขก —ระหว่างทางไปพุทธคยา

ข่าวเศรษฐกิจ Monday January 31, 2011 11:53 —กรมส่งเสริมการส่งออก

อินเดียทุกวันนี้หาวัดพุทธได้ยากเย็น ศาสนาพุทธได้สูญสิ้นไปจากอินเดียนานมากแล้ว เนื่องมาจากสาเหตุสำคัญ ๒ ประการคือ ภัยจากสงครามโดยการรุกรานของของเผ่าโมกุลที่เข้ามาอินเดียพร้อมกับศาสนาที่ต่างออกไป และมุ่งทำลายศาสนาที่ต่างกันเช่นศาสนาพุทธจนสูญสิ้น และสาเหตุที่สอง เนื่องมาจากศาสนาพุทธเองได้ถูกฮินดูกลืนสนิท ทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ ในด้านที่ตั้งใจก็เพราะพราหมณ์ชื่อสังฆราจารย์ได้นำเอาคำสอนของศาสนาพุทธไปเย็บเล่มรวมกับคำสอนของพราหมณ์และตั้งลัทธิใหม่เรียกว่า “ฮินดู”แล้วโมเมว่าพระพุทธเจ้าเป็นอวตารปางหนึ่งของพระนารายณ์แบบเนียนๆ สำหรับเหตุผลที่สองเกิดจากศาสนาพุทธในอินเดียเองได้กลายเป็นมหายานไปหมดแล้ว ผู้คนก็เลยแยกไม่ออกว่าพุทธหรือพราหมณ์ สุดท้ายพระพุทธเจ้าก็กลายเป็นปางหนึ่งของพระนารายณ์ไปจริงๆ วัดวาต่างๆ ก็ถูกพราหมณ์เข้ายึด พระพุทธรูปก็ถูกย้ายออกไปไว้ตามโคนต้นไม้ นักโบราณคดีก็ไปตามเก็บไว้ในพิพิทธภัณฑ์จนเต็มไปหมด

แต่ในแท้ที่จริง ศาสนาพุทธก็ยังซึมซับอยู่ในวัฒนธรรมอินเดียอยู่มากทีเดียว คนอินเดียกว่า ๗๐% เป็นมังสวิรัติ ซึ่งก็รับมาจากความเชื่อของพุทธมหายานนั่นเอง จากเดิมที่พราหมณ์นิยมการบูชายัญก็กลายมาเป็นไม่นิยมฆ่าสัตว์ จากเดิมไม่มีนักบวชก็กลายเป็นมีนักบวชเหมือนศาสนาพุทธ แต่ข้อแตกต่างกันก็คือการนั่งสมาธิจะไม่สอนให้คนทั่วไป ด้วยเชื่อว่านั่นเป็นวิธีสื่อสารกับเทพเจ้า จะไม่สอนให้กับคนบางวรรณะเป็นอันขาด ขณะที่ศาสนาพุทธเปิดกว้างให้กับทุกคน เนื่องจากเห็นว่าการทำสมาธิเป็นหนทางให้เข้าถึงแสงสว่างแห่งปัญญาภายในตนเอง ไม่ได้เกี่ยวกับการสื่อสารกับใคร ไม่ต้องสื่อสารกับใครเพื่ออ้อนวอนขออะไรจากเทพเจ้า

แอนนิตาบอกพี่ว่ามีวัดพุทธของศรีลังกาอยู่ที่สถานีรถไฟ Egmore ของเจนไน เมื่อวานนี้พี่ก็เลยไปสำรวจเสียหน่อย อันที่จริงจะเรียกว่าวัดก็ไม่ถูกต้องนัก เนื่องจากวัดนี้เป็นตึก ๔ ชั้น โดยวัตถุประสงค์ของวัดนี้เพื่อใช้เป็นที่พักแรมของชาวศรีลังกาที่จะเดินทางไปยังพุทธคยา โดยชาวศรีลังกานิยมนั่งเครื่องบินมาลงที่เจนไนแล้วต่อรถไฟไปพุทธคยา โดยใช้เวลานั่งรถไฟอีก ๔๘ ชั่วโมง

บังเอิญเจ้าอาวาสอยู่พอดี เลยได้โอกาสสนทนาธรรมด้วย หลวงพ่อบอกว่าความจริงชาวศรีลังกาจะเดินทางโดยตรงด้วยเครื่องบินไปลงที่กัลกัตตาที่ใกล้กว่าก็ย่อมทำได้ แต่คนศรีลังกาก็ยังนิยมมาต่อรถไฟที่เจนไนมากกว่าเพราะได้บรรยากาศของการแสวงบุญดี อีกประการหนึ่งจะได้มาบำรุงวัดด้วย เพื่อว่าหากมีคนอินเดียสนใจที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับศาสนาพุทธ พระท่านจะได้เทศน์โปรดญาติโยมชาวอินเดียได้ ฮึ่ม.. เหตุผลน่าสนใจทีเดียว

บรรยากาศในวัดน่าจะเรียกว่าหอพักมากกว่า เพราะเต็มไปด้วยเตียงนอนในทุกๆ พื้นที่ของวัด โดยเฉพาะช่วงปลายปีและต้นปีซึ่งเป็นช่วงไหว้พระที่พุทธคยาจะมีคนมาพักที่วัดมากเป็นพิเศษ

ลองสอบถามความเห็นหลวงพ่อเกี่ยวกับการกินเจ หลวงพ่อยิ้ม ก่อนที่จะตอบว่า “อาตมารู้จักคนดัง ๒ คนที่เป็นนักกินเจตัวยง นั่นคือ ฮิตเลอร์ และพระเทวทัต” หลวงพ่อเห็นพี่ชะงักไป เลยพูดต่อไปว่า “หลวงพ่อพุทธทาสเคยกล่าวว่า การกินเจหรือไม่กินเจไม่ใช่ประเด็น ประเด็นอยู่ที่ว่ากินแล้วติดใจรสอร่อยหรือไม่ ถ้ากินเนื้อแล้วติดในรสอร่อยก็เป็นยักษ์เป็นมาร ถ้ากินเจแล้วติดในรสก็เป็นลิงเป็นค่าง” โอโห หลวงพ่อรู้จักท่านพุทธทาสด้วย หลวงพ่อพาไปดูคอลเล็กชั่นของท่าน ปรากฎว่าท่านมีหนังสือของเกจิอาจารย์ดังๆ ของไทยหลายท่าน เช่น หลวงปู่ชา และท่าน ป. ปยุตโต ฯลฯ ท่านบอกว่าไทยกับศรีลังกามีความสัมพันธ์กันในระดับพิเศษเพราะไทยรับศาสนาพุทธลังกาวงศ์จากศรีลังกา ส่วนศรีลังกาก็รับพุทธสายสยามวงศ์จากไทยเรา

มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อน่าสนใจทีเดียว ชื่อ “พระภัททากัจจานาเถรี” เป็นภิกษุณี นามเดิมของท่านคือ นางยโสธรา หรือพิมพานั่นเอง ท่านเป็นภิกษุณีที่บรรลุอรหันต์เช่นกัน ผู้หญิงเราก็บรรลุอรหันต์ได้เหมือนกัน เพิ่งรู้นะเนี่ย ในอดีตชาติท่านก็เคยเป็นคู่ครองกับพระพุทธองค์มาแล้วหลายชาติ เช่น ในชาติที่พระพุทธองค์เกิดเป็นพระเวสันดร พระนางก็เป็นพระนางมัทรี ความรักนี้ช่างน่าอัศจรรย์มีอำนาจข้ามภพข้ามชาติได้ขนาดนี้เชียวฤๅ ก่อนกลับหลวงพ่อชวนให้อยู่สวดมนต์ทำวัตรเย็นด้วยกัน ปรากฎว่าบทสวดเหมือนกับของไทยเปี๊ยบเลย เพี่ยงแต่จะหวะกระโดกกระเดกไปหน่อยแต่ก็สนุกดี

ช่วงนี้พี่เข้าวัดบ่อย สงสัยต้องลองบวชชีดูบ้างเสียแล้ว

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ