ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2554 การจับจ่ายใช้สอยของคนฮังการีมีการขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหมายถึงสัญญาณของการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจ นักวิเคราะห์และบริษัทด้านการวิจัยมีมุมมองที่ดีว่า ความต้องการภายในประเทศกำลังจะเพิ่มขึ้นในอนาคต แม้ว่าอัตราการเติบโตจะเป็นไปอย่างช้าๆ แต่จะเป็นอัตราขยายตัวที่คงที่ในปี 2554 การบริโภคของประชากรฮังการีเริ่มมีการขยับตัว ในเดือนมกราคมเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 และกุมภาพันธ์ร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ยอดขายของธุรกิจค้าปลีกซึ่งตกต่ำลงตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา และได้รับผลกระทบที่หนักสุดเมื่อปริมาณคนว่างงานเพิ่มมากขึ้น ในช่วงก่อน 45 เดือนที่ผ่านมา มีเพียง 3 เดือน (กรกฏาคม สิงหาคม และกันยายน)ในปี 2553 เท่านั้นที่การใช้จ่ายของคนฮังการีไม่ลดลง แม้ว่าช่วงฤดูร้อนดูจะมีความหวัง แต่ในไตรมาสสุดท้ายที่เป็นช่วงการจับจ่ายของเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งปกติสร้างยอดขายเป็น 3 เท่าของยอดขายประจำปี สามารถทำยอดขายได้เพียงเกือบ 2,000 พันล้านโฟรินท์เท่านั้น น้อยกว่าปี 2552 ร้อยละ 0.7
ในปี 2553 การใช้จ่ายสินค้าที่ไม่ใช่อาหารมีปริมาณมากกว่าปี 2552 (ประชาชนต้องรัดเข็มขัดกันอย่างหนัก แม้กระทั่งการซื้ออาหารเพื่อบริโภค) ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2554 การใช้จ่ายสินค้าอุตสาหกรรม เสื้อผ้า เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ก่อสร้าง และผลิตภัณฑ์ยาเพิ่มมากขึ้น 0.6% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการภายในประเทศ ที่กำลังมีการเคลื่อนไหว และเริ่มมั่นคงขึ้นอย่างช้าๆ
“Katalin Gillemot” external communication director ของไฮเปอร์มาร์เก็ตเครือ Auchan กล่าวว่า ธุรกิจค้าปลีกบางประเภทยังรู้สึกว่าเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น แต่สินค้าที่ไม่ใช่อาหาร (non-food) เริ่มปรับตัวดีขึ้น แม้ว่ายอดขายจะไม่เท่ากับช่วงก่อนเกิดวิกฤตก็ตาม ในส่วนของสินค้าอาหารก็มีการปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน แต่มีอัตราที่ไม่รวดเร็วนัก ส่วนหนึ่งมาจากกลยุทธ์การลดราคาสินค้าของบริษัท และการที่ครัวเรือนฮังการีต้องแบกรับภาระการปรับขึ้นราคาค่าพลังงาน และน้ำมันที่สูงขึ้น ย่อมส่งผลต่อความต้องการบริโภคสินค้าภายในประเทศด้วยเช่นกัน ในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย มีสัญญาณที่แสดงให้เห็นถึงความต้องการใช้จ่ายเงินเพิ่มมากขึ้น จากปริมาณการขอใช้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ (Mobile internet)
การบริการอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ เป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่ผ่านมา ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2554 มีผู้ขอใช้บริการถึง 72,000 รายคิดเป็นจำนวน 3 เท่าเมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปี 2552 การให้บริการในด้านนี้ นับว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อธุรกิจมือถือ ซึ่งกำลังประสบปัญหาภาวะการอิ่มตัวของตลาดในปัจจุบัน
ในขณะที่อุตสาหกรรมการผลิตเริ่มฟื้นตัวจากภาวะวิกฤต โดยมีผลทั้งหมดจากการเพิ่มปริมาณการบริโภคในประเทศเยอรมนี ซึ่งเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญที่สุดของฮังการี ดังนั้น คำถามที่กำลังรอคำตอบคือ “ความต้องการภายในประเทศจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้เมื่อไรและอย่างไร”
ในปี 2553 การผลิตเพื่อส่งออกมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ด้วยตัวเลขสองหลักอย่างต่อเนื่องในทุกๆเดือน (เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2552) ส่งผลให้ GDP มีการเติบโตที่ร้อยละ 1.1 อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของอุตสาหกรรมการผลิตบรรลุผลเพียงร้อยละ 3.7 ของการจ้างงานรายหัว หรือเพียง 21,000 ตำแหน่งเท่านั้น ส่งผลให้อัตราคนว่างงานยังคงสูงที่สุดถึงร้อยละ 11.5 ในต้นปี 2554
การจ้างงาน คือองค์ประกอบหลักของการเพิ่มปริมาณการบริโภค และการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตามการวิเคราะห์ของ Zoltan Arokszallasi (นักวิเคราะห์ของธนาคาร Erste ฮังการี) การเติบโตจะเป็นไปอย่างช้าๆ ปริมาณความต้องการภายในประเทศจะยังไม่สามารถไต่ระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดวิกฤตในปี 2551 ความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้นเร็วที่สุดคือภายในปี 2556-2557 ตราบใดที่อัตราคนว่างงานในปี 2554 ยังไม่ลดต่ำกว่า 10% การขยายตัวของความต้องการภายในประเทศจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2554 จำนวนงานในฮังการีเพิ่มขึ้น 0.6% ลดลงจากปีที่แล้วซึ่งมีการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 1.5 ธุรกิจในสาขาที่ต้องขึ้นอยู่กับความต้องการภายในประเทศเป็นหลัก หรือเพียงบางส่วน มีมุมมองที่ดีในเทอมของการจ้างงาน เช่น โรงแรมและร้านอาหาร (การให้บริการที่พักและอาหารที่มีลูกจ้างมากกว่า 5 คน) จ้างพนักงานเพิ่มในอัตราร้อยละ 4.6 ระหว่างเดือนธันวาคมปลายปีที่แล้วจนถึงกุมภาพันธ์ในปีนี้ ขณะที่บริษัททางด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม รับพนักงานใหม่ 12,000 ตำแหน่ง คิดเป็นการขยายตัวที่ร้อยละ 7.7
ในปี 2553 รายได้สุทธิของพนักงานในบางสาขามีการปรับตัวสูงขึ้น พนักงาน Full-time ได้รับเงินมากกว่าปี 2552 ร้อยละ 5.8 และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นร้อยละ 7.7 ในเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ในปีนี้ ซึ่งสืบเนื่องมาจากการเริ่มใช้ภาษีอัตราเดียว 16% (flat tax rate) ซึ่งมีผลต่อการปรับลดภาษีของบุคคลที่มีรายได้สูง นอกจากนั้น ค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานของบริษัทต่างๆ ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน 0.2% เมื่อเทียบกับปี 2552 และเพิ่มขึ้นที่ 4.1% เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
ในกรณีของผู้ที่กู้เงินในสกุลเงินต่างประเทศ การได้รับเงินมากขึ้นอาจหมายถึงการมีเงินสำหรับใช้จ่ายน้อยลงได้เช่นกัน ตราบใดที่งบประมาณของครัวเรือนยังถูกรบกวนด้วยค่างวดที่ต้องผ่อนส่งรายเดือน ในปริมาณที่สูงกว่าตอนเริ่มทำสัญญาถึงร้อยละ 30 หรือ 40 ศักยภาพการใช้จ่ายของผู้บริโภค จะไม่มีทางขยายตัวอย่างแน่นอน ปัญหาดังกล่าวจะยังคงมีต่อไปในช่วงปีข้างหน้า แต่จะลดความรุนแรงลง
ความสมัครใจในการใช้เงิน คืออุปสรรคขั้นต่อไปของการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ Zolt?n ?roksz?ll?si คิดว่ายังรวดเร็วเกินไปที่จะมองในแง่ดีเกี่ยวกับความต้องการในประเทศและการจ้างงาน การเลือกใช้ภาษีรายได้ส่วนบุคคลแบบอัตราเดียว 16% ยังไม่สามารถกระตุ้น domestic demand ในระยะเวลาอันรวดเร็วได้ เพราะรายรับที่เพิ่มเติมจะถูกสะสมในรูปของเงินออมมากกว่าใช้จ่าย อย่างไรก็ตามในระยะกลาง น่าจะมีผลกระทบในเชิงบวก โดยปี 2555-2557 จำนวนเงินที่เพิ่มขึ้นของรายได้ จะถูกนำมาเป็นค่าใช้จ่ายของครัวเรือน ถึงแม้ว่าทัศนคติของการประหยัดและอดออมยังคงส่งผลอย่างต่อเนื่องก็ตาม
การส่งออกยังคงเป็นแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจฮังการี แผนพัฒนาเศรษฐกิจ Sz?ll K?lm?n มีผลต่อการถดถอยของความต้องการภายในประเทศในช่วงระยะสั้นเช่นกัน โดยภาพรวมแล้วปัจจุบัน domestic demand เริ่มมีการขยับตัว และเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างช้าๆ จะสามารถเข้าสู่ระดับการเติบโตอย่างสมบูรณ์ได้ในอีกระยะเวลา 1- 2 ปีข้างหน้า
ที่มา: หนังสือพิมพ์ Budapest Business Journal ฉบับวันที่ 6-19 พฤษภาคม 2554
สคร. ณ กรุงบูดาเปสต์
ที่มา: http://www.depthai.go.th