ข้อมูลการตลาดเครื่องประดับเงินในตลาดสหรัฐอเมริกา

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday June 2, 2011 13:52 —กรมส่งเสริมการส่งออก

๑) กุญแจสำคัญที่ไขไปสู่ความสำเร็จ

ในการทำธุรกิจนั้นต้องคำนึงถึงหลักใหญ่ ๔ ข้อ ในการที่จะทำให้ธุรกิจเจริฐเติบโตคือปริมาณในการขายสินค้า ยอดขายเฉลี่ยในการขายของร้านขายปลีก การตั้งราคาสินค้าและยอดขาย/ผลประกอบการ ธุรกิจเครื่องประดับเงินทำได้ ๓ ใน ๔ ปัจจัยจากที่กล่าวมา เครื่องประดับเงินทำให้ร้านค้ามีลูกค้าเข้าร้านมากขึ้นอีกทั้งยังมีลูกค้ากลับมาซื้อใหม่และเป็นสินค้าที่ Margin สูงกว่าเกณฑ์เฉลี่ย

สินค้าเครื่องประดับอัญมณีทำจากเงินในตลาดสหรัฐอเมริกา ในปีที่ผ่านมานั้นได้มีการเจริญเติบโตอย่างมากดูได้จากหลักสำคัญ ๓ อย่างตามที่ได้กล่าวมาแล้วคือการมีร้านจำหน่ายเปิดกิจการจำนวนมาก การจูงใจลูกค้าในการกลับมาใช้บริการใหม่และกำไรที่ได้จากการขายสินค้าที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าธุรกิจอัญมณีนี้มีการเติบโตอยากมากในสหรัฐอเมริกาในปีที่ผ่านมา

ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ รายได้รวมสุทธิ ยอดขายและผลกำไรสูงขึ้น ซึ่งในปัจจุบันมีสินค้าจำนวนไม่กี่ชนิดที่จะมีศักยภาพและโอกาสทางการตลาดมากกว่าสินค้าเครื่องประดับเงิน

ข้อได้เปรียบของสินค้าชนิดนี้ (เครื่องประดับอัญมณีที่ทำจากเงิน)

๑. เครื่องประดับเงินสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าให้ผู้ประกอบการเช่น ลูกค้าเข้าร้านเพิ่มขึ้น ลูกค้าเข้ามาดูสินค้าบ่อยขึ้น ในระยะสั้นเครื่องประดับเงินนี้ทำให้ลูกค้าสนใจเข้ามาเลือกซื้อสินค้าและเป็นโอกาสให้ร้านค้าสามารถขายสินค้าชนิดอื่นๆ ได้อีกด้วย

๒. เครื่องประดับเงินสามารถดึงดูดลูกค้าในกลุ่มอายุที่น้อยกว่าซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อและสามารถซื้อสินค้าราคาแพงขึ้นในอนาคต ลูกค้าส่วนใหญ่จะกลัวที่จะเข้าร้านอัญมณีเพราะเชื่อว่าสินค้าอัญมณีนั้นมีราคาแพงไม่สามารถซื้อได้ เครื่องประดับเงินจึงเป็นสิ่งล่อใจลูกค้าในครั้งแรกสำหรับลูกค้าที่ไม่กล้าเข้าร้านอัญมณี และเครื่องประดับเงินจะเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่มีรายได้น้อยในการเลือกซื้อเครื่องประดับที่เหมาะกับตัวเองอีกด้วย

๓. ในช่วงชีวิตลูกค้าแต่ละคนจะใช้เงินประมาณ ๓๐,๐๐๐ เหรียญสหรัฐ สำหรับสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจ่ายเงินจำนวน ๓๐,๐๐๐ เหรียญ ในการซื้อเครื่องประดับแต่หมายถึงการทำให้ลูกค้าตระหนักว่าเครื่องประดับเป็นสิ่งที่มีมูลค่าเพิ่มในอนาคต จากลูกค้าคนหนึ่งก็จะมีทั้งเพื่อน ครอบครัวและเพื่อนร่วมงานของลูกค้ามาเป็นลูกค้าของตนได้แทนที่จะเลือกคู่แข่ง

๒) ราคาเงินที่เพิ่มสูงขึ้น แต่ธุรกิจยังไปได้โลด

ราคาเงินและทองได้ปรับตัวสูงขึ้น จากการสำรวจของNational Jewelry ในวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๔ กับร้านข้ายปลีกในสหรัฐอเมริกานั้น ยอดขายสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่ทำด้วยเงินในสหรัฐปรากฎว่าราคาเงินต่อออนซ์ ได้ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ ๔๘ เหรียญสหรัฐ เป็นราคาเงินที่สูงสุดนับตั้งแต่ปี ๒๕๒๓

Ms. Chrysa Cohen เจ้าของบริษัท Continental Jewelers ในเมือง Wilmington รัฐเดลาแวร์ ได้กล่าวถึงกลุ่มลูกค้าอัญมณีที่เป็นอนุรักษ์นิยมว่า “ประชาชนกำลังเสี่ยงลงทุนกับสินค้าเงินและกำลังมองหาสินค้าอัญมณีที่มีชิ้นใหญ่ขึ้นด้วย” Ms. Chrysa ให้ข้อสังเกตุว่าผู้ขายสินค้าเครื่องประดับในขณะนี้มักจะแนะนำให้ลูกค้าสนุกกับการแต่งตัวโดยการเลือกซื้อเครื่องประดับที่มีขนาดใหญ่และกล่าวอีกว่า“ราคาเงินที่สูงขึ้นแต่รายได้เท่าเดิมนี้ ทำให้ผู้บริโภคสินค้าอัญมณีใช้จ่ายในจำนวนเท่าเดิมแต่ชอบสินค้าที่มีการออกแบบที่ความแตกต่างไปจากเดิม”

Mr. Dan Cirrincione เจ้าของบริษัท Majestic Jewelers ในเมือง Winter Park รัฐฟลอริดา ได้กล่าวว่าร้านอัญมณีของเขาต้องการที่จะขายเครื่องประดับเงินให้กับลูกค้าเพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่กังวลกับราคาทองคำที่เพิ่มสูงขึ้น

Ms. Cathy Graves เจ้าของบริษัท Ellis Jewelers ในเมือง Frankfort รัฐอินเดียน่า มีความเห็นคล้ายกับ Mr. Dan ว่าในปีที่ผ่านมาได้ขายสินค้าอัญมณีเครื่องเงินได้เป็นจำนวนมากและกล่าวว่า “ตั้งแต่ราคาทองที่เพิ่มสูงขึ้นมีผลทำให้ราคาเงินมีราคาเพิ่มสูงขึ้นด้วย”

บริษัทต่างๆ เช่น Dodda Boston, Trollbeads and Silver Elegance, Graves Express เริ่มกังวลกับราคาเงินที่เพิ่มสูงขึ้น เพราะประชาชนส่วนใหญ่คิดว่าเครื่องประดับเงินเป็นสินค้าที่มีราคาไม่แพง แต่ความเป็นจริงแล้วราคาเครื่องประดับเงินมีราคาแพงขึ้นซึ่งในราคานี้เมื่อ ๕-๑๐ปีก่อน สามารถซื้อเครื่องประดับทองได้เลย

การที่ตลาดสินค้าอัญมณีเครื่องประดับที่ทำด้วยเงินเริ่มขยายตัวทำให้อัญมณีเครื่องประดับชนิดต่างๆ ขายดีไปด้วย เช่น ทอง แพลเลเดียม รวมถึงเครื่องประดับราคาแพงเช่นนาฬิกา Rolex

จากการสำรวจจาก Silver Promotion Service (SPS) ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ๘๗ เปอร์เซ็นต์ ของร้านขายอัญมณีมียอดขายเครื่องประดับเงินที่เพิ่มขึ้นจากปี ๒๕๕๓ และอัตราการเติบโตยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและคาดว่ายอดขายจะสูงขึ้นอีกในปี ๒๕๕๔

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ