รายงานภาวะเศรษฐกิจและการค้าของกรีซประจำเดือนมกราคม ๒๕๕๔

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday February 1, 2011 16:41 —กรมส่งเสริมการส่งออก

๑. ภาวะเงินเฟ้อ ในเดือนธันวาคม ๒๕๕๓ กรีซมีอัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงขึ้นถึง ๕.๒% จากเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๓ ที่เท่ากับ ๔.๘% และ ดือนตุลาคม ๒๕๕๓ ที่เท่ากับ ๕.๒% และเดือนกันยายน ๒๕๕๓ ที่เท่ากับ ๕.๗% โดยสินค้าที่มีราคาเพิ่มสูงขึ้นได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม (๑.๙%) สุราและยาสูบ (๑๘.๙%) เสื้อผ้าและรองเท้า (๒.๓%) บ้าน และที่อยู่อาศัย (๗.๕%) สินค้าคงทน (๒.๑%) การขนส่ง (๑๕.๑%) และโรงแรม/ร้านอาหาร/บาร์ (๒.๙%)

ทั้งนี้ในเดือนธันวาคม ๒๕๕๓ กลุ่มประเทศสหภาพยุโรป ๒๗ ประเทศมีอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๓ ที่เท่ากับ ๒.๓% เป็น ๒.๖% โดยมีประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำที่สุดได้แก่ สโลวาเกีย (๑.๓%)เนเธอร์แลนด์ (๑.๘%) และเยอรมัน (๑.๙%) และประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อสูงที่สุดได้แก่ โรมาเนีย (๗.๙%) เอโสโทเนีย (๕.๔%) และกรีซ (๕.๒%)

๒. การจำหน่ายปลีก สมาพันธ์การค้าแห่งชาติกรีซ (The National Confederation of Hellenic Commerce-ESEE) ได้รายงานว่าในปี ๒๕๕๓ การบริโภคที่แท้จริง (ยอดจ่าหน่าย) ของกรีซได้ลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยยอดจำหน่ายลดลงในสินค้าสำคัญๆ ได้แก่ เสื้อผ้าและรองเท้า (-๕๒%) น้ำมันเชื้อเพลิง (-๒๘%) ผลิตภัณฑ์ยา และเครื่องสำอางค์ (-๒๗%) เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า (-๑๕%) สุราและยาสูบ (-๑๔%) และอาหาร (-๑๑%)

ผลจากการบริโภคที่ลดลงดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการมากกว่า ๔๐,๐๐๐ รายต้องปิดกิจการ และต้องเลิกจ้างคนงานจำนวนมาก ทั้งนี้ในช่วงไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๓ การจ้างแรงงานลดลง ๖.๒% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน (ลดลง ๕๒,๐๐๐ ราย) ท่าให้มียอดการจ้างแรงงานอยู่ที่ ๗๘๕,๕๐๐ ราย และเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น ๘๐๑,๑๐๐รายในไตรมาสที่สอง และลดลงเป็น ๘๐๐,๒๐๐ รายในไตรมาสที่สาม

ทั้งนี้สมาพันธ์ฯ กล่าวว่าผลจากมาตรการเข้มงวดด้านงบประมาณของรัฐบาล ได้แก่ การเพิ่มการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) การลดเงินเดือนและบำนาญข้าราชการลง ๒๐% การขาดสภาพคล่อง การว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น และผลจากการลดลง อย่างมากของกำลังซื้อภาคครัวเรือนส่งผลกระทบอย่างสำคัญต่อภาวะการค้าของกรีซ รวมทั้งการคาดเดาว่ารัฐบาลจะเพิ่มความเข้มงวดด้านงบประมาณในปี ๒๕๕๔ นี้ก็จะท่าให้การริเริ่มลงทุนต่างๆ ต้องหยุดชะงักลงด้วย

อย่างไรก็ดี รัฐมนตรีกระทรวงการคลังได้กล่าวว่า โปรแกรมความเข้มงวด้านการเงินปี ๒๕๕๓ จะยังคงมีอยู่ต่อไปอีก ๓ ปีข้างหน้า โดยจะเน้นด้านการลดค่าใช้จ่ายภาครัฐ ขยายฐานการเก็บเงินรายได้ด้านภาษีและตัดการหลบเลี่ยงภาษี ทั้งนี้รัฐบาลจะไม่เพิ่มภาษีทั้งหมดหรือภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) แต่จะเพิ่มรายได้ของรัฐให้สูงขึ้นด้วยการเก็บจากภาษีที่หลบเลี่ยงและตัดรายจ่ายเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงภาระของผู้มีรายได้และผู้ได้รับบำนาญ

๓. สมาพันธ์ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ (The Federation of Car Importers and Dealers - SEAA) เปิดเผยว่า ตลาดรถยนต์ในกรีซได้หดตัวลงจนเกือบเท่าระดับตลอดเมื่อ ๒๐ ปีก่อน (ปี ๒๕๓๓) โดยในช่วงไตรมาสที่ ๒ ของปี ๒๕๕๓ ยอดขายรถยนต์ลดลงถึง ๖๒.๖% เมื่อเทียบกับยอดขายเฉลี่ยในระยะ ๖ ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากวิกฤตเศรษฐกิจและทำให้ตั้งแต่ต้นปี ๒๕๕๒ มีคนตกงานแล้ว ๑๕,๐๐๐ คน (๑๗% ของก่าลังแรงงาน) พร้อมทั้งได้ร้องขอรัฐบาลออกมาตรการเพื่อช่วยเหลือในการกระตุ้นตลาด

ในปี ๒๕๕๓ กรีซมีจำนวนรถยนต์ใหม่ที่จดทะเบียนทั้งสิ้น ๑๘๓,๘๗๗ คัน ลดลงจากปีก่อนหน้า ๓๕.๑% และมีรถมอเตอร์ไซด์ที่จดทะเบียนใหม่จำนวน ๖๑,๗๖๓ คัน (๑๕.๕%) ทั้งนี้ยอดการจดทะเบียนรถทั้งหมด (รวมทั้งรถยนต์ รถบัสและรถบรรทุก) ในเดือนธันวาคม ๒๕๕๓ ลดลง ๕๗.๙%

๔. สำนักงานสถิติแห่งเฮเลนิคได้รายงานว่า ในเดือนธันวาคม ๒๕๕๓ ราคาวัตถุดิบในการก่อสร้างเพิ่มสูงขึ้น ๓.๖% โดยแยกเป็นน้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น ๔๑.๘% ท่อเหล็กเพิ่มขึ้น ๒๔.๑% ท่อพลาสติกเพิ่มขึ้น ๑๒.๘% และอิฐ เพิ่มขึ้น ๓.๓%

๕. ความเชื่อมั่นผู้บริโภค สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม (LOVE) ได้รายงานว่าในเดือนธันวาคม ๒๕๕๓ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคอยู่ที่ ๖๕.๖% ลดลงจากเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ ๖๗.๓% และกำลังส่งผลให้ภาคการผลิตเลวร้ายขึ้น ทั้งๆ ที่ภาคบริการและภาคการค้าปลีกกระเตื้องขึ้น ความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ลดน้อยลงสืบเนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศที่ยังย่ำแย่ และสภาพการเงินฝืดเคือง สะท้อนภาพอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนกำลังลงได้ชัดเจน

๖. การว่างงาน สำนักงานสถิติแห่งเฮเลนนิค (The Hellenic Statistical Authority-ELSTAT) ได้รายงานผลสำรวจว่า อัตราการว่างงานในเดือนตุลาคม ๒๕๕๓ เพิ่มสูงขึ้นเป็น ๑๓.๕% (เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนซึ่งเท่ากับ ๙.๘% และเดือนกันยายน ๒๕๕๓ ที่เท่ากับ ๑๒.๖%) นับว่าสูงสุดในช่วง ๖ ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้มีจำนวนคนที่ได้รับการจ้างงาน ๔,๓๖๙,๕๔๓ คน จำนวนคนว่างงานระยะสั้น ๖๘๔,๐๔๗ คน และ จำนวนคนว่างงานระยะยาว ๔,๒๖๓,๗๕๑ คน โดยจำนวนคนว่างงานเป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และแรงงานคนหนุ่มสาวอายุระหว่าง ๑๕ - ๒๔ ปี จะได้รับผลกระทบมากที่สุด และคาดว่าในปี ๒๕๕๔ ภาวะการว่างงานจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นกว่า ๑๕% โดยมีจำนวนคนว่างงานถึง ๑.๑๕ ล้านคน ทั้งนี้ในการแก้ไขปัญหาการว่างงานดังกล่าวรัฐบาล ต้องกำหนดแผนมาตรการเร่งด่วน เช่น เพิ่มการลงทุนทั้งภาครัฐและภาคเอกชน และการออกมาตรการเพื่อสร้างความมั่นใจในการรับสินเชื่อจากธนาคารให้แก่นักธุรกิจที่ต้องการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อประกอบธุรกิจเป็นต้น

๗. ในการต่อสู้กับปัญหาการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น องค์กรการจ้างงานแห่งกรีซ (Greece Manpower Employment Organization - OAED) ภายใต้กระทรวงแรงงานและประกันสังคมได้จัดทำโครงการให้เงินช่วยเหลือด้านการประกันสังคมจำนวน ๑๗ โครงการ งบประมาณ ๒.๕ ล้านยูโรเพื่อให้เกิดการจ้างงานมากกว่า ๑๐๐,๐๐๐ ตำแหน่ง (งานประจำ ๕๒,๔๒๕ ตำแหน่ง และงานตามฤดูกาล ๕๑,๕๑๔ ตำแหน่ง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการโดยมีผู้ประกอบการที่ต้องการเข้าร่วมโครงการยื่นใบสมัครแล้ว ๑๑๑,๘๗๓ ราย และมีจำนวนตำแหน่งงานที่จะได้รับเงินช่วยเหลือทั้งสิ้น ๒๔๗,๐๐๐ ต่าแหน่ง ทั้งนี้คาดว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถช่วยลดอัตราการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในปีนี้ได้

๘. กระทรวงการคลังกรีซได้รายงานว่า งบประมาณรายได้ในเดือนธันวาคม ๒๕๕๓ เพิ่มขึ้น ๑๐.๖% ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการนิรโทษกรรมหลบเลี่ยงภาษีของรัฐบาล และทั้งปี ๒๕๕๓ จะมีการจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้น ๕.๔% (ต่ากว่าอัตราการเจริญเติบโตเป้าหมายที่ตั้งไว้ ๖%) คิดเป็นจำนวน ๕๑.๑ พันล้านยูโร (ต่ำกว่าเป้าหมาย ๒๘๐ ล้านยูโร) ทั้งนี้รัฐบาลกำลังจะเสนอกฎหมายเพื่อต่อสู้การหลบเลี่ยงภาษีเข้าที่ประชุมครม . พิจารณาโดยมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้

  • การดำเนินกระบวนการตามกฎหมายสำหรับผู้ไม่เสียภาษี VAT โดยทันที
  • จัดตั้งหน่วยงานอนุญาโตตุลาการด้านภาษีเพื่อพิจารณาวิธีการแก้ปัญหาด้านภาษีทันที
  • จัดตั้งอัยการคดีการเงินที่กระทรวงการคลังเพื่อดูแลปัญหาคดีการเงินที่ร้ายแรง
  • มีบทลงโทษที่เข้มงวดสำหรับผู้ตรวจสอบภาษี
  • ลดอัตราภาษีสำหรับเงินได้ที่ไม่กระจายจาก ๒๔% เป็น ๒๐%
  • เสนอแผนการจ่ายเงินในการชำระภาษี VAT

กระทรวงยังวางแผนในการจัดตั้งการ์ดภาษีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความโปร่งใสให้แก่บัญชีทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างผู้บริโภคและบริษัทผู้ประกอบการ

๙. การจัดเก็บภาษีรายได้พิเศษจากบริษัทที่มีรายได้สุทธิหรือกำไรสุทธิมากกว่า ๑๐๐.๐๐๐ ยูโร ในปี ๒๕๕๓ ซึ่งมีบริษัทที่มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ทั้งหมด ๒๑.๐๑๐ แต่มีเพียง ๑๖,๙๒๒ บริษัทที่จ่ายภาษีนี้ ทั้งนี้บริษัทสามารถจ่ายเงินภาษีพิเศษนี้เป็นงวดๆ ในระยะเวลา ๑๒ เดือนได้ (ไม่เกิน ๑,๐๐๐ ยูโรต่อเดือน)ทั้งนี้ในปี ๒๕๕๓ มีบริษัทที่รายงานผลกำไรสุทธิซึ่งอยู่ระหว่าง ๑๐๐,๐๐๐ - ๓๐๐,๐๐๐ ยูโรจำนวน ๑๑,๙๐๔ บริษัทที่รายงานผลกำไรสุทธิระหว่าง ๓๐๐,๐๐๐ - ๑ ล้านยูโรจำนวน ๓,๕๗๑ บริษัท และบริษัทที่รายงานผลกำไรสุทธิระหว่าง ๑ - ๕ ล้านยูโรจำนวน ๓๐๑ บริษัท

๑๐. การลงทุน

  • ห้าง LIDL ผู้จำหน่ายปลีกแบบลดราคารายใหญ่ของเยอรมันซึ่งได้เข้ามาลงทุนในกรีซตั้งแต่ปี ๒๕๕๑ ได้ประกาศแผนการที่จะลงทุนในการเปิดสาขาใหม่และปรับปรุงสาขาเดิม โดยมีจำนวนสาขาเป้าหมายคือ ๒๒๐ แห่งภายในสิ้นปี ๒๕๕๔ (ปัจจุบันมีอยู่แล้ว ๒๐๖ สาขา) โดยมีวงเงินลงทุน ๑๐๐ ล้านยูโร (๑๒ ล้านยูโร) จะใช้ในการปรับปรุงสาขาที่มีอยู่แล้ว ๓๕ แห่งเพื่อลดการบริโภคพลังงาน
  • ธนาคาร Marfin Popular Bank (MPB) ได้เปิดเผยว่า สนใจและอยู่ระหว่างการประเมินที่จะลงทุนในแหล่งพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่วงเงิน ๖๒๐ ล้านยูโร ทั้งนี้ MPB เป็นธนาคารแห่งแรกและแห่งเดียวในกรีซและไซปรัสที่ให้ใบรับรอง Co2 Certificate โดยผ่านหน่วยงานการตลาดด้านทรัพย์สินและทุน
  • กระทรวงพัฒนาการพลังงานและภูมิภาค (Ministry of Energy and Reginal Development) ได้ตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือทางการเงินสำหรับการลงทุนด้านพลังงานที่มีมูลค่ามากกว่า ๑ พันล้านยูโรของโครงการลงทุนภาครัฐ ได้แก่ โครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคของ Public Power Corperation (PPC) และโครงการบริหารจัดการวางระบบก๊าซธรรมชาติ (ซึ่งรวมทั้งการขยายกำลังไฟฟ้า การขนส่งก๊าซธรรมชาติ และเครือข่ายการจัดจ่าหน่าย)

๑๑. ดุลการค้า ณ เดือนตุลาคม ๒๕๕๓ กรีซขาดดุลการค้าจำนวน ๒,๒๑๖.๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนซึ่งขาดดุล ๒,๗๔๐ ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือลดลง ๒๓% ในช่วง ๑๐ เดือน (มค.-ตค.) ของปี ๒๕๕๓ กรีซขาดดุลการค้าจำนวน ๒๕,๖๓๖.๖๑ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนซึ่งขาดดุลจำนวน ๒๓,๔๑๙.๙๙ ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้น ๘.๖๔%

การนำเข้า ณ เดือนตุลาคม ๒๕๕๓ กรีซนำเข้ามูลค่า ๔,๔๒๗ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนซึ่งนำเข้ามูลค่า ๔,๙๕๗ ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือลดลง ๑๑.๙๗%

ในช่วง ๑๐ เดือน (มค.-ตค.) ของปี ๒๕๕๓ กรีซนำเข้ามูลค่า ๔๒,๓๔๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน ๑๔.๓%

การส่งออก ณ เดือนตุลาคม ๒๕๕๓ กรีซส่งออกมูลค่า ๒,๒๑๐.๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนซึ่งส่งออกมูลค่า ๑,๘๖๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้น ๑๕.๖%

ในช่วง ๑๐ เดือน (มค.-ตค.) ของปี ๒๕๕๓ กรีซส่งออกมูลค่า ๑๖,๗๐๘.๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ๐.๙%

๑๒. รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย นาย Yiannis Ragousis ได้เปิดเผยว่า กระทรวงกำลังจะออกร่างกฎหมายใหม่เพื่อตัดความล่าช้าและลดขั้นตอนของระบบราชการโดยใช้ e-governance และบัตรประชาชน การเปิดอภิปรายร่างกฎหมายจะมีขึ้นในอีก ๕ วันและจะมีการโหวตในรัฐสภาในเดือนมีนาคม ทั้งนี้การทำ e-governance จะบังคับใช้กับภาคบริการของรัฐทั้งหมด เพื่อลดระยะเวลาและค่าใช้จ่ายลง (คาดว่าค่าใช้จ่ายจะลดลง -๒๕%) ในส่วนของบัตรประชาชนจะมีข้อมูลเบอร์บัตร หมายเลขภาษี หมายเลขประกันสังคม และหมายเลขของตำรวจ ซึ่งจะได้รับการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเต็มที่

๑๓. ตัวชี้วัดเศรษฐกิจกรีซ ณ วันที่ ๑๙ มกราคม ๒๕๕๔

๑๔. นาย Pavlos Geroulanos รัฐมนตรีด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวได้เปิดเผยว่า ตัวชี้วัดในเดือนแรกของปี ๒๕๕๔ ทางด้านการท่องเที่ยวมีผลเป็นบวก ซึ่งคาดว่าเป็นผลจากการลดภาษีมูลค่าเพิ่มให้แก่โรงแรมที่พัก โดยเห็นว่าเป็นมาตรการที่ส่งผลด้านบวกและเป็นจุดเริ่มต้นที่แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจกรีซเริ่มดีขึ้นมาจากรายได้การท่องเที่ยว โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีนักท่องเที่ยวจากอังกฤษและเยอรมันไปกรีซมากขึ้น ทั้งนี้นาย Pavlos ได้ขอให้สำนักงานในต่างประเทศของกรีซ (GNTO) เก็บรวบรวมข้อมูลสถิติและมุมมองด้านการตลาดท่องเที่ยวจากประเทศเป้าหมายเพื่อนำไปจัดทำแคมเปญการท่องเที่ยวอย่างมีระบบ และเน้นว่าจะใช้อินเตอร์เน็ตเป็นเครื่องมือหลักในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยว ส่วนแผนงานของกระทรวงในสามปีข้างหน้าจะมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวทั่วกรีซแบบตลอดทั้งปี

โดยเน้นที่ตลาดเดิมของกรีซคือ เยอรมันและอังกฤษ ส่วนตลาดเป้าหมายอื่น เช่น สหรัฐอเมริกาและจีน จะด่าเนินการผ่านการยกระดับและร่างกฎหมายพัฒนาแบบใหม่

๑๕. สมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวกรีซ (the Association of Greek Tourism Enterprises - SETE) ได้เสนอแนวทางใหม่เพื่อสร้างความสำเร็จด้านการท่องเที่ยวภายในทศวรรษหน้า โดยจะใช้อินเตอร์เน็ตเข้ามาแทนที่เครื่องมือการส่งเสริมการขายที่มีราคาแพงและไม่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเสนอให้สร้างความทันสมัยให้แก่โครงสร้างภายในประเทศทั้งทะเล ที่ดิน และโครงสร้างพื้นฐานทางอากาศ โดยทำปพร้อมๆ กับพัฒนาสิ่งอ่านวยความสะดวกที่พักและวัฒนธรรม รวมถึงการสร้างพันธมิตรกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวในประเทศหลัก โดยมีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด มีการจัดตารางสายการบินเที่ยวบินตรงไปยังจุดหมายปลายทางในกรีซ โดยคาดหวังว่าภายในปี ๒๕๖๓ การท่องเที่ยวกรีซ ควรที่จะ

  • เชื่อมต่อแนวคิดและคุณค่าของวัฒนธรรมกรีกกับความต้องการที่ทันสมัยด้วยความคาดหวังและความคิดในเรื่องสังคมยุคโลกาภิวัฒน์ โดยเน้นสถานที่ท่องเที่ยวกรีซให้อยู่ระดับแนวหน้าของการท่องเที่ยวยุคใหม่
  • ปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพของชาวกรีกด้วยการสร้างงานและสร้างรายได้
  • ให้ข้อมูลและปกป้องนักท่องเที่ยวในขณะที่ให้ความมั่นใจกับทุกคนว่าจะได้รับวันหยุดที่มีคุณภาพ
  • สร้างความคิดริเริ่มในการป้องกันและจัดการสภาพแวดล้อม รวมถึงเตรียมความพร้อมในการับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มีคุณภาพทั่วประเทศเพื่อนำไปสู่ความสมดุลย์ในการพัฒนาระดับภูมิภาค
  • ยกระดับสถานะของผู้ประกอบการในสังคมในขณะเดียวกันให้ความมั่นใจในความอยู่รอดและผลกำไรของผู้ประกอบการด้วย
  • เพิ่มศักดิ์ศรีในการทำงานให้แก่งานด้านการท่องเที่ยวและสร้างเหตุผลที่นำความภูมิใจให้แก่บุคลากรในอุตสาหกรรม
  • พัฒนาความร่วมมือกับภาคส่วนอื่นๆ และสาขาด้านเศรษฐกิจที่ทำให้เกิดการสร้างและกระจายผลประโยชน์ไปยังทุกภูมิภาคของกรีซและเข้าสู่ประชาชนให้มากขึ้น
  • สร้างความสามารถในการแข่งขันของกรีซผ่านสินค้าด้านการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ คุ้มค่าและ "สร้างประสบการณ์แบบกรีซ" ในระดับโลก

๑๖. การค้าไทย-กรีซ

๑๖.๑ ในปี ๒๕๕๓ ไทยส่งออกสินค้ามากรีซทั้งสิ้นมูลค่า ๒๐๒ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากปีที่แล้ว ซึ่งส่งออกมูลค่า ๒๑๗.๑ ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น -๖.๙๔%

สินค้าส่งออกสำคัญ ๕ อันดับแรกได้แก่ รถยนต์อุปกรณ์และส่วนประกอบมูลค่า ๖๒.๙ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+๗.๔๘%) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบมูลค่า ๒๒.๔ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (-๓.๙๙%) รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบมูลค่า ๑๕.๓ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+๒๖.๒๘%) ตู้เย็น ตู้แช่แข็งและส่วนประกอบมูลค่า ๑๑.๙ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (-๘.๑๔%) และเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบมูลค่า ๑๐.๘ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (-๙.๒๙%)

สินค้าที่มีการส่งออกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ เม็ดพลาสติก (-๕๑.๖๗%) ตาข่ายจับปลา (-๒๘.๓๓) ไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ (-๔๒.๘๖%) และผลิตภัณฑ์พลาสติก (-๒๗.๙๑%) สินค้าที่การส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญได้แก่ เหล็กและผลิตภัณฑ์ (๑๔๑.๗๘%) ผลไม้กระป๋องและ แปรรูป (๔๓.๗๗%) ทองแดงและของทำด้วยทองแดง (๑,๑๙๓%) ของเล่น (๑๑.๑๕%) อาหารสัตว์เลี้ยง (๒๕๕.๑๕%)

๑๖.๒ ในปี ๒๕๕๓ ไทยนำเข้าสินค้าจากกรีซทั้งสิ้นมูลค่า ๓๗.๑ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ซึ่งนำเข้ามูลค่า ๒๓.๔ ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น +๕๘.๒๒%

สินค้านำเข้าสำคัญ ๕ อันดับแรกได้แก่ ผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผักผลไม้ มูลค่า ๑๖.๙ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+๑๖๓.๙๙%) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบมูลค่า ๗.๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+๙๓.๗%) สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ มูลค่า ๒.๙ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+๒๒๒.๘๒%) เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ มูลค่า ๑.๘ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+๒๖๖๑.๙๖%) และด้ายและเส้นใยมูลค่า ๑.๗ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+๓๑,๐๐๙%)

๑๗. แนวโน้มเศรษฐกิจและการค้าปี ๒๕๕๔ วิกฤติเศรษฐกิจที่ปรากฎเด่นชัดในปี ๒๕๕๒ ของกรีซ แสดงให้เห็นตั้งแต่สามไตรมาสแรกของปี และเลวร้ายมากกว่าที่คาดการณ์ไว้จากการหดตัวถึง ๒% ของ GDP ทำให้ทิศทางของ GDP ในปี ๒๕๕๓ ประสบปัญหารุนแรงตั้งแต่ต้นปี ประกอบกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจอยู่ในช่วงขาลง เช่น การดำเนินธุรกิจอยู่ในภาวะถดถอย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลง ตลาดการเงินตลอดถึงการดำเนินนโยบายจำกัดงบประมาณ อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าเศรษฐกิจกรีซเริ่มจะฟื้นตัวได้ประมาณช่วงไตรมาสที่ ๓ ของปี ๒๕๕๔ นี้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการส่งออกของสินค้าเคมีภัณฑ์ เหล็ก การขนส่งทางเรือ และการท่องเที่ยว กิจกรรมการลงทุนของภาครัฐในปี ๒๕๕๔ มีแนวโน้มดี แต่การลงทุนของธุรกิจในกรีซยังพบอุปสรรคจากความต้องการภายในประเทศและสภาวะการเงินอยู่อุตสาหกรรมก่อสร้างซึ่งย่ำแย่ตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ ยังคงชะลอตัวในปี ๒๕๕๔ ทั้งนี้ อุปสงค์ภายในประเทศที่ยังไม่กระเตื้องจะทำให้การนำเข้าลดน้อยลง และอาจส่งผลให้ตัวเลขการส่งออกเพิ่มขึ้นได้เพียงเล็กน้อย

การว่างงาน อัตราการว่างงานในปี ๒๕๕๔ จะเพิ่มขึ้นเกือบ ๓% เนื่องจากความต้องการแรงงานในธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีก และก่อสร้างลดลง ภาคเอกชนไม่มีนโยบายจ้างงานเพิ่ม ส่วนภาครัฐก็ตัดค่าใช้จ่ายการจ้างงานระยะสั้น

นโยบายการคลัง รัฐบาลกรีซวางแผนจะลดช่องว่างงบประมาณประมาณ ๕ พันล้านยูโร ในปี ๒๕๕๔ โดยการลดทอนค่าใช้จ่ายเช่น ค่าจ้างพนักงานรัฐ โดยเฉพาะพนักงานในบริษัทขนส่งมวลชนซึ่งได้เงินเดือนค่อนข้างดี การลดเงินเดือนพนักงานรัฐสามารถประหยัดไปได้ ๘๐๐ ล้านยูโร และไม่ทำให้คนตกงาน ตัดงบประมาณด้านสาธารณสุข โดยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขของกรีซนาย Andreas Loverdos กล่าวว่ากรีซเป็นประเทศที่ใช้จ่ายเรื่องการจัดสวัสดิการสาธารณสุขให้กับประชาชน และเรื่องการรักษาพยาบาลส่วนบุคคลติดอันดับ ๖ ของโลก คิดเป็นมูลค่าประมาณ ๒๕ พันล้านยูโรรือปี หากสามารถรัดเข็มขัด เช่นผู้บริหารโรงพยาบาลคนหนึ่งสามารถรับผิดชอบบริหารได้หลายโรงพยาบาล มีการแลกเปลี่ยนทรัพยากรด้านบุคคลระหว่างกัน จะสามารถประหยัดงบประมาณได้ประมาณ ๑.๓ พันล้านยูโร นอกจากนี้ยังมีนโยบายเพิ่มภาษี (VAT) การขาย (จากเดิมเรียกเก็บ ๑๑% เป็น ๑๓%) ส่วนภาษีจากองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรจะลดภาษีลงจาก ๒๔% เป็น ๒๐% และลดภาษีมูลค่าเพิ่มในภาคการท่องเที่ยวที่สำคัญจาก ๑๑% เป็น ๖.๕%

ทั้งนี้รัฐบาลกรีซตั้งเป้าจะทำให้การขาดดุลลดลงเหลือ ๗.๔% ของ GDP หรือมูลค่า ๑๗ พันล้านยูโร (จาก ๙.๔% ของ GDP ในปี ๒๕๕๓) โดยนายกรัฐมนตรีกรีซ George Papandreou กล่าวว่า การจะลดช่องว่างลงไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากรายได้ของรัฐเติบโตช้า และหลังจากที่สหภาพยุโรปเพิ่มตัวเลขประมาณการขาดดุลในปี ๒๕๕๒ ที่ ๑๕.๔% ซึ่งนับว่าสูงมากที่สุดของประวัติศาสตร์เงินสกุลยูโร กรีซปรับการคาดการณ์การขาดดุลดังกล่าวเพื่อขอรับความช่วยเหลือให้ได้ตามเป้าจากสหภาพยุโรป

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโรม

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ