ผลสำรวจการบริโภคของประชาชนในเมืองต่าง ๆ ของจีน

ผลสำรวจการบริโภคของประชาชนในเมืองต่าง ๆ ของจีน พบใช้จ่ายเรื่องอาหาร ที่พักอาศัย เสื้อผ้า มากที่สุด 3 อันดับแรก

จากการสำรวจการบริโภคของประชาชนใน 4 เมืองหลัก และ 13 เมืองรองของจีน โดยนิตยสาร China Xiaokang ร่วมกับ Tsinghua Media Survey Lab ของมหาวิทยาลัยชิงหัว พบว่า ในปี 2553 ประชาชนจีนใช้จ่ายกับเรื่องอาหารการกินมากที่สุด ร้อยละ 77.9 รองลงมาเป็นการใช้จ่ายเกี่ยวกับที่พักอาศัย (ซื้อหรือเช่าพี่พัก) เสื้อผ้า สินค้าอิเล็คทรอนิคส์ (เช่น คอมพิวเตอร์ กล้องถ่ายรูป กล้องวิดีโอมือถือ) และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน (เช่น โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ เครื่องซักผ้า)

ผลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับราคาค่าครองชีพในปี 2553 พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ร้อยละ 65.2 เห็นว่าค่าครองชีพค่อนข้างสูง ร้อยละ 29.4 เห็นว่าสูงมากเกินไป ส่วนความคิดเห็นเกี่ยวกับราคาค่าที่พักอาศัยปี 2553 ประชาชนร้อยละ 51 เห็นว่าสูงมากเกินไป ร้อยละ 45.6 เห็นว่าค่อนข้างสูงและร้อยละ 3.4 เห็นว่าราคาเป็นปกติ โดยการที่ราคาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลกระทบทั้งการบริโภคประจำวันของประชาชนที่อาจจะต้องประหยัดมากขึ้น การขยายตัวของอุปสงค์ภายในประเทศ และผลในทางปฏิบัติของนโยบายกระตุ้นการบริโภค แต่อย่างไรก็ดี ผลการสำรวจของธนาคารประชาชนจีนในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2553 พบว่า แม้ราคาคาดการณ์ของอสังหาริมทรัพย์จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก การออมและการใช้จ่ายของประชาชนจะลดลงเล็กน้อย แต่ไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงในความต้องการอสังหาริมทรัพย์ที่ชัดเจนนัก และความต้องการในการลงทุนเพิ่มสูงขึ้น

สำหรับการออมและการลงทุน พบว่า ประชาชนร้อยละ 50.5 จะเพิ่มการลงทุน ร้อยละ 33.8 จะเพิ่มการออม มีเพียงร้อยละ 15.7 ที่จะเพิ่มการบริโภค ซึ่งประชาชนมีความคิดเห็นว่าปัจจัยสำคัญต่อไปนี้จะช่วยกระตุ้นการบริโภคได้ คือ การเพิ่มระดับรายได้หรือเงินเดือน การรักษาเสถียรภาพค่าครองชีพและราคาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงการสร้างระบบประกันสังคมให้สมบูรณ์แบบ

ทั้งนี้ พบว่าประชาชนยังคงมีความกังวลในเรื่องการศึกษา (เข้าเรียนยาก เนื่องจากรับจำนวนจำกัด เช่น ในระดับมหาวิทยาลัย) การรักษาพยาบาล (ค่ารักษาพยาบาลแพง) และการใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลาย (ใช้ชีวิตในช่วงบั้นปลายอย่างยากลำบาก) ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่ากังวลอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีรายได้จำกัด

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครเฉิงตู

ที่มา: เว็บไซต์ China Daily (www.chinadaily.com.cn)

ที่มา: http://www.depthai.go.th