คนอินเดียใต้เขาภูมิใจในรัฐทมิฬนาฑูของเขามาก เนื่องจากในอดีตเขามีอาณาจักรของเขาเอง ไม่เกี่ยวกับอาณาจักรอินเดียเหนือเลย บางยุคสมัยยังยิ่งใหญ่กว่าอินเดียเหนือเสียอีก วันนี้พี่จะพาไปเที่ยววัดหินที่ใหญ่ที่สุดในโลก นั้นคือวัดตันจะวูร์
วัดตันจะวูร์ (Thanjavur) หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือวัดบริหดีศวรา (Brihadeeswara) เป็นวัดของมหาเทพศิวะ(บางครั้งเรียกมูลวา)ผู้ยิ่งใหญ่ อยู่ที่เมืองตันจะวูร์ เป็นวัดหินที่สูงที่สุดในโลกด้วยความสูง 60 เมตร ตั้งอยู่ในรัฐทมิฬนาฑู หากเดินทางจากเจนไนด้วยทางหลวงหมายเลข 45 A(NH 45-A) ไปทางใต้จะใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 ชั่วโมง
ลักษณะวัดเป็นพระปรางค์ (แขกเรียกว่าวิมาน หรือวิมานะ) แบบพุทธคยา สลักเสลาเทวรูปมากมายแบ่งเป็นชั้นๆ ไปจนถึงยอดสุดของปรางค์ วิธีการการก่อสร้างเป็นแบบเดียวกับนครวัด กล่าวคือมีการนำก้อนหินแกรนิตมาเรียงกันก่อนที่จะสลักหินเป็นรูปร่าง และเทวรูปต่างๆ ตามที่ต้องการ ต้องยอมรับในความอึดของช่างแกะสลักและสถาปนิคแขกโบราณที่สลักเสลาหินนับแสนก้อนจนกลายเป็นทวยเทพจำนวนมากราวกับมีชีวิตจริงได้อย่างน่าอัศจรรย์ บนยอดสุดของปรางค์จะมีโดมที่เรียกว่า Kalash หรือ Chikharam ทำด้วยแผ่นทองคำครอบเอาไว้กันฝน หินแกรนิตเป็นวัสดุหาได้ง่ายมีอยู่ดาษดื่นทั่วไปในในรัฐทมิฬนาฑูแถมยังเป็นสินค้าส่งออกอีกด้วยนะ
วัดนี้สร้างในปี ค. ศ. 1010 ในรัชสมัยของกษัตริย์ราชราชาโจละที่ 1 แห่งอินเดียใต้ผู้ยิ่งใหญ่ ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดย UNESCO แล้ว
กษัตริย์ราชราชาโจละที่ 1 (ค.ศ. 985-1014)
น้องอาจสงสัยว่าทำไมเขาถึงต้องสร้างวัดใหญ่โตมโหราฬเช่นนี้ เหตุผลมี 2 ประการคือ ประการแรก แน่นอนว่าเพื่อประกาศศักดาของจักรพรรดิราชผู้ขยายดินแดนแห่งอณาจักรของตนไปสุดขอบฟ้า ส่วนเหตุผลที่สองเพื่อเป็นที่ระลึกในการมีชัยเหนืออาณาจักรอีแลม ซึ่งเป็นซื่อเดิมของศรีลังกา นี่อาจเป็นต้นเค้าของชื่อกบถพยัฆทมิฬอีแลมในศรีลังกาก็เป็นได้ ด้านหน้ามีโคนันทิดำทมึนขนาดยักษ์สลักจากหินแท่งเดียวโดยไม่มีรอยต่อยาว 16 ฟุต สูง 13 ฟุตหมอบอยู่ด้านหน้าองค์พระปรางค์ สำหรับห้องโถงด้านในมีศิวลึงค์ใหญ่โอฬารตั้งเด่นเป็นสง่ารอคอยผู้แสวงบุญไปกราบไหว้บูชา
นอกจากเทวรูปของเทพประธานพระศิวะแล้ว เราจะยังได้ชมเทวรูปงามๆ ของเทพอื่นๆ ขนาดใหญ่สูงราว 6 ฟุตอยู่โดยรอบ อาทิเช่น เทพทักษิณามูรติ สุริยเทพ พระจันทร์ (Chandran) รวมทั้งเทพประจำทิศทั้งแปด ประกอบด้วยพระอินทร์ วรุณเทพ อัคณี อัสนี วายุ นิรุต ยามา และกุพิรา
แต่เดิมนั้นวัดนี้ชื่อคือวัดราชราชาสวรัมต ตามชื่อกษัตริย์ผู้สร้าง แต่ต่อมาหลังจากที่ในราชวงศ์โจละได้ล่มสลายลง แล้วในปี ค.ศ. 13 กษัตริย์ในยุคหลังนาม Nayak และกษัตริย์ Marath ได้ซ่อมแซมวัดนี้และได้เปลี่ยนซื่อเป็นวัดบริหดีศวราซึ่งเป็นชื่อในปัจจุบัน
ร้านอาหารส่วนใหญ่ในเมืองนี้จะเป็นอาหารเจ เนื่องจากคนอินเดียเป็นชาวมังสะวิรัติกว่า 60% ก็อร่อยไปอีกแบบ สำหรับอาหารไทยควรลองไปทำตลาดอาหารเจในอินเดียดูบ้างน่าจะติดตลาดไม่ยาก อยากรู้ว่าเจแขกเป็นอย่างไรน้องลองไปชิมแถวหลังวัดแขกสีลมดู มีให้อร่อยหลายร้าน แจ่มอย่าบอกใคร
พี่ขอตัวไปกินเจก่อนนะ
ที่มา: http://www.depthai.go.th