สถานการณ์การค้าของไทย-อิตาลี
มูลค่าการค้ารวม
เดือนกุมภาพันธ์ 2554 ไทยมีมูลค่าการค้ารวม 281 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.8 เทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ 2553) โดยได้ดุลการค้า 17.3 ล้านเหรียญสหรัฐ
ระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2554 ไทยมีมูลค่าการค้ารวม 621.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.8 เทียบกับเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2553) โดยได้ดุลการค้า 31.7 ล้านเหรียญสหรัฐ การส่งออกของไทยไปยังอิตาลี
เดือนกุมภาพันธ์ 2554 ไทยส่งออกมายังตลาดอิตาลีคิดเป็นมูลค่า 149.2 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อย ละ 15.8 เทียบกับเดือนมกราคม 2554 โดยปกติจะพบว่า แพทเทริ์นการส่งออกสินค้าของไทยมีลักษณะแนวโน้มคล้าย ๆ กันในแต่ละปี โดยเดือนที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุดคือ เดือนพฤษภาคมและจะค่อย ๆ ลดลงในช่วงเดือนมิถุนายนเป็นต้นไปและจะกลับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงเดือนกันยายนและลดลงในช่วงพฤศจิกายนและเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมอีกครั้ง
สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย 5 อันดับแรกในเดือนกุมภาพันธ์ เช่น ยางพารา (สัดส่วน 12.6%) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (สัดส่วน 11.1%) ปลาหมึกสดแช่เย็น แช่แข็ง (สัดส่วน 6.9%) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (สัดส่วน 6.1%) และอัญมณีและเครื่องประดับ (สัดส่วน 4.2%) เป็นต้น
โดยสินค้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนมกราคม ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์และ ส่วนประกอบ (+105.8%) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (+92.8%) ปลาหมึกสดแข่เย็น แช่แข็ง (+45.3%) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (+42.9%) และเม็ดพลาสติก (+33.6%) เป็นต้น ส่วนสินค้าที่มีการขยายตัวลดลง ได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ (-85.5%) อาหารสัตว์เลี้ยง (-63.2%) รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ (-38.3%) รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-15.5%) และผลิตภัณฑ์ยาง (-12.8%) เป็นต้น
ระหว่างเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2554 ไทยส่งออกมายังตลาดอิตาลีคิดเป็นมูลค่า 326.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2553
สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย 5 อันดับแรก เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ (สัดส่วน 15.1%) ยางพารา(สัดส่วน 11.2%) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (สัดส่วน 8.6%) ปลาหมึกสดแช่เย็น แช่แข็ง (สัดส่วน 5.3%) และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (สัดส่วน 4.2%) เป็นต้น
โดยสินค้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนมกราคม ได้แก่ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ (+155.4%) ยางพารา (+85.6%) สิ่งทออื่น ๆ (+66.9%) เม็ดพลาสติก (+66.9%) และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (+65.0%) เป็นต้น ส่วนสินค้าที่มีการขยายตัวลดลง ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-37.5%) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (-29.4%) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-32.1%) เครื่องนุ่งห่ม (-28.8%) และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (-16.7%) เป็นต้น
การนำเข้าของไทยจากอิตาลี
เดือนกุมภาพันธ์ 2554 ไทยนำเข้าจากอิตาลีคิดเป็นมูลค่า 131.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงร้อยละ19 เทียบกับเดือนมกราคม 2554 ซึ่งไทยมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น 16.3 ล้านเหรียญสหรัฐเทียบกับการนำเข้าเดือนกุมภาพันธ์ 2553 โดยปกติจะพบว่าไทยนำเข้าสินค้าจากอิตาลีมีลักษณะแนวโน้มคล้าย ๆ กันในแต่ละปี โดยเดือนที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงสุดคือ เดือนมีนาคมและจะค่อย ๆ ลดลงในช่วงเดือนเมษายนเป็นต้นไปและกลับมีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคมและพฤศจิกายนของทุกปี
สินค้านำเข้าที่สำคัญจากอิตาลี ได้แก่ เครื่องจักรและส่วนประกอบ (สัดส่วน 27.4%) เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ (สัดส่วน 6.6%) ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม (สัดส่วน 6.6%) เคมีภัณฑ์ (สัดส่วน 6.0%) และสินค้าทุนอื่น ๆ (สัดส่วน 5.1%) เป็นต้น
โดยสินค้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ได้แก่ สบู่ ผงซักฟอกและเครื่องสำอาง (+216.4%) เสื้อผ้าสำเร็จรูป (+203%) พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช (+132.2%) เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำ (+129.8%) และเลนซ์ แว่นตาและส่วนประกอบ (+114.6%) เป็นต้น ส่วนสินค้าที่มีการขยายตัวลดลง เช่น เครื่องประดับอัญมณี (-55.2%) เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน (-43.4%) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (-23.5%) ผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก (-18.7%) และเคมีภัณฑ์ (-12.6%) เป็นต้น
เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2554 ไทยนำเข้าจากอิตาลีคิดเป็นมูลค่า 294.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ27.1 เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันปี 2554
สินค้านำเข้าที่สำคัญจากอิตาลี ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (สัดส่วน 28.3%) เคมีภัณฑ์ (สัดส่วน 5.8%) กาแฟ ชา เครื่องเทศ (สัดส่วน 5.7%) ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม (สัดส่วน 5.6%) และเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ (สัดส่วน 4.8%) เป็นต้น
โดยสินค้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ได้แก่ กาแฟ ชา เครื่องเทศ (+4,725.7%) ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ (+488.5%) ผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก (+95.7%) เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ (+58.9%) และผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม (+57.7%) เป็นต้น ส่วนสินค้าที่มีการขยายตัวลดลง เช่น สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ (-43.2%) เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน (-31.1%) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (-28.8%) เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ (-17.1%) และสินค้าทุนอื่น ๆ (-11%) เป็นต้น สินค้าไทยที่มีแนวโน้มส่งออกเพิ่มขึ้นในปี 2554
1. อัญมณีและเครื่องประดับ ถึงแม้เดือนกุมภาพันธ์ 2554 การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยมีอัตราลดลงเป็นอย่างมาก โดยอาจมีสาเหตุมาจากการส่งออกในเดือนมกราคมที่มีปริมาณมากส่งผลให้อิตาลีลดการนำเข้าในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ภาพรวมการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับเป็นที่ผ่าน ๆ มาถือเป็นสินค้าส่งออกอันดับต้น ๆ ของไทยที่ยังคงครองตลาดอิตาลีมาโดยตลอด และคาดว่าในปีนี้อิตาลีจะมีการนำเข้าเครื่องประดับเงินเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดอิตาลีอีกทั้งไทยยังถือเป็นผู้ผลิตเครื่องประดับเงินที่มีศักยภาพอันดับต้น ๆ ของโลก
2. เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เดือนกุมภาพันธ์ 2554 ไทยส่งออกเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบมายังอิตาลีมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยในปีนี้คาดว่าอิตาลีอาจมีการนำเข้าเครื่องปรับอากาศฯ เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิเพื่อเป็นการเตรียมจำหน่ายในช่วงฤดูร้อนที่จะมาถึง ซึ่งปัจจุบันฤดูร้อนในอิตาลีมีอากาศร้อนและยาวนานขึ้นโดยมีอุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 30- 40 องศา ทำให้ความต้องการเครื่องปรับอากาศและเครื่องทำความเย็นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทั้งที่ใช้ในบ้านเรือน สำนักงานหรือในอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอาหาร นอกจากนี้ แนวโน้มเครื่องใช้ไฟฟ้าในกลุ่มเทคโนโลยีประหยัดพลังงาน (Green technology products) ได้กลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 2553 มีอัตราร้อยละ 2.9 และคาดว่าจะมีอัตราการขยายตัวอีกร้อยละ 5.1 ในปี 2554
3. ยางพารา สำหรับเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ยางพาราถือเป็นสินค้าส่งออกอันดับแรกของไทย โดยในปี 2554 คาดว่าความต้องการยางพาราในอิตาลียังคงขยายตัวอย่างต่อจากปี 2553 โดยเฉพาะยางรถยนต์และถุงมือยางซึ่งเป็นสินค้าที่มีความต้องการใช้เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นวัตถุดิบสำคัญในหลายอุตสาหกรรมทั้งในภาคอุตสาหกรรมและสาธารณสุข
4. ปลาหมึกสด แช่แข็งแช่เย็น เป็นสินค้าที่ตลาดอิตาลีต้องการมากโดยในปี 2553 อิตาลีมีการบริโภค อาหารทะเลแช่เย็น แช่แข็ง มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.6 โดยไทยมีส่วนครองตลาดอันดับ 1 แต่ในปีที่ผ่านมาผู้ส่งออกไทยไม่สามารถส่งออกได้ตามความต้องการเพราะสินค้ามีจำกัดทำให้เสียโอกาส สำหรับเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ไทยส่งออกปลาหมึกสด แช่แข็งแช่เย็นเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยปี 2554 คาดว่าไทยจะสามารถส่งสินค้าได้ตามความต้องการของตลาดอิตาลี
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองมิลาน
ที่มา: http://www.depthai.go.th