รายงานภาวะเศรษฐกิจและการค้าของกรีซประจำเดือนมีนาคม ๒๕๕๔

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 31, 2011 11:30 —กรมส่งเสริมการส่งออก

เศรษฐกิจของกรีซยังคงตกอยู่ในภาวะถดถอย ซึ่งเห็นได้จาก GDP ที่หดตัวลงเรื่อยๆ มาตั้งแต่ปี ๒๕๕๓ (ไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๓ ลดลงเท่ากับ ๐.๗% ไตรมาสที่สองของปี ๒๕๕๓ ลดลงเท่ากับ ๕.๐% ไตรมาสที่สามของปี ๒๕๕๓ ลดลงเท่ากับ ๕.๑% และไตรมาสที่สี่ของปี ๒๕๕๓ ลดลงเท่ากับ ๖.๖%) ซึ่งส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการบริโภคในประเทศเป็นอย่างมาก

สำนักงานสถิติแห่งชาติกรีซ (the Hellenic Statistical Authority -ELSTAT) รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจดังนี้

๑. ภาวะเงินเฟ้อ ในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ กรีซมีอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ๔.๔% เมื่อเทียบกับเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ที่เท่ากับ ๒.๘% และลดลง ๑.๓% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม ๒๕๕๔ โดยสินค้าที่มีราคาสูงขึ้นได้แก่ อาหารและเครื่องดื่ม (๒.๔%) สุราและยาสูบ (๑๙.๒%) บ้านและที่อยู่อาศัย (๙.๙%) การขนส่ง (๑๒.๐%) และโรงแรม/ร้านอาหาร/บาร์ (๒.๙%)

๒. การผลิตภาคอุตสาหกรรม ในเดือนมกราคม ๒๕๕๔ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง ๕.๒% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อน ซึ่งลดลง ๓.๙% กล่าวคือการผลิตด้านเหมืองแร่เพิ่มขึ้น ๐.๑% ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง ๔.๕% (เครื่องหนัง/รองเท้าลดลง ๓๒.๗% น้ำมันลดลง ๑๔.๓% สิ่งทอลดลง ๑๙.๙% เสื้อผ้าลดลง ๑๑.๑% และเฟอร์นิเจอร์ลดลง ๑๐.๑%) การผลิตไฟฟ้าลดลง ๘.๒% และการผลิตน้ำประปาลดลง ๔.๘%

๓. ดัชนีคำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรม (วัดจากตลาดภายในและภายนอกประเทศ) ในเดือนมกราคม ๒๕๕๔ เพิ่มขึ้น ๙.๑% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อน ซึ่งเพิ่มขึ้น ๔.๔% ในเดือนมกราคม ๒๕๕๓ โดยดัชนีคำสั่งซื้อจากตลาดภายในประเทศเพิ่มขึ้น ๖.๕% และดัชนีคำสั่งซื้อจากตลาดภายนอกประเทศเพิ่มขึ้น ๓๒.๗%

๔. ดัชนีผลประกอบการขายส่ง ในไตรมาสที่ ๔ ของปี ๒๕๕๓ ผลประกอบการขายส่งลดลง ๘.๘% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี ๒๕๕๒ ที่เท่ากับลดลง ๔.๑% และเพิ่มขึ้น ๑๑.๖% เมื่อเทียบกับไตรมาที่ ๓ ของปี ๒๕๕๓

๕. การจำหน่ายปลีก ยอดการขายปลีกในเดือนธันวาคม ๒๕๕๓ ลดลง ๑๓.๒% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปี ๒๕๕๒ ส่วนจำนวนผู้มีงานในการค้าปลีก (รวมบุคคลที่มีงานทำในภาคธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิงและอุตสาหกรรมรถยนต์) ลดลง ๙.๙% ในไตรมาสที่ ๔ ของปี ๒๕๕๓ เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น ๑.๘% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ ๔ ของปี ๒๕๕๑

ในช่วงเดือนตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๕๓ การบริโภคลดลง ๖.๗% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี ๒๕๕๒ (การบริโภคภาคสาธารณะลดลง ๑.๙% และการบริโภคภาคเอกชนลดลง ๘.๖%)

สหพันธ์การค้ากรีซ (the National Confiederation of Hellenic Commerce) ได้รายงานว่า ร้านค้าปลีกในเอเธนส์ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งร้านค้าในย่านใจกลางเมืองปิดกิจการลง ๒๓.๔% ในช่วงอาทิตย์แรกของเดือนมีนาคม ๒๕๕๔ ทั้งนี้ร้านค้าปลีกในกรีซมีอัตราการปิดตัวลงอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับเมื่อ ๖ เดือนที่ผ่านมาประมาณ ๑๗% โดย ๑ ใน ๓ ของร้านค้า ตามถนน Stadiou (๓๓.๘%) ซึ่งเป็นถนนย่านช๊อปปิ้งหรูในเมืองเอเธนส์ได้ปิดกิจการลง นอกจากนี้ยังมี ๑ ใน ๔ ของร้านค้าในย่าน Akdimias (๒๔.๖%) และย่าน Pedestrianised Ermou (๒๔.๓%) ซึ่งเป็นย่านธุรกิจที่ดีที่สุดด้วย ส่วนในเขตชานเมือง เช่น Nea Ionia และ Maroussi มีอัตราการปิดตัวค่อนข้างต่ำคือ ๑๗.๘% ในขณะที่ย่าน Kiffissia เพิ่มขึ้น ๒๑% เมื่อเทียบกับเมื่อ ๖ เดือนที่ผ่านมาและย่าน Halandri เพิ่มขึ้น ๒๒% การปิดกิจการร้านค้าปลีกดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อระดับการว่างงาน ซึ่งสหพันธ์ฯได้รายงานไปก่อนหน้านี้แล้วว่า ถ้าธุรกิจค้าปลีกปิดตัวไปจะส่งผลให้มีอัตราว่างงาน ๑๐๐,๐๐๐ ตำแหน่ง ซึ่งจะปรากฎในอัตราการว่างงานของเดือนธันวาคม ๒๕๕๓ ที่ ๑๔.๘%

๖. ยอดการจดทะเบียนรถยนต์ ในช่วงสองเดือนแรกของปี ๒๕๕๔ มีการจดทะเบียนรถยนต์ลดลง ๕๔.๕% หรือ มีจำนวนทั้งสิ้น ๒๓,๐๖๐ คัน และมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนมกราคมมีการจดทะเบียนรถ (ทั้งเก่าและใหม่) ลดลง ๔๖.๘% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน

การจดทะเบียนรถจักรยานยนต์มีจำนวนทั้งสิ้น ๖.๑๔๕ คันในเดือนมกราคม -กุมภาพันธ์ปีนี้ ลดลง ๑๐.๙% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งลดลง ๑๙.๕% ในช่วง ๒ เดือนแรกของปี ๒๕๕๒

ผู้ค้ารถยนต์คาดหวังว่ามาตรการของรัฐบาลในการอุดหนุนการซื้อรถใหม่จะช่วยให้ยอดขายรถยนต์กลับมาได้ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้วรัฐบาลได้ออกประกาศโครงการ "การให้เงินสดสำหรับการนำรถยนต์หมดสภาพไปทิ้ง" เพื่อกระตุ้นให้ชาวกรีกเปลี่ยนรถเก่าและซื้อรถใหม่ที่ประหยัดน้ำมัน โดยคาดว่านอกจากจะช่วยกระตุ้นให้คนซื้อรถใหม่เพิ่มขึ้นแล้วยังช่วยฟื้นฟูอุตสาหกรรมรถยนต์อีกด้วย ทั้งนี้จากข้อมูลของสมาคมผู้นำเข้ารถยนต์รายงานว่า ในเดือนมกราคม ๒๕๕๔ มีผู้ซื้อรถยนต์ส่วนบุคคลจำนวน ๙.๗๔๗ คัน (ลดลง ๖๓% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา)

๗. ดัชนีผลประกอบการการขนส่ง ในเดือนตุลาคม - ธันวาคม ๒๕๕๓ ผลประกอบการขนส่งทางทะเลลดลง ๗.๘% หลังจากที่ลดลง ๑๘.๙% ในช่วงเดียวกันของปี ๒๕๕๒ ดัชนีผลประกอบการขนส่งทางอากาศลดลง ๓.๗% หลังจากที่ลดลงกว่า ๒๑.๒% ในช่วงเดียวกันของปี ๒๕๕๒ และดัชนีผลประกอบการด้านโลจิสติกส์ลดลง ๑๔.๕% ในไตรมาสที่ ๔ ของปี ๒๕๕๓ หลังจากที่ลดลง ๗.๕% ในช่วงเวลาเดียวกันของปี ๒๕๕๒ ดัชนีผลประกอบการด้านการท่องเที่ยวลดลง ๔๐.๘% ในไตรมาสที่ ๔ ของปี ๒๕๕๓ หลังจากที่ลดลง ๑๖.๒% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ดัชนีผลประกอบการด้านที่ดินและท่อขนส่งลดลง ๓๒.๓% ในช่วงไตรมาสที่ ๔ ของปี ๒๕๕๓ หลังจากที่ลดลง ๒.๑% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

๘. ดุลเงินงบประมาณ รัฐบาลกรีกได้รายงานว่า ดุลเงินงบประมาณในเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ มีมูลค่า ๑,๐๒๘ พันล้านยูโร เพิ่มขึ้น ๙.๐% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมาที่เท่ากับ ๙๔๔ พันล้านยูโร ทั้งนี้กระทรวงการคลังได้รายงานว่า รายได้สุทธิในช่วง ๒ เดือนแรกของปี ๒๕๕๔ มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น ๗,๙๔๓ พันล้านยูโร ลดลง ๙.๒% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งตรงกันข้ามกับการจัดหางบประมาณที่มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้น ๘.๕% ต่อปี กระทรวงการคลังให้เหตุผลว่า รายได้งบประมาณลดลงด้วยเหตุผลทางด้านเทคนิค เนื่องจากได้เสนอให้มีการขยายเวลาการจ่ายภาษีค่าลงทะเบียนรถยนต์ในปีที่แล้ว ในขณะที่มีการเรียกเก็บเงินภาษีเพิ่มเติมจากบริษัทผู้ประกอบการที่มีผลกำไรเพิ่มขึ้นน้อยกว่าปี ๒๕๕๓ ไปจำนวน ๙๙ ล้านยูโร พร้อมกับมีรายได้ลดลงจากการเก็บภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายในเดือนมกราคม -กุมภาพันธ์ด้วย

การใช้จ่ายงบประมาณเพิ่มขึ้น ๓.๓% ในช่วง ๒ เดือนแรกของปี ๒๕๕๔ ซึ่งลดลงจากการจัดหางบประมาณที่มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้น ๖.๖% ต่อปี นอกจากนี้โครงการลงทุนสาธารณะยังพุ่งสูงขึ้นถึง ๓๕๖.๔% ในส่วนของรายได้ และลดลง ๖๗.๙% ในส่วนของการใช้จ่าย

๙. การว่างงาน องค์กรการจ้างงานแห่งกรีซ (Greece Manpower Employment Organization - OAED) ภายใต้กระทรวงแรงงานและประกันสังคม ได้รายงานว่า ในเดือนกุมภาพันธ์มีผู้มาลงทะเบียนว่างงานจำนวน ๖๙๒,๔๙๖ ราย โดย ๔๓.๔๖% เป็นผู้ชาย (๓๐๐,๙๕๑ ราย) และ ๕๖.๕๔% เป็นผู้หญิง (๓๙๑.๕๔๕ ราย) ซึ่งเพิ่มขึ้น ๐.๔๓% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทั้งนี้ ๖๒.๔๙% ของผู้ที่มาลงทะเบียนการว่างงานเป็นผู้ที่มีอายุระหว่าง ๓๐-๕๔ ปี, ๒๘.๐๙% เป็นผู้ที่มีอายุต่ำกว่า ๓๐ ปี และ ๙.๔๒% เป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า ๕๐ ปี และพบว่า ๙๒.๐๖% ของผู้มาลงทะเบียนการว่างงานเป็นคนกรีก, ๖.๓๓% เป็นคนที่มาจากประเทศอื่นนอกสหภาพยุโรปและ ๑.๖๐% เป็นคนในสหภาพยุโรป โดยในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ผู้ที่มาลงทะเบียนว่างงานได้รับเงินช่วยเหลือว่างงานจำนวน ๒๘๐.๐๗๖ ราย เพิ่มขึ้น ๘.๔๔% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ มีผู้ได้รับการจ้างงานใหม่จำนวน ๔๕,๗๐๒ ราย และมีผู้ถูกเลิกจ้าง ๒๑.๔๗๕ ราย (ลดลง ๒๙.๕๕% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม)

ทั้งนี้สถาบันสถิติแห่งชาติกรีซได้รายงานว่าในปีที่ผ่านมามีผู้สูญเสียตำแหน่งงานในภาคการผลิตจำนวนมาก เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยอย่างหนักของประเทศ โดยจากสถิติพบว่า มีผู้สูญเสียตำแหน่งงาน ๑๒๕ คนต่อวันหรือ ๓,๗๔๐ คนต่อเดือนในภาคอุตสาหกรรมโดยเฉลี่ย หรือเพิ่มขึ้น ๑๘๒ คนต่อวันหรือ ๕,๔๖๐ คนต่อเดือนในไตรมาสที่ ๔ ของปี ๒๕๕๓

๑๐. ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของกรีซ

รายการ มูลค่า (ล้านเหรียญสหรัฐฯ) อัตราการขยายตัว (ฑ%) ปี๒๕๕๑ ปี๒๕๕๒ ปี๒๕๕๓ ปี๕๒/๕๑ ปี๕๓/๕๒ (ม.ค.-ธ.ค.) (ม.ค.-ธ.ค.) ดุลการค้า -๖๔,๖๒๘ -๔๗,๒๐๐ -๒๙,๘๕๒ -๒๖.๙๗% -๓๖.๗๕% (Trade balance) การส่งออก ๒๖,๔๐๔ ๒๐,๔๖๔ ๒๑,๐๑๔ -๒๒.๔๙% ๒.๖๙% (Export) การนำเข้า ๙๑,๐๓๒ ๖๗,๖๖๔ ๕๐,๘๖๖ -๒๕.๖๗% -๒๔.๘๓% (Import)

๑๐.๑ ปี ๒๕๕๓ (ม.ค.-ธ.ค.) กรีซมีมูลค่าการค้ารวม ๗๑,๘๐๐ ล้านเหรียญสหรัฐฯ หดตัวลง -๑๘.๕๒% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อนซึ่งมีมูลค่าการค้ารวม ๘๘,๑๒๘ ล้านเหรียญสหรัฐฯ แยกเป็นการส่งออกมูลค่า ๒๑,๐๑๔ ล้านเหรียญสหรัฐฯ และการนำเข้ามูลค่า ๕๐,๘๖๖ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้กรีซขาดดุล ๒๙,๘๕๒ ล้านเหรียญสหรัฐฯ

๑๐.๒ การส่งออก กรีซส่งออกสินค้าไปสหภาพยุโรปเกือบ ๕๐% โดยมีประเทศที่กรีซส่งออกสำคัญ ๑๐อันดับแรก ได้แก่ เยอรมัน (สัดส่วน ๑๐.๙๔%) อิตาลี (๑๐.๙๓%) ไซปรัส (๗.๓๐%) บัลแกเรีย (๖.๕๖%) ตุรกี (๕.๔๔%) สหราชอาณาจักร (๕.๒๙%) สหรัฐอเมริกา (๓.๙๔%) ฝรั่งเศส(๓.๘๘%) โรมาเนีย(๓.๖๙%) และอัลบาเนีย(๒.๔๔%)

สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ สินแร่และน้ำมัน ผลิตภัณฑ์ยา อะลูมิเนียม พลาสติก เครื่องจักรไฟฟ้า เครื่องจักร อาหารสำเร็จรูป และเหล็ก

๑๐.๓ การนำเข้า กรีซยังคงนำเข้าสินค้าจากประเทศในสหภาพยุโรปเป็นหลัก โดยมีประเทศที่กรีซนำเข้าสินค้า ๑๐ อันดับสำคัญ ได้แก่ เยอรมนี (สัดส่วน ๑๓.๐๕%) อิตาลี (๑๒.๑๘%) จีน(๗.๔๙%) เนเธอร์แลนด์(๖.๕๐%) ฝรั่งเศส (๖.๐๒%) เกาหลีใต้(๔.๖๒%) เบลเยี่ยม(๔.๒๓%) สเปน (๓.๗๕%) สหราชอาณาจักร (๓.๗๓%) และรัสเซีย (๓.๑๙%)

เป็นที่น่าสังเกตว่ากรีซนำเข้าจากจีนมากเป็นอันดับ ๓ (ไทยอันดับที่ ๓๒) และมีประเทศคู่แข่งของไทยที่สำคัญ ได้แก่ อินเดีย (อันดับที่ ๒๕ สัดส่วน ๐.๗๗) ไต้หวัน (๐.๓๙) อินโดเนเซีย (๐.๒๘) และมาเลเซีย (๐.๒๓)

สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ยา เรือ เครื่องจักร เครื่องเรือจักร เครื่องจักรไฟฟ้า สินแร่และน้ำมัน ยานพาหนะ พลาสติก และเหล็ก

๑๐.๔ สำหรับในเดือนมกราคม ๒๕๕๔ ดุลการค้าของกรีซลดลงเท่ากับ ๑,๒๔๐.๕ ล้านยูโร หรือ ๓๓.๓% (มกราคม ๒๕๕๓ ดุลการค้ามีมูลค่า ๑,๘๕๙.๑ ล้านยูโร) ซึ่งเป็นผลมาจากการมูลค่าการส่งออก (ยกเว้นผลิตภัณฑ์น้ำมัน) ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่มูลค่าการนำเข้า (ยกเว้นผลิตภัณฑ์น้ำมัน) ในเดือนมกราคม ๒๕๕๔ มีมูลค่า ๒,๓๘๑.๕ ล้าน ยูโร ลดลง ๑๔.๒% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม ๒๕๕๓ ที่มีมูลค่า ๒,๗๗๔.๕ ล้านยูโร สำหรับมูลค่าการส่งออก (ยกเว้นผลิตภัณฑ์น้ำมัน) ในเดือนมกราคม ๒๕๕๔ มีมูลค่า ๑,๑๔๐.๙ ล้านยูโร เพิ่มขึ้น ๒๔.๖% เมื่อเทียบกับเดือนมกราคม ๒๕๕๓ ที่มีมูลค่า ๙๑๕.๖ ล้านยูโร

ส่วนธนาคารกรีซได้รายงานว่า ในเดือนมกราคม ๒๕๕๔ กรีซขาดดุลบัญชีการค้าจำนวน ๒.๘ พันล้านยูโร ลดลง ๒๒.๕% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน สะท้อนให้เห็นถึงส่วนต่างอย่างมากของดุลบัญชีการค้าเนื่องจากดุลการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น ๑๘๕ ล้านยูโรซึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้รายงานประจำเดือนของธนาคารกรีซรายงานว่า นักลงทุนต่างชาติยังคงขายตราสารหนี้อย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนแรกของปี ๒๕๕๔ โดยมีเงินทุนไหลออกสุทธิทั้งสิ้น ๑.๑ พันล้านยูโร

ในเดือนมกราคม ๒๕๕๔ ดุลการค้าของกรีซมีมูลค่า ๓๖๕ ล้านยูโร โดยมีการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น (เพิ่มขึ้น ๕๙๘ ล้านยูโร) ในขณะที่การชำระเงินสุทธิในการซื้อเรือลดลง ๓๖ ล้านยูโร การนำเข้าลดลง ๑๐.๙% ในเดือนมกราคม ๒๕๕๔ ในขณะที่การส่งออกเพิ่มขึ้น ๑๔.๑%

๑๑. ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ๒๕๕๔ กรีซส่งออกเพิ่มขึ้น ๓๕% เนื่องจากราคาสินค้าที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก ทำให้ยอดขายของแท่งเหล็ก อลูมิเนียมและทองแดงของกรีซเพิ่มขึ้น ๗๕% ในช่วงเวลามกราคม - พฤศจิกายน ๒๕๕๓ แต่อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์เห็นว่า การส่งออกไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจกรีซเติบโตอย่างแท้จริง อัตราขยายตัวเป็นเพียงผลจากวงจรของสินค้าทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น

เนื่องจากมาตรการเข้มงวดด้านการเงินของสหภาพยุโรปและ IMF ยังคงมีอยู่ การส่งออกจึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะแสดงให้เห็นว่า กรีซจะสามารถสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจเพื่อการชำระหนี้ได้หรือไม่ โดยคาดว่า GDP จะต้องสูงถึง ๑๖๐% เมื่อเงินอุดหนุนครบอายุในปี ๒๕๕๖ อย่างไรก็ดีจากสถิติของธนาคารกลางของกรีซรายงานว่า ในช่วงไตรมาสที่ ๔ ของปี ๒๕๕๓ ยอดขายน้ำมันในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ๙๗% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน แต่เนื่องจากราคาน้ำมันโลกที่สูงขึ้น ส่วนการส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมันเพิ่มขึ้นแค่ ๑.๙% และยอดขายเหล็กก็เพิ่มขึ้นแต่ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในด้านปริมาณ

๑๒. ตัวชี้วัดเศรษฐกิจกรีซ ณ วันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๔

จำนวน % เปลี่ยนแปลง % เปลี่ยนแปลง (ราย) เมื่อเทียบกับเดือน เมื่อเทียบกับช่วง ก่อน/ไตรมาสก่อน เดียวกันปีก่อน ๑. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (มค. ๒๕๕๔) -๘.๔% -๕.๒% ๒. คำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรม (มค. ๒๕๕๔) - +๙.๑% ๓. การบริโภค (ไตรมาสที่ ๔ ปี ๒๕๕๓) - -๖.๗% ๔. ภาวะเงินเฟ้อ (กพ. ๒๕๕๔) -๑.๓% +๔.๔% ๕. อัตราการจ้างงาน (ไตรมาส ๔ ปี ๒๕๕๓) -๒.๔% -๔.๐% (จำนวนคนจ้างงาน) (๔,๒๙๙,๐๔๕ คน) ๖. อัตราการว่างงาน (ไตรมาส ๔ ปี ๒๕๕๓) ๑๔.๒% +๑๔.๕% +๓๘.๔%

(๗๑๒,๐๖๕ คน)

๗. GDP (ไตรมาส ๔ ปี ๒๕๕๓) - -๖.๖% ที่มา : Hellenic statistical Authority

๑๓. จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยเอเธนส์ด้านเศรษฐศาสตร์พบว่า ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตกรีก ๑๖% ค้นหาอสังหาริมทรัพย์ทางออนไลน์ จากการสำรวจชาวกรีกมากกว่า ๑,๑๐๐ คนในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม ๒๕๕๓ พบว่า คนกรีกมากกว่า ๓ ส่วนใช้เวลามากกว่า ๓๐ ชั่วโมงในการท่องอินเตอร์เน็ตต่อสัปดาห์

การซื้อสินค้าออนไลน์ส่วนใหญ่จะซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์และเครื่องเล่น (๖๓%) เครื่องอิเลคทรอนิคส์ (๕๐%) ตั๋วเดินทาง (๔๒%) จองโรงแรม (๓๒%) เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน (๒๖%) เสื้อผ้า/รองเท้า (๒๑%) เครื่องสำอางค์ (๑๐%) โดย ๕๐% ของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตมักทำธุรกรรมทางการเงินโดยประมาณ ๑ ครั้งการซื้อต่อเดือน นอกจากนี้ยังพบว่า การเล่นเกมส์ออนไลน์กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นแม้ว่าจะมีตลาดขนาดเล็กก็ตาม โดยในปี ๒๕๕๓ ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตกรีก ๓๑% เล่นเกมส์ออนไลน์ โดยมีมูลค่าประมาณ ๓๐๐ พันล้านยูโร

๑๔. World Economic Forum รายงานผลการจัดอันดับว่า กรีซเป็นประเทศที่มีสภาพแวดล้อมในการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวมากเป็นอันดับที่ ๒๙ จาก ๑๓๙ ประเทศทั่วโลกในปี ๒๕๕๔ โดยวัดจากตัวชี้วัด ๖๐ ตัวซึ่งรวมถึงกรอบการกำกับดูแล ความปลอดภัย การบริการด้านสุขภาพ ระบบโครงสร้างพื้นฐาน ราคา วัฒนธรรม การคุ้มครองด้านสิ่งแวดล้อม และการขนส่ง ส่วนประเทศที่ติดอันดับต้นๆ ๑๐ อันดับ ได้แก่ สวิสเซอร์แลนด์ ตามด้วยเยอรมัน ฝรั่งเศส ออสเตรีย สวีเดน อังกฤษ สหรัฐอเมริกา แคนาดา สเปน และสิงคโปร์ ส่วนไซปรัสและตุรกีอยู่ในอันดับที่ ๒๔ และ ๕๐ ตามลำดับ จากรายงานแจ้งว่า ภาคการท่องเที่ยวได้เริ่มฟื้นตัวอย่างช้าๆ จากวิกฤตเศรษฐกิจ และส่งผลในทางบวกในอนาคต ดังนั้นจะต้องค้นหาความคิดและนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อความสำเร็จในการเติบโตในอนาคต

๑๕. นาย Pavlos Geroulanos รัฐมนตรีด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวได้เปิดเผยว่า ในปี ๒๕๕๒ มีนักท่องเที่ยวชาวรัสเซีย ๒๕๐,๐๐๐ คนและในปีที่ผ่านมามีจำนวนครึ่งล้านคน และรัฐบาลคาดหวังที่จะเพิ่มจำนวนให้มากขึ้นเนื่องจากผลของการออกวีซ่าที่ง่ายขึ้นและส่งเสริมประชาสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวเชิงรุกในตลาดรัสเซียเพิ่มขึ้น นอกจากนี้กรีซยังมีแผนที่จะเปิดศูนย์วีซ่าในเดือนหน้านี้อีก ๓ เมืองได้แก่ เมือง Kazan, Samarn และ Kraxnajarsk และมีความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวรายใหญ่ในรัสเซียสามารถทำหน้าที่เป็นศูนย์วีซ่าได้ด้วย

๑๖. นาย Andreas Andreadis ประธานสหพันธ์โรงแรมแห่งกรีซ (the Panhellenic Federation of Hotellers) คาดการณ์ว่า การท่องเที่ยวในประเทศจะลดลง ๒๐% เมื่อเทียบกับปี ๒๕๕๓ แต่อย่างไรก็ดีแนวโน้มนี้จะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อตัวเลขการท่องเที่ยวโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ แต่จะมีผลต่อธุรกิจโรงแรมขนาดกลางที่ขึ้นกับการท่องเที่ยวในประเทศ ธุรกิจการให้เช่าห้องพักซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวกรีกส่วนใหญ่มีจำนวน ๔๐,๐๐๐ ราย (๕๐๐.๐๐๐ เตียง) หรือ ๕๐% ของศักยภาพการท่องเที่ยวของประเทศที่มีการจ้างงานกว่า ๑๐๐,๐๐๐ งาน ดังนั้นในปีนี้ถ้าประชาชนรู้สึกหวั่นใจต่อความไม่มั่งคงทางการเงินจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวภายในประเทศ ในปีที่ผ่านมาการท่องเที่ยวภายในประเทศลดลง ๕.๓% ในช่วงฤดูร้อนและลดลง ๑๑.๓% ในช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคม อย่างไรก็ดี ในปี ๒๕๕๒ นักท่องเที่ยวกรีกคือผู้ที่ช่วยเหลืออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศซึ่งช่วยทำให้มีการเข้าพักค้างคืนในโรงแรมและแคปปิ้งเล็กน้อย กล่าวคือในปี ๒๕๕๒ การเข้าพักค้างคืนในโรงแรมและแคปปิ้งขยายตัวเพิ่มขึ้น ๐.๖% โดยนักท่องเที่ยวกรีกเพิ่มขึ้น ๙.๖% และนักท่องเที่ยวต่างชาติลดลง ๒.๗%

๑๗. การค้าไทย-กรีซ

๑๗.๑ ในช่วงสองเดือนแรกของปี ๒๕๕๔ (ม.ค.-ก.พ.) ไทยส่งออกสินค้าไปกรีซทั้งสิ้นมูลค่า ๒๘.๐ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -๒๙.๗๙% ซึ่งส่งออกมูลค่า ๓๙.๙ ล้านเหรียญสหรัฐฯ

สินค้าส่งออกสำคัญ ๕ อันดับแรกได้แก่ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบมูลค่า ๔.๒ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+๑๔๐.๓๑%) เม็ดพลาสติกมูลค่า ๓.๒ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+๓๗๘.๙๕%) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบมูลค่า ๒.๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (-๓๗.๓๕%) รถยนต์อุปกรณ์และและส่วนประกอบมูลค่า ๒.๓ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (-๘๖.๑๒%) และเครื่องนุ่งห่มมูลค่า ๑.๘ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (-๒๐.๗๗%)

สินค้าที่มีการส่งออกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ รถยนต์อุปกรณ์และและส่วนประกอบ (-๘๖.๑๒%) อัญมณีและเครื่องประดับ (-๖๒.๖๕%) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (๓๙.๖๗%) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (-๓๗.๓๕%) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (+๒๔.๑๒%) และเครื่องนุ่งห่ม (-๒๐.๗๗%)

สินค้าที่การส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญได้แก่ รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ (+๑๔๐.๓๑%) เม็ดพลาสติก (+๓๗๘.๙๕%) อาหารสัตว์เลี้ยง (+๑,๗๑๐.๖๕%) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป (+๑๑๖.๖๓%) และด้ายและเส้นใยประดิษฐ์ (+๑๑๕.๗๔%)

๑๗.๒ ในช่วงสองเดือนแรกของปี ๒๕๕๔ (ม.ค. - ก.พ.) ไทยนำเข้าสินค้าจากกรีซทั้งสิ้นมูลค่า ๑๐.๐ ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งนำเข้ามูลค่า ๗.๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น +๓๔.๓๒%

สินค้านำเข้าสำคัญ ๕ อันดับแรกได้แก่ ผัก ผลไม้และของปรุงแต่งที่ทำจากผักผลไม้ มูลค่า ๖.๘ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+๓๒.๔๑%) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบมูลค่า ๑.๑ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+๗.๐๕%) สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ มูลค่า ๐.๗ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+๕๔.๙๓%) เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและทองคำมูลค่า ๐.๓ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+๔๓.๒๙%) และเคมีภัณฑ์มูลค่า ๐.๓ ล้านเหรียญสหรัฐฯ (+๘๒.๘๙%)

สินค้านำเข้าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป (-๘๓.๑๑%) เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ (-๗๐.๙๘%) และสบู่ ผงซักฟอกและเครื่องสำอางค์ (-๕๙.๖๐%)

๑๘. จากรายงานประจำปี ๒๕๕๔ ของ World Bank ได้จัดอันดับประเทศที่ง่ายต่อการจัดตั้งธุรกิจหรือสร้างเคตดิตปรากฎว่ากรีซอยู่ในอันดับที่ ๑๐๙ ซึ่งเป็นประเทศอันดับสุดท้ายในกลุ่มสหภาพยุโรป โดยประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปที่ติด ๒๐ อันดับแรกได้แก่ สหราชอาณาจักร เดนมาร์ก ฟินแลนด์ สวีเดน และเอสโตเนีย ซึ่งประเทศบอสเนียและเซโกวีนาอยู่ในอันดับต่ำกว่ากรีซ และบังคลาเทศและหมู่เกาะมาแชลอยู่ในอันดับที่ดีกว่ากรีซ อย่างไรก็ดี นาย Yiannis Stouranras ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อการวิจัยเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม (the Foundation for Economic and Industrial Research - IOBE) ได้กล่าวว่า ขณะนี้มูลนิธิได้ร่วมมือกับกระทรวงการพัฒนาแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยเริ่มต้นจากการระบุอุปสรรค ๓๐ อย่างที่จะต้องเร่งแก้ไข เช่น ความล่าช้าของระบบราชการและการใช้เวลาบริหารจัดการให้น้อยลง นอกจากนี้ IOBE ยังเสนอให้สร้างกระบวนการที่ง่ายต่อการเริ่มต้นธุรกิจในกรีซโดยจัดให้มีศูนย์บริการแบบ onestop service สำหรับการขออนุญาตและจดทะเบียนที่จำเป็นไว้ด้วยกัน และเจ้าหน้าที่ควรใช้เวลาภายใน ๓ เดือนในการตรวจสอบใบอนุญาตประกอบธุรกิจ พร้อมกันนี้ได้เสนอให้มีการลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการและจัดการให้ตลาดแรงงานมีความยืดหยุ่นกว่านี้จะช่วยแก้ไขปัญหาและสร้างศักยภาพในการแข่งขันให้แก่ประเทศกรีซอีกด้วย

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโรม

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ