รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้า ภูมิภาคอาเซียน (16-28 กุมภาพันธ์ 2554)

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 29, 2011 16:38 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ประเทศ

สิงคโปร์

ประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและภาวะการค้าระหว่างวันที่ 16-28 กุมภาพันธ์ 2554

1.สินค้าที่สิงคโปร์นำเข้าจากไทย 10 รายการแรก ปี 2553 มีมูลค่า อัตราเพิ่มขึ้น/ลดลง และส่วนแบ่งตลาด ดังนี้

สินค้า มูลค่าล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น/ลดลง % ส่วนแบ่งตลาด % 2552 2553 2551/2552 2552/2553 2552 255 1. น้ำมันสำเร็จรูป 2,041.03 2,693.92 -40.35 31.99 5.3 4.74 2. แผงวงจรไฟฟ้า 1,408.90 1,786.52 -0.57 26.8 3.72 3.4 3.ส่วนประกอบและอุปกรณ์ 518.83 523.95 -36.17 0.99 7.56 6.75 ของเครื่องจักรกล 4. เครื่องคอมพิวเตอร์/ 409.18 462.93 -26.67 13.14 9.19 7.98 อุปกรณ์และส่วนประกอบ 5. เครื่องโทรสาร/โทรพิมพ์/โทรศัพท์/ 278.63 309.43 -30.08 11.05 4.34 3.88 อุปกรณ์และส่วนประกอบ 6.เครื่องพ่นหรือฉีดเชื้อเพลิง 0.11 278.5 -77.85 100 0.29 91.3 ของเตาเผา 7. เครื่องปรับอากาศ 158 212.38 -17.95 34.42 30.82 34.25 8. อุปกรณ์กึ่งตัวนำทราน 170.14 197.07 -24.05 15.83 4.49 3.96 ซิสเตอร์และไดโอด 9. มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 54.7 155.75 -51.38 184.71 1.76 3.44 10. ข้าว 170.62 150.06 102.65 -12.05 19.37 17.03

2.สินค้าที่สิงคโปร์ต้องพึ่งพาการนำเข้าจากไทยอย่างต่อเนื่อง คือ สินค้าอาหาร(ทะเล/กระป๋อง/แปรรูป) ผัก/ผลไม้(สด/กระป๋อง/แปรรูป) ข้าวหอมมะลิ และซ๊อสปรุงรสต่างๆ ทั้งนี้ ในส่วนของสินค้าข้าว เนื่องจากพฤติกรรมการบริโภคข้าวในสิงคโปร์เริ่มเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะกลุ่มที่รักษาสุขภาพและผู้สูงอายุ ซึ่งหันไปรับประทาน Brown Rice เพื่อรักษาสุขภาพและป้องกันการเป็นโรคเบาหวาน (เนื่องจาก Brown Rice มีส่วนผสมของ Glycemic ในระดับต่ำและเปลี่ยนเป็น Glucose ได้ง่ายกว่าข้าวขาว) ดังนั้น ผู้ผลิตไทยสามารถส่งออก Brown Rice สู่ตลาดสิงคโปร์เพื่อเพิ่มมูลค่าได้อีกทางหนึ่งด้วย

3. ราคาสินค้าพลาสติกในสิงคโปร์ ปี 2554 จะสูงขึ้นร้อยละ 30 สืบเนื่องจากปัญหาราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 ซึ่งราคาปัจจุบันเป็น 101 เหรียญสหรัฐ/บาเรล และคาดว่า จะเพิ่มสูงขึ้นอีกถึง 115 เหรียญสหรัฐฯ/บาเรล จึงทำให้ราคาวัตถุดิบสำหรับผลิตสินค้าพลาสติกสูงขึ้นด้วย เช่น Polyethylene มีราคาเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 20 (ราคา 1,285 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน เป็น 1,650 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน) ทำให้โรงงานผลิตอุปกรณ์พลาสติกไม่สามารถรองรับราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้น จึงจำเป็นต้องส่งค่าใช้จ่ายต่อไปยังผู้บริโภค สินค้าพลาสติกที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ได้แก่ จานพลาสติก ช้อนพลาสติก แก้วพลาสติก นอกจากนี้ สินค้าอื่นๆ ที่จะมีราคาสูงขึ้นด้วย คือ โครงของมือถือ และเครื่องมือแพทย์ (โรงงานผลิตอุปกรณ์พลาสติกในสิงคโปร์ ได้แก่ Superior Multi-Packaging, Allswell Polythene, Proway Engineering)

4. นักท่องเที่ยวสร้างรายได้ให้สิงคโปร์ถึง 18.8 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ในปี 2553 จากรายงานของ Singapore Tourism Board (STB) โดยมีจำนวนนักท่องเที่ยว 11.6 ล้านคน ซึ่งสถานที่สำคัญที่ทำให้สิงคโปร์มีรายได้เพิ่มขึ้น คือ Integrated Resorts — Marina Bay Sands and Resorts World Sentosa รวมถึง Cable Car ที่ปรับปรุงใหม่ ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวจากประเทศ 5 อันดับแรก คือ อินโดนีเซีย (2.3 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ร้อยละ 32) จีน (1.1 ล้านคน ร้อยละ +25) มาเลเซีย (1.0 ล้านคน ร้อยละ +36) ออสเตรเลีย (880,000 คน ร้อยละ +6) และอินเดีย (829,000 คน ร้อยละ +14) สำหรับการใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยวในสิงคโปร์รวมมูลค่า 18.8 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ (ร้อยละ +49) แบ่งออกตามประเภทดังนี้ 1) การเที่ยวชมและสันทนาการมูลค่า 4 พันล้านเหรียญฯ (ร้อยละ +1,834) 2) การซื้อของ มูลค่า 4 พันล้านเหรียญฯ (ร้อยละ +17) 3) ค่าที่พัก มูลค่า 3.5 พันล้านเหรียญฯ (ร้อยละ +25) 4) อาหารและเครื่องดื่ม มูลค่า 1.9 พันล้านเหรียญฯ (ร้อยละ +23) 5) ค่ารักษาพยาบาล มูลค่า 0.9 พันล้านเหรียญฯ (ร้อยละ +19) และ 6) อื่นๆ มูลค่า 4.5 พันล้านเหรียญฯ (ร้อยละ +16)

5. ผู้ใช้บริการสนามบินชางกีในเดือนมกราคม 2554 จำนวน 3.79 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้าร้อยละ 12 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้เดินทางที่ใช้บริการสายการบินประหยัด ได้แก่ Jetstar, AirAsia และ Tiger Airways มีการเติบโตร้อยละ 27 ในขณะที่สายการบิน full-service ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8 ผู้เดินทางส่วนใหญ่เดินทางภายในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับการขนส่งสินค้าทางอากาศมีปริมาณ 147,000 ตัน ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 4

6.คาดการณ์อุตสาหกรรมการก่อสร้างของสิงคโปร์สดใสในปี 2554 หน่วยงาน The Building and Construction Authority (BCA) ประกาศมูลค่าอุตสาหกรรมการก่อสร้างปี 2553 เป็นเงิน 25.7 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ แบ่งเป็นส่วนของภาครัฐ 8.3 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ และภาคเอกชน 17.4 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ สำหรับคาดการณ์ปี 2554 จะมีมูลค่ารวม 22-28 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ แบ่งเป็นส่วนของภาครัฐ 12-15 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ (โครงการก่อสร้างอาคารสำหรับสถาบันการศึกษา) และภาคเอกชน 10-13 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ (โครงการที่พักอาศัย)

7. Consumers Association of Singapore (CASE) ช่วยเหลือผู้ร้องเรียนการค้า ซึ่งในปี 2553 กลุ่มความสวยความงามเป็นกลุ่มที่มีผู้ร้องเรียนสูงสุดถึง 3,111 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ร้อยละ 51 เนื่องจากร้านและสาขาที่ให้บริการความสวยความงามปิดลงอย่างกระทันหันเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ การร้องเรียนการค้าในสินค้า 10 อันดับแรก ได้แก่ 1) Beauty : 3,111 ราย 2) Timeshare : 2,001 ราย 3) Contractors : 1,313 ราย 4) Electrical and Electronics : 1,262 ราย 5) Motorcars : 1,232 ราย 6) Furniture : 1,190 ราย 7) Telecommunications : 1,162 ราย 8) Maid Agency : 1,088 ราย 9) Real Estate : 1,044 ราย และ 10) Travel : 994 ราย สำหรับจำนวนร้องเรียนและผลการช่วยเหลือของ CASE ในปี 2552-2553 ดังนี้

ประเภท 2552 2553 การให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ร้องเรียน 2,200 2,087 การเป็นตัวแทนผู้ร้องเรียน 1,597 1,574 จำนวนเงินที่เรียกคืนให้แก่ผู้ร้องเรียน $3 ล้าน $3.8 ล้าน รวม กรณีร้องเรียนทั้งหมด 21,782 22,590

8. ศุลกากรสิงคโปร์เริ่มดำเนินการระบบ Tradefirst (Trade Facilitation and Integrated Risk-based System) สำหรับผู้ส่งออก-ผู้นำเข้าสามารถประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการส่งออก-นำเข้าสินค้าและมีความปลอดภัยสูง ซึ่งขณะนี้ มีบริษัทมากกว่า 300 รายเข้าใช้บริการระบบดังกล่าว รวมถึงบริษัท THT Logistics และ Asia Pacific Breweries Singapore (APBS)

9. โครงการอาคารสงเคราะห์สิงคโปร์เปลี่ยนไปใช้หลอดไฟ LEDs (Light-emitting diode) แทน หลอดไฟ Fluorescent ซึ่งโครงการแรกของ Housing Development Board (HDB) จะดำเนินการใช้หลอดไฟ LEDs สำหรับอาคารที่พักอาศัย 2,000 แห่ง ซึ่งจะสามารถช่วยประหยัดเงินในการบำรุงรักษาได้ถึง 5 ล้านเหรียญสิงคโปร์ต่อปี อีกทั้งหลอดไฟ LEDs มีอายุการใช้งานได้ถึง 12 ปี (หลอดไฟ Fluorescent มีอายุการใช้งานได้เพียง 2 ปี) และสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษาที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 3-4 ต่อปี นอกจากนี้ ยังช่วยลดปริมาณคาร์บอนได้ประมาณมูลค่า 250,000 เหรียญสิงคโปร์ต่อปีในช่วง 10 ปีต่อไป ทั้งนี้ HDB โดย Town Council จำนวน 10 แห่ง ได้ลงทะเบียนความมุ่งมั่นในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพต่อ United Nations (UN) จึงนับว่าเป็นโครงการ Carbon-credit ของหน่วยงานภาครัฐโครงการแรกที่ใช้ไฟ LEDs ทำให้การใช้พลังงานลดลงได้ถึงร้อยละ 60 และให้แสงสว่างได้ดีเท่ากับการใช้หลอดไฟ Fluorescent ที่ใช้พลังงานสูงกว่า

10. การตรวจสอบวันผลิตและวันหมดอายุของสินค้าจำหน่ายในสิงคโปร์ หน่วยงาน Agri-Food & Veterinary Authority (AVA) ได้ประกาศให้ผู้บริโภคเข้าใจถึงระเบียบ Sale of Food Act ที่ระบุให้ผู้ผลิตสินค้าต้องใส่วันผลิตและวันหมดอายุของสินค้าเฉพาะสินค้า 19 รายการ ได้แก่ 1) Cream, reduced cream, light cream, whipped cream and sour cream excluding sterilized canned cream 2) Cultured milk and cultured milk drink, 3) Pasteurized mild and pasteurized milk drink 4) Yoghurt, low-fat yoghurt, fat-reduced yoghurt, no-fat yoghurt and yoghurt products 5) Pasteurized fruit juice and pasteurized fruit juice drink 6) Pasteurize vegetable juice and pasteurized vegetable juice drink 7) Tofu, excluding oil-fried tofu and dried bean-curd stick 8) Food which is required to be stored at a chilled temperature to maintain its durable life, but excluding raw fruit and vegetables 9) Vitaminized fruit juice and vitaminized fruit juice drink 10) Vitaminized vegetable juice and vitaminized vegetable juice drink 11) Liquid milk and liquid milk products excluding condensed milk, sweetened condensed milk, evaporated milk and canned sterilized milk and milk products 12) Flour 13) Salad dressing 14) Mayonnaise 15) Raisins and sultanas 16) Chocolate, milk chocolate and chocolate confectionery 17) Breakfast cereal except cereal in cans 18) Infant Food 19) Edible cooking oils ทั้งนี้ สำหรับสินค้ารายการอื่นๆ แม้ว่าตามระเบียบไม่จำเป็นต้องระบุวันหมดอายุ แต่หากผู้ผลิตไม่ระบุวันหมดอายุ จะเป็นผลเสียต่อสินค้าเอง เนื่องจากผู้บริโภคในปัจจุบันจะไม่ซื้อสินค้าที่ไม่ระบุวันหมดอายุ

11. สิงคโปร์เป็นเมืองที่ Greenest ในเอเชีย โดยการคัดเลือกจาก 22 เมืองสำคัญของ Economist Intelligence Unit (EIU) ภายใต้หัวข้อ The Asian Green City Index ซึ่งสิงคโปร์ได้รับอันดับสูงในด้านการกำจัดปฏิกูล (ภาครัฐได้ตั้งเป้าหมายในการ recycle ปฏิกูลจากร้อยละ 56 ในปี 2551 ให้เป็นร้อยละ 65 ในปี 2563) และสร้างแหล่งทรัพยากรน้ำ รวมถึงในด้านการรักษาความสะอาดและการรักษาสภาวะสิ่งแวดล้อมให้เป็นไปตามธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังมีระบบการคมนาคมขนส่งที่รักษาธรรมชาติ ได้แก่ การลงทุนในการสร้างเครือข่ายรถไฟฟ้าให้แล้วเสร็จในปี 2563 และการสร้างทางสำหรับการใช้จักรยานในย่านที่พักอาศัยของชุมชน ทั้งนี้ เมืองที่ได้รับรางวัลเช่นเดียวกับสิงคโปร์ ได้แก่ โตเกียว โอซาก้า และโยโกฮามา อนึ่ง ในด้านระดับอากาศเป็นพิษและ carbon emissions นั้น สิงคโปร์มีระดับสูงเท่ากับลอนดอน

12.ภาครัฐสิงคโปร์จัดสรรงบประมาณ 7 พันล้านเหรียญสิงคโปร์สนับสนุน Health Care คาดว่าภายใน 5-10 ปีข้างหน้า สิงคโปร์จะเป็นประเทศหนึ่งติดอันดับในกลุ่ม “the best in the world” โดยการสร้างสถานพยาบาลแบบ Polyclinic ให้เพิ่มมากขึ้นและสร้างโรงพยาบาลเพิ่มอีก 1 แห่ง มีนโยบายจัดตั้งสถานศึกษาและค้นคว้าวิจัยด้าน Geriatric Care สำหรับผู้สูงอายุ และให้เงินสมทบการรักษาพยาบาลแก่ประชาชนถึงร้อยละ 90 โดยเฉพาะการผ่าตัดหัวใจ และการใส่เข่าปลอม อนึ่ง สิงคโปร์ใช้เงินประมาณร้อยละ 4 ของ GDP สนับสนุนด้านการรักษาสุขอนามัย

13.Liquefied Natural Gas (LNG) Terminal ที่ Jurong Island ในสิงคโปร์ มูลค่า 1.5 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ จะสร้างแล้วเสร็จภายในปี 2013 ดำเนินการโดย The Singapore LNG Corp (จัดตั้งเมื่อปี 2551) โดย The Energy Market Authority เป็นเจ้าของ ซึ่งจะช่วยให้มีทางเลือกด้านพลังงานของสิงคโปร์ โดย LNG Terminal นี้ จะให้บริการในการนำเข้า LNG การเก็บรักษาและปรับปรุงคุณภาพก่อนที่จะจำหน่ายให้แก่บริษัทผลิตพลังงาน นอกจากนี้ ยังสามารถให้บริการในด้าน การค้า LNG การเก็บรักษาและการขนส่งเพื่อการส่งออก ทั้งนี้ ในอนาคตจะให้บริการด้านอื่นๆเพิ่มขึ้นด้วย ได้แก่ การบริการรถบรรทุก LNG แก่ผู้ซื้อ การเก็บก๊าซอุตสาหกรรม การจำหน่าย Liquefied Petroleum Gas (LPG) การให้บริการ Bunker เป็นต้น

14.การสร้าง Cargo Hub ณ Changi Airport มูลค่า 60 ล้านเหรียญสิงคโปร์ ซึ่งดำเนินกิจการโดย FedEx, Global Logistics Giant ภายใต้สัญญา 10 ปี จะสร้างแล้วเสร็จในกลางปี 2555 มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 26,277 ตารางเมตร และมีสำนักงานศุลกากรเพื่อตรวจสอบสินค้าเข้ามายังสิงคโปร์ (ปัจจุบัน FedEx ดำเนินกิจการในสถานที่หลายแห่ง รวมทั้งที่ Changi South และ Changi Airport)

15.PSA International (ท่าเรือสิงคโปร์) ทำกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.8 ในปี 2553 โดยมีมูลค่า 1.18 พันล้านเหรียญสิงคโปร์ ปริมาณการขนส่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.4 (65.12 million standard-sized containers) โดยเฉพาะมีปริมาณมากขึ้นจากท่าเรือใหม่ในเกาหลีใต้(Busan) อินเดีย(Chennai) และเวียดนาม(Vung Tau) อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงสำหรับกิจการท่าเรือในปี 2554 ขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจในประเทศที่พัฒนาแล้ว และการค้าชะลอตัวในจีน-เนื่องจากภาครัฐพยายามทำให้การเติบโตเศรษฐกิจอยู่ในระดับคงที่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจฟองสบู่ อนึ่ง คาดการณ์การเติบโตของคอนเทนเนอร์ทั่วโลกในปี 2554 ประมาณร้อยละ 7-8

กิจกรรมที่ดำเนินการ ระหว่างวันที่ 16-28 กุมภาพันธ์ 2554

1. ประสานงานการลงโฆษณางานแสดงสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนัง 2554 (BIFF & BIL 2011) โดยจัดลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ The Straits Times ในเดือนมีนาคม 2554

2. ประสานงานเกี่ยวกับการจัดโครงการ Thailand Trade Exhibition ณ บริเวณสถานทูต ไทย และ VivoCity

3. ประสานงานเกี่ยวกับการจัดโครงการส่งเสริมการขายสินค้าไทยร่วมกับซุปเปอร์มาร์เก็ต Isetan, FairPrice และ Giant

4. ผช.ผอ. สคร.สิงคโปร์ นำคณะนักธุรกิจ สิงคโปร์ เยือนงาน Bangkok Gems & Jewelry Fair 2011 ระหว่างวันที่ 24 กุมภาพันธ์ — 2 มีนาคม 2554

5. ประสานขออนุมัติเชิญแขก VVIP, VIP และอนุมัติ เจ้าหน้าที่ สคร.สิงคโปร์ เยือนงาน Made in Thailand และนำคณะผู้นำเข้าผลไม้ สิงคโปร์เยือนงานฯ

6. ประสานการลงโฆษณางาน Bangkok RHVAC 2011 และ Bangkok E&E 2011 ในสื่อสิ่งพิมพ์สิงคโปร์

7. ประสานเชิญชวนและจัดคณะนักธุรกิจ/ผู้นำเข้าสิงคโปร์เยือนงานแสดงสินค้า Thailand International Furniture Fair 2011, Bangkok International Fashion Fair & Bangkok International Leather Fair 2011 และ Bangkok International Gifts Fair & Bangkok International Houseware Fair 2011

8. ประสานเชิญสื่อมวลชนสิงคโปร์เข้าร่วมงานแสดงสินค้า Thailand Int’l Furniture Fair 2011

9. ประสานงานการลงโฆษณาประชาสัมพันธ์กรมส่งเสริมการส่งออกในสื่อสิ่งพิมพ์ต่างประเทศ (สิงคโปร์)

10.ประสานงานเกี่ยวกับโครงการคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์เดินทางเยือนสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 24-26 มีนาคม 2554

11.ประสานงานเกี่ยวกับโครงการคณะผู้แทนการค้าไทย(14 บริษัท)เดินทางไปเจรจาการค้าที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 24-26 มีนาคม 2554

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ สิงคโปร์

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ