สรุปภาวะตลาดสินค้าอาหารไทยในเยอรมนีเดือนกุมภาพันธ์ 2554

ข่าวเศรษฐกิจ Monday February 28, 2011 15:09 —กรมส่งเสริมการส่งออก

อุตสาหกรรมอาหารในประเทศ

ในขณะที่ประเทศอื่นๆ ในยุโรปยังคงมีปัญหามากบ้าง น้อยบ้างในเรื่องเศรษฐกิจการเงินการขาดเงินงบประมาณ หรือมีหนี้สาธารณะสูง แต่สำหรับเยอรมนีอาจกล่าวได้ว่า ผ่านพ้นวิกฤติมาได้ด้วยดี โดยในปี 2553 ที่ผ่านมาเศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 และคาดว่าตลอดปี 2554 นี้ยังจะขยายตัวเพิ่มขึ้นได้อีกร้อยละ 2 — 2.5 ทั้งนี้เนื่องจากมีการปรับอัตราค่าจ้างแรงงานสูงขึ้นโดยเฉลี่ยประมาณร้อยละ 2 — 2.5 และในปี 2554 ยังจะมีการเจรจาปรับค่าจ้างเงินเดือนเพิ่มขึ้นในอีกหลายแขนงอุตสาหกรรม โดยคาดว่าจะได้รับเพิ่มประมาณร้อยละ 2 — 4 จะทำให้คนงานมีรายได้สูงขึ้น มีเงินจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้น ส่งผลให้เศรษฐกิจของเยอรมนีจะมั่นคงมากยิ่งขึ้นไปอีก โดยในช่วง 11 เดือนแรกปี 2553 มียอดการจำหน่ายสินค้าอาหารเป็นมูลค่ารวม 108,015 ล้านยูโร หรือเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านี้ร้อยละ 2.5

ตามที่ได้มีการตรวจพบว่ามีสารไดออกซินปนเปื้อนในอาหารสัตว์เลี้ยง (สัตว์ปีก หมูและวัว) ในอัตราระหว่างร้อยละ 2 — 10 เมื่อช่วงปลายปี 2553 ที่ผ่านมา โดยผู้ผลิตอาหารสัตว์รายหนึ่งได้ตรวจพบความไม่ถูกต้องนี้ในระหว่างการตรวจสอบคุณภาพสินค้าตามปกติและได้แจ้งให้หน่วยงานของทางการทราบตามระเบียบที่กำหนดไว้ มีผลทำให้ในช่วงเวลาต่อมาฟาร์มสัตว์เลี้ยงนับพันแห่งทั่วเยอรมนีถูกสั่งปิดกิจการชั่วคราว เพื่อรอผลการตรวจสอบความถูกต้องของอาหารสัตว์ที่ผลิตแล้ว นั้น ณ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2554 ยังคงมีอีก 65 ฟาร์มที่ยังคงถูกปิดกิจการอยู่ เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกทางกระทรวงโภชนาการ เกษตรและการคุ้มครองผู้บริโภค ได้ออกมาตรการเพิ่มเติมให้รัดกุมมากยิ่งขึ้น เช่น ให้ห้องแลบ บริษัทต่างๆ ที่ตรวจสอบสินค้าต้องแจ้งให้ทางการทันทีเมื่อพบความไม่ถูกต้องต่างๆ เหล่านี้ กำหนดให้โรงงานที่แปรรูปไขมันจากน้ำมันเครื่อง ผลิตสินค้าเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมอาหารหรืออุตสาหกรรมที่ไม่ใช่อาหารอย่างใดอย่างหนึ่ง จะผลิตทั้งสองประเภทในโรงงานเดียวกันไม่ได้อีกต่อไป การปรับปรุงระบบแจ้งเตือนภัยให้รัดกุมมีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น เป็นต้น

สินค้าส่งออกของไทย

ภาวะเศรษฐกิจของเยอรมนียังคงมีแนวโน้มไปในทางที่ดี ในปี 2553 ที่ผ่านมาผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีผลกำไรสูง จึงยินยอมเพิ่มค่าจ้างเงิน เดือนให้พนักงานของกิจการกันมากขึ้นส่งผลให้มีการจับจ่ายซื้อสินค้ากันมากขึ้น แทนการเก็บออมไว้ในธนาคาร เนื่องจากปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารค่อนข้างต่ำ นอกจากนี้ร้านค้าต่างๆ ยังคงใช้นโยบายลดราคาสินค้าเพื่อจูงใจให้มีการซื้อมากขึ้น ยกเว้นสินค้าอาหารที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เพราะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นหลังจากที่ได้แข่งขันลดราคากันมากแล้วในปี 2553 ที่ผ่านมา นอกเหนือจากผักและผลไม้ที่ตามฤดูกาลในช่วงหน้าหนาวมีราคาสูงกว่าอยู่แล้ว สินค้าประเภทนมเนยและผลิตภัณฑ์เริ่มมีการปรับเพิ่มสูงขึ้น และจากการที่ราคาของน้ำมันเชื้อเพลิงสูงขึ้นและมีแนวโน้มสูงยิ่งขึ้นไปอีกตามเหตุการณ์ที่ไม่สงบในปัจจุบันในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เหล่านี้จะทำให้ราคาโดยรวมของอาหารสูงขึ้นในช่วงต่อๆ ไป อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนแรกปี 2554 นี้ ไทยยังคงสามารถส่งออกสินค้าอาหารไปเยอรมนีมากขึ้น โดยเฉพาะผลไม้กระป๋อง

สำหรับผักสดที่ถูกตรวจเข้ม เช่น ผักชี กะเพรา โหระพา หรือมะเขือ ยังคงมีวางจำหน่ายในร้านค้าอาหารเอเชีย แต่มีสินค้าน้อยลงและไม่สม่ำเสมอ อย่างไรก็ตาม สินค้าชนิดเดียวกันจากแหล่งอื่นๆ เช่น เวียดนาม อิสราเอล หรืออิตาลี และเนเธอร์แลนด์ เริ่มมีวางขายในร้านค้าของชำ ซุปเปอร์มาร์เก็ตเยอรมันมากขึ้น แต่ยังมีราคาที่สูงกว่าสินค้าจากไทย อาทิ ผักชีจากอิสราเอลเฉลี่ยกิโลกรัมละ 35 ยูโร สาระแหน่หรือโหระพาจากเนเธอร์แลนด์ที่บรรจุในกระถางเล็กๆ เสนอขายกระถางละประมาณ 2 ยูโร เป็นต้น หากไม่สามารถแก้ไขปัญหาการปนเปื้อน มีสารเคมีอันตราย ยาฆ่าแมลงตกค้าง ตลอดจนเพลี้ยหรือแมลงมีชีวิตอื่นๆ ในผักผลไม้สดของไทย อาจจะทำให้สินค้าไทยถูกห้ามนำเข้าได้ในที่สุด ซึ่งนอกจากจะทำให้มูลค่าการส่งออกสินค้าอาหารของไทยลดลงแล้ว ยังจะเกิดปัญหากับร้านอาหารไทยอีกด้วยเนื่องจากขาดเครื่องปรุงในการทำอาหารไทย

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงเบอร์ลิน

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ