ภาพรวมเศรษฐกิจประเทศอิตาลี
สถานการณ์เศรษฐกิจอิตาลีในช่วง 2 สัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม 2554 ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก นอกจากนี้ เหตุการณ์ความไม่สงบที่กำลังเกิดขึ้นที่ลีเบียยังคงมีท่าทีไม่สงบซึ่งอาจส่งผลให้มีผู้อพยพจากลีเบียเข้ามาในอิตาลีเป็นจำนวนมาก
สถาบันสถิติแห่งชาติ คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอิตาลีในปี 2553 จะเติบโตอยู่ประมาณ 1.2% (การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอิตาลีปี 2552 หดตัวลดลงร้อยละ 5.2) แต่อย่างไรก็ตาม อิตาลียังคงเป็นประเทศที่มีการพัฒนาทางเศรษฐกิจล่าช้ากว่าประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอื่นๆ ถึงแม้การส่งออกของอิตาลีจะเป็นแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญตัวหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตเท่าที่ควร โดยสาเหตุที่สำคัญที่ส่งผลให้ระบบเศรษฐกิจอิตาลียังคงพัฒนาอย่างช้า ๆ มี 2 ประการ ดังนี้
1)การบริโภคภายในประเทศ ยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากรายได้ของประชาชนที่ลดลงและการลด การจ้างงานอย่างต่อเนื่อง
2)ชะลอการลงทุน เมื่อการบริโภคภายในประเทศลดลงส่งผลให้บริษัทผู้ผลิตต่างๆ ชะลอ/หยุดการลงทุน และไม่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ธนาคารแห่งชาติอิตาลี เปิดเผยว่าเดือนมกราคม 2554 อิตาลีมีหนี้สาธารณะมูลค่า 1,879.9 พันล้านยูโร (เพิ่มขื้นร้อยละ 1.9) ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าเดือนธันวาคม 2553 มูลค่า 1,843.1 พันล้านยูโร
ตารางเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจอิตาลีรายเดือน ปี 2553
ช่วงเวลา อัตราเปลี่ยนแปลง อัตราเปลี่ยนแปลงเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า(%) เทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้า(%)
GDP (ไตรมาส 4) +1.5 +0.1 การผลิตภาคอุตสาหกรรม (มกราคม 54) +0.6 -1.5 ผลประกอบการ (มกราคม 54) +8.0 +1.0 คำสั่งซื้อ (ธันวาคม) +7.4 +5.4 ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ผลิต (กุมภาพันธ์ 54) - -0.4 จุด ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (กุมภาพันธ์ 54) - +0.5 จุด การนำเข้า (มกราคม 54) +31.3 +2.8 การส่งออก (มกราคม 54) +25.1 +4.3 อัตราการว่างงาน (มกราคม 54) +0.3 จุด +8.6 อัตราเงินเฟ้อ (กุมภาพันธ์ 54) +2.4 +0.3 อัตราการจ้างงาน (มกราคม 54) -0.4 จุด -0.2 การบริโภค (ธันวาคม) -0.5 -0.9 หนี้สาธารณะ (%/GDP)* (ปี 2553) 118.6 *ตัวเลขคาดการณ์ของรัฐบาลอิตาลี ที่มา : องค์การว่าด้วยความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป,CSC, และ Istatผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP)
เทียบกับไตรมาส 4 ปี 52 เทียบกับไตรมาส 3 ปี 53
ไตรมาส 4 ปี 53 (%) +1.5 +0.1 ที่มา : สถาบันสถิติแห่งชาติ (Istat)สถาบันสถิติแห่งชาติอิตาลี ได้เปิดเผย (เป็นครั้งที่ 2) เกี่ยวกับตัวเลขของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศอิตาลี (GDP) ไตรมาส 4 ของปี 2553 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เปรียบเทียบกับไตรมาส 3 และมีอัตราเพิ่มขึ้น 1.5% เปรียบเทียบจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า (โดยGDP มีอัตราการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจากการคาดการณ์เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา) ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากภาคการเกษตรและภาคการบริการที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น
หน่วยงาน Eurostat ได้ประมาณการ GDP (เป็นครั้งที่ 2) ไตรมาส 4 ปี 2553 ใน Euro Area และ Eu 27 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 และ 0.2 ตามลำดับเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 และ 2.1 ตามลำดับเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันปีก่อนหน้า
หน่วยงาน Confcommercio ได้ประมาณการ GDP ของอิตาลีปี 2554 จะมีการขยายตัวร้อยละ 1 และจะขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นระหว่างปี 2555 และ 2556 อยู่ร้อยละ 1.2
การผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production)
เทียบกับมกราคม ปี 53 เทียบกับธันวาคม ปี 53
มกราคม ปี 54 (%) +0.6 -1.5 ที่มา : Istatการผลิตภาคอุตสาหกรรมอิตาลี เดือนมกราคม 2554 มีอัตราลดลงร้อยละ 1.5 เทียบกับเดือน ธันวาคม 2553 และมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า (โดยเดือนมกราคม 2554 มีวันทำงาน 20 วัน ส่วนเดือนมกราคม 2552 มีวันทำงาน 19 วัน) โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมใน Euro Area และ EU 27 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 และ 0.6 ตามลำดับ เทียบกับเดือนธันวาคม 2553 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.6 และ 6.8 ตามลำดับ เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ผลประกอบการและคำสั่งซื้อของภาคอุตสาหกรรม
1. ผลประกอบการ
เทียบกับมกราคม ปี 53 เทียบกับธันวาคม ปี 53 มกราคม ปี 54 (%) +8.0 +1.0จากข้อมูลของสถาบันสถิติแห่งชาติอิตาลี เปิดเผยว่า เดือนมกราคม 2554 ผลประกอบการของภาค อุตสาหกรรมอิตาลีเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้ามีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 (+1% จากตลาดภายในประเทศและ +0.9% จากตลาดต่างประเทศ) และเปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้ามีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 (+5.3% จากตลาดภายในประเทศและ +14.1% จากตลาดต่างประเทศ)
2. คำสั่งซื้อ
เทียบกับธันวาคม ปี 52 เทียบกับพฤศจิกายน ปี 53 ธันวาคม ปี 53 (%) +7.4 +5.4 ที่มา:Istatเดือนธันวาคม 2553 คำสั่งซื้อของภาคอุตสาหกรรมเปรียบเทียบกับเดือนก่อนหน้ามีอัตราเพิ่มขึ้น 4.3 % (+5.9% จากตลาดภายในประเทศและ +4.6% จากตลาดต่างประเทศ) และเปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้ามีอัตราเพิ่มขึ้น 7.4% (+18.7% จากตลาดภายในประเทศและ +15.1% จากตลาดต่างประเทศ) สำหรับคำสั่งซื้อปี 2553 มีสัญญาณของการฟื้นตัวที่ดีขึ้น โดยมีอัตราเพิ่มขึ้น 13.9% เปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลเดียวกันของปี 2552 (-22.7%) ซึ่งอัตราที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวมีปัจจัยมาจากการส่งออกและการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น 21.2% และ 9.9% ตามลำดับ
จากข้อมูลของสถาบันสถิติแห่งชาติอิตาลี พบว่าภาคอุตสาหกรรมการผลิตที่ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นในปี 2553 ได้แก่
1) ภาคการผลิตโลหะ 24.1%
2) ภาคการผลิตไม้และกระดาษ 7.6%
3) ภาคการผลิตสิ่งทอ เครื่องแต่งกาย และเครื่องหนัง 7.7%
4) ภาคการผลิตอุปกรณ์ส่วนประกอบไฟฟ้า 13%
5) ภาคการผลิตเครื่องจักรกลและอุปกรณ์ 20.1%
เดือนธันวาคม 2553 พบว่าผลประกอบการและคำสั่งซื้อของภาคการผลิตรถยนต์ยังมีผลติดลบโดยมีอัตราลดลง 3.9% และ 11.2% ตามลำดับ เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
เดือนธันวาคม 2553 การบริโภคของชาวอิตาเลียนมีการขยายตัวลดลง โดยสาเหตุมาจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจส่งผลให้ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนมกราคม 2554 ลดลงถึง 3.2 จุด
ปี 2553 สมาพันธ์ผู้ค้าปลีกรายย่อยแห่งชาติ ได้คาดการณ์ว่า การบริโภคของชาวอิตาเลียนมีอัตราลดลงร้อยละ 0.4 โดยการลดลงดังกล่าวอาจมีสาเหตุหลักมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนส่งผลให้ผู้บริโภครอดูสถานการณ์และมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น จากการเปิดเผยข้อมูลของสมาพันธ์ผู้ค้าปลีกรายย่อยแห่งชาติ (Fipe-Confcommercio) พบว่า ภายในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาชาวอิตาเลียนมี การรับประทานอาหารนอกบ้านมีมูลค่ารวม 21 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 98.2 โดย Euro Zone มีอัตราร้อยละ 25.6% ซึ่งถือว่าอิตาลีเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในประเทศสหภาพยุโรปในการรับประทานอาหารนอกบ้าน
1)การบริโภคของชาวอิตาเลียนช่วงเทศกาลการลดราคาสินค้า (ตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2554 - 28 กุมภาพันธ์ 2554) การบริโภคของชาวอิตาเลียนในภูมิภาค Lombardia ปิดตัวลงด้วยตัวเลขติดลบ 10-20% โดย Mr.Gabriel Meghnagi ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกบนถนน Buenos Aires (ถนนการค้าที่สำคัญในเมืองมิลาน) เปิดเผยว่า ตัวเลขที่ลดลงดังกล่าวมีสาเหตุหลักมาจากครอบครัวชาวมิลานระมัดระวังการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การเปิดตัวช่วงลดราคาควรเป็นวันที่ 2 มกราคมเพราะยังถือเป็นช่วงเทศกาลการให้ของขวัญแทนที่จะเป็นวันที่ 6 มกราคม โดยสินค้าที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือเครื่องแต่งการสุภาพบุรุษ แต่สินค้าที่มียี่ห้อไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างไร
2)การบริโภคสินค้าอาหาร BIO ในอิตาลี จากข้อมูลของ หน่วยงานด้านการเกษตรและสินค้าเพื่อการ บริโภค (Ismea) เปิดเผยว่า ปี 2553 การบริโภคสินค้าอาหาร BIO ในอิตาลีมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ11.6 เทียบกับปี 2552 โดยสินค้า BIO ที่มีการบริโภคเพิ่มขึ้นได้แก่ นมและชีท (+13%) ขนมปัง ของขบเคี้ยว (+13.5%) ผักและผลไม้ (+4.2%) ไข่ (+7.4%) เป็นต้น โดยช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีการจำหน่ายสินค้า BIO เพิ่มขึ้นได้แก่ ร้านค้าของชำ (+29.3%) ไฮเปอร์มาร์เก็ต (+18.2%) และซุปเปอร์มาร์เก็ต (+3.7%) ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
1. ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอิตาลี
มกราคม ปี 54 กุมภาพันธ์ ปี 54 เปลี่ยนแปลง ดัชนีความเชื่อมั่น (จุด) 105.9 106.4 +0.5 จุดดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอิตาลีเดือนกุมภาพันธ์ มีการปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจาก 105.9 จุด เป็น 106.4 จุด (ขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.5 จุด) ซึ่งมีปัจจัยมาจากความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์เศรษฐกิจและครอบครัวที่ดีขึ้น
2. ความเชื่อมั่นของบริษัทผู้ผลิตอิตาลี
มกราคม ปี 54 กุมภาพันธ์ ปี 54 เปลี่ยนแปลง ดัชนีความเชื่อมั่น (จุด) 103.4 103.0 -0.4 จุด ที่มา : สถาบันเพื่อการวิเคราะห์และศึกษาเศรษฐกิจ (ISAE)ดัชนีความเชื่อมันของบริษัทผู้ผลิตอิตาลี เดือนกุมภาพันธ์ มีการปรับตัวลดลงเล็กน้อยจาก 103.4 จุด เป็น 103.0 จุด (เปลี่ยนแปลงลดลง 0.4 จุด) ซึ่งมีสาเหตุมาจากสินค้าในสต็อกมีจำนวนเพิ่มขึ้นและมีแนวโน้มลดลงสำหรับการรอการผลิต
การค้าระหว่างประเทศ
(%) เทียบกับมกราคม ปี 53 เทียบกับธันวาคมปี 53 การส่งออก มกราคม ปี 54 +25.1 +4.3 การนำเข้า มกราคม ปี 54 +31.3 +2.8 ขาดดุลการค้า 6,6 พันล้านยูโรสำหรับการส่งออกและนำเข้าเดือนมกราคม 2554 พบว่า มีตัวเลขเพิ่มขึ้น 25.1% และ 31.3% ตามลำดับ เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า และมีตัวเลขเพิ่มขึ้น 4.3% และ 2.8% เทียบกับธันวาคม 2553 ซึ่งตัวเลขการนำเข้าดังกล่าวมีอัตราเพิ่มขึ้นแต่ยังคงต่ำกว่าตัวเลขของการส่งออก
(%) เทียบกับกุมภาพันธ์ ปี 53 เทียบกับมกราคม ปี 54 การส่งออกสู่ประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกสหภาพยุโรป กุมภาพันธ์ ปี 54 +21.2 -4.3 การนำเข้าจากประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกสหภาพยุโรป กุมภาพันธ์ ปี 54 +25.6 -1.6 ที่มา : Istatการส่งออกและการนำเข้าของอิตาลีแก่ประเทศที่ไม่ใช่สมาชิกสหภาพยุโรปในเดือนกุมภาพันธ์ 2554 พบว่า ทั้งการส่งออกและการนำเข้ามีตัวเลขลดลงซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นพร้อมกันอย่างงี้ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2552 แต่สำหรับการส่งออกและนำเข้าเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้ามีอัตราเพิ่มขึ้น
1. การส่งออกของอิตาลี
ปี 2553 อิตาลีส่งออกไปทั่วโลกคิดเป็นมูลค่า 447,797 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขื้นร้อยละ 10.1
ตลาดส่งออกที่สำคัญของอิตาลี US$Mil US$Mil GROWTH สินค้าส่งออกที่สำคัญของอิตาลี US$Mil US$Mil GROWTH 2009 2010 (%) 10/09 2009 2010 (%) 10/09 อันดับ 1 เยอรมัน 51,179 57,838 13.0 เครื่องจักร 85,203 87,705 2.9 อันดับ 2 ฝรั่งเศส 46,903 51,656 10.1 ยานบก 28,203 32,440 15.0 อันดับ 3 สหรัฐอเมริกา 23,770 26,846 12.9 เครื่องจักรไฟฟ้า 26,750 29,426 10.0 อันดับ 4 สเปน 23,086 25,808 11.8 เชื้อเพลิง น้ำมันแร่ 15,434 22,773 47.5 อันดับ 5 สหราชอาณาจักร 20,720 23,881 15.2 พลาสติก 16,438 18,892 14.9 อันดับ 59 ไทย 1,120 1,234 10.2 ของทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า 17,775 17,871 0.5 2. การนำเข้าของอิตาลีปี 2553 อิตาลีมีการนำเข้าจากทั่วโลกคิดเป็นมูลค่า 484,277 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขื้นร้อยละ 16.7
แหล่งนำเข้าที่สำคัญของอิตาลี US$Mil US$Mil GROWTH สินค้านำเข้าที่สำคัญของอิตาลี US$Mil US$Mil GROWTH 2009 2010 (%) 10/09 2009 2010 (%) 10/09 อันดับ 1 เยอรมัน 69,207 77,202 11.5 เชื้อเพลิง น้ำมันแร่ 72,756 91,628 25.9 อันดับ 2 ฝรั่งเศส 36,674 40,226 9.7 เครื่องจักรไฟฟ้า 33,199 45,586 37.3 อันดับ 3 จีน 26,865 37,826 40.8 ยานบก 42,430 41,777 -1.5 อันดับ 4 เนเธอร์แลนด์ 23,577 25,811 9.5 เครื่องจักร 36,811 40,415 9.8 อันดับ 5 สเปน 18,321 21,650 18.2 เหล็ก และเหล็กกล้า 13,080 19,331 47.8 อันดับ 48 ไทย 1,393 1,708 22.6 พลาสติก 15,248 18,913 24.0 ที่มา: World Trade Atlas 3. การส่งออกมาไทยปี 2553 ไทยเป็นตลาดส่งออกอันดับที่ 59 ของอิตาลี อิตาลีส่งออกมาไทยมีมูลค่า 1,234 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 10.2% เปรียบเทียบจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยสินค้าที่อิตาลีส่งออกมาไทยเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องจักร (+9.3%) รัตนชาติ โลหะมีค่า (+27%) อุปกรณ์และเครื่องอุปกรณ์ที่ใช้ในทางทัศนศาสตร์ (-42.1%) เป็นต้น สินค้าที่อิตาลีส่งออกมาไทยลดลง ได้แก่ เครื่องจักรไฟฟ้า (-8.3%) เหล็ก และเหล็กกล้า (-43.7%) ผลิตภัณฑ์ทางเภสัชกรรม (-5%) เป็นต้น
4. การนำเข้าจากไทย
ปี 2553 ไทยเป็นแหล่งนำเข้าอันดับที่ 48 ของอิตาลี ซึ่งอิตาลีนำเข้าจากไทยมีมูลค่า 1,708 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 22.6% เปรียบเทียบจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งสินค้าที่อิตาลีนำเข้าเพิ่มขึ้นจากไทย ได้แก่ เครื่องจักร (+43.6%) ยาง (+70.4%) เครื่องจักรกลไฟฟ้า (+43.1%) เป็นต้น สินค้าทิ่อิตาลีนำเข้าลดลงจากไทย ได้แก่ ปลาและอาหารทะเล (-3.6%) ของปรุงแต่งจากเนื้อสัตว์ ปลา (-26.9%) เครื่องแต่งกายถักแบบนิต (-1.2%) เป็นต้น
อัตราเงินเฟ้อ (Inflation rate)
เทียบกับกุมภาพันธ์ ปี 53 เทียบกับมกราคม ปี 54 กุมภาพันธ์ ปี 54 (%) +2.4 +0.3 ที่มา: Istatจากข้อมูลของ Istat พบว่าเดือนกุมภาพันธ์ 2554 อัตราเงินเฟ้อยังคงเพิ่มขึ้นจากเดือนมกราคม 54 (ร้อยละ 2.1) โดยมีสาเหตุมาจากราคาของพลังงาน สินค้าเพื่อการบริโภค และค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้น สำหรับอัตราเงินเฟ้อเดือนกุมภาพันธ์ 2554 ใน Euro Area ทาง Eurostat ได้ประมาณการณ์อยู่ที่ 2.4% เพิ่มขึ้นจาก 2.3% ในเดือนมกราคม 2554
หน่วยงาน Confcommercio ได้ประมาณการอัตราเงินเฟ้ออิตาลี ปี 2554 จะมีอัตราเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 2.7 ซึ่งมีสาเหตุมาจากราคาวัตถุดิบและพลังงานที่เพิ่มสูงขึ้น
ตลาดแรงงาน
1. อัตราการว่างงาน
มกราคม ปี 54 เทียบกับมกราคม ปี 53 อัตราการว่างงาน มกราคม 54 (%) 8.6 +0.3 จุด ที่มา : Istatอัตราการว่างงาน เดือนมกราคม 2554 มีอัตราร้อยละ 8.6 ซึ่งเพิ่มขึ้น 0.3 จุด เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า แต่ยังคงถือเป็นอัตราที่ต่ำกว่ามาตรฐานของ EU 27 อยู่ประมาณ 1 จุด โดยอัตราการว่างงานของ EU 27 อยู่ที่ร้อยละ 9.5 เทียบกับเดือนธันวาคม 2553
โดยจำนวนคนว่างงานเดือนมกราคมมีจำนวน 2,145 พันราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 (จำนวนเพิ่มขึ้น 2 พันราย) เทียบกับเดือนธันวาคม 2553 โดยจำนวนคนว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นคือสุภาพสตรี อย่างไรก็ดี จำนวนคนว่างงานเพิ่มขื้นร้อยละ 2.8 เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า
2. อัตราการจ้างงาน
เทียบกับมกราคม ปี 53 เทียบกับธันวาคม ปี 53 อัตราการจ้างงาน มกราคม 54 (%) -0.4 จุด -0.2 ที่มา : Istatจากข้อมูลสถาบันสถิติแห่งชาติ เปิดเผยว่า อัตราการจ้างงานเดือนมกราคม 2554 มีอัตราร้อยละ 56.7 โดยจำนวนคนที่มีงานทำงาน มีอัตราลดลงร้อยละ 0.4 (ลดลง 83 พันราย) เทียบกับเดือนธันวาคม 2553 และลดลงร้อยละ 0.5 เทียบกับเดือนมกราคม 2553
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองมิลาน
ที่มา: http://www.depthai.go.th