สถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าระหว่างวันที่ ๑๖-๓๐ เมษายน ๒๕๕๔

ข่าวเศรษฐกิจ Monday June 27, 2011 13:58 —กรมส่งเสริมการส่งออก

๑. ภาวะเศรษฐกิจและการค้าในช่วง ๒ สัปดาห์หลังของเดือนเมษายน ๒๕๕๔ ยังทรงตัว โดยมีภาวะเงินเฟ์อเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก อัตราการว่างงานยังคงมีอยู่ ในขณะที่อัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ทั้งนี้ ISTAT ได้รายงานภาวะเศรษฐกิจอิตาลี ดังนี้

๑.๑ อัตราการจ้างงานและอัตราการว่างงาน ในเดือนมีนาคม ๒๕๕๔ อัตราการจ้างงานเพิ่มขึ้น +๐.๕% ในขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มสูงขึ้น ๘.๓% เช่นกัน โดยเฉพาะการว่างงานในคนหนุ่มสาวที่เพิ่มสูงขึ้นเป็น ๒๘.๖% ของกำลังแรงงาน (+๑.๓%)

๑.๒ ค่าจ้างรายชั่วโมง ในเดือนมีนาคม ๒๕๕๔ เพิ่มขึ้น ๒% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน แต่น้อยกว่าอัตราเงินเฟ์อที่เพิ่มขึ้น ๒.๕%

๑.๓ ราคาผู้ผลิต (producer prices) ในเดือนมีนาคม ๒๕๕๔ เพิ่มขึ้น ๕.๗% จากเดือนเดียวกันปีก่อน สูงสุดนับแต่เดือนกันยายน ๒๕๕๑

๑.๔ อัตราเงินเฟ์อ ในเดือนเมษายน ๒๕๕๔ เท่ากับ ๒.๖% เพิ่มขึ้นจากเดือนมีนาคม ๒๕๕๔ ที่เท่ากับ ๒.๕% สูงสุดนับแต่เดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๓ และขยับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภครายเดือนเพิ่มขึ้น ๐.๕% ซึ่งเป็นผลจาการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน และพลังงานเชื้อเพลิง ค่าขนส่ง

๑.๕ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในเดือนเมษายน ๒๕๕๔ ลดลงเหลือ ๑๐๓.๗ จุดจากเดือนมีนาคม ๒๕๕๔ ที่เท่ากับ ๑๐๕.๑ จุด ซึ่งเป็นผลจากการลดลงลงอย่างมากของตัวชี้วัดด้านความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในอนาคต (ลดลงจาก ๙๓.๗ จุด เหลือ ๙๐.๑จุด) ในขณะที่ตัวชี้วัดต่อสถานะเศรษฐกิจปัจจุบันเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก ๑๑๓.๙ จุด เป็น๑๑๔.๔ จุด

๒. IMF ได้คาดการณ์สถานการณ์เศรษฐกิจอิตาลี ดังนี้

๒.๑ การใช้จ่ายสาธารณะ ในปี ๒๕๕๔ จะลดลงเหลือ ๔๙.๘% ของ GDP ซึ่งนับเป็นครั้งแรก (ปี ๒๕๕๓ เท่ากับ ๕๐.๕% ของ GDP) และคาดว่าจะลดลงอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปี ๒๕๕๙ ซึ่งคาดว่าจะมีการใช้จ่ายสาธารณะเพียง ๔๗.๙%

๒.๒ การขาดดุลงบประมาณ ในปี ๒๕๕๔ คาดว่าอิตาลีจะขาดดุลงบประมาณ ๔.๓% ของ GDP และถือว่าเป็นประเทศหนึ่งในกลุ่ม G7 ที่มีความสามารถทางเศรษฐกิจโดยขาดดุลงบประมาณน้อยที่สุด (ยกเว้นเยอรมันที่คาดว่าจะเกินดุล ๒.๓%) ส่วนประเทศอื่นๆ ได้แก่ ฝรั่งเศส จะขาดดุล ๕.๘% แคนาดา ๔.๖% สหราชอาณาจักร ๘.๖% สหรัฐฯ ๑๐.๖% และญีปุ่น ๑๐%

อย่างไรก็ดี IMF คาดว่า อิตาลีจะมีการเกินดุลเบื้องต้น(Primary Surplus) คือ ๐.๒% ของ GDP ในปี ๒๕๕๔, ๑.๒% ในปี ๒๕๕๕ และ ๒.๔% ในปี ๒๕๕๖

๒.๓ แนวโน้มการขาดดุลงบประมาณของประเทศกลุ่ม G7 ระหว่างปี ๒๕๕๔-๒๕๕๙

        ประเทศ         ปี ๕๔       ปี ๕๕       ปี ๕๖      ปี ๕๗       ปี ๕๘      ปี ๕๙
๑.อิตาลี               -๔.๓๐%     -๓.๕๐%     -๓.๓๐%    -๓.๒๐%     -๓.๑๐%    -๒.๙๐%
๒.ญี่ปุ่น               -๑๐.๐๐%     -๘.๔๐%     -๗.๘๐%    -๗.๔๐%     -๗.๔๐%    -๗.๔๐%
๓.สหราชอาณาจักร       -๘.๖๐%     -๖.๙๐%     -๕.๐๐%    -๓.๔๐%     -๒.๓๐%    -๑.๓๐%
๔.สหรัฐอเมริกา        -๑๐.๖๐%     -๗.๕๐%     -๕.๗๐%    -๕.๒๐%     -๕.๕๐%    -๖.๐๐%
๕.ฝรั่งเศส             -๕.๘๐%     -๔.๙๐%     -๔.๐๐%    -๓.๐๐%     -๒.๒๐%    -๑.๕๐%
๖.เยอรมัน              ๒.๓๐%     -๑.๕๐%     -๑.๐๐%    -๐.๔๐%     -๐.๑๐%    ๐.๐๐%
๗.แคนาดา             -๔.๖๐%     -๒.๘๐%     -๑.๖๐%    -๐.๗๐%     -๐.๒๐%    ๐.๐๐%
หมายเหตุ: หน่วย % ของ GDP

๓. ISTAT ได้รายงานว่ายอดจำหน่ายปลีกในเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ชะลอตัวโดยอัตราขยายตัวลดลง ๑.๒% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน และขยายตัว ๐.๑ % เมื่อเทียบกับเดือนก่อน โดยยอดจำหน่ายสินค้าอาหารขยายตัว +๐.๓% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน และ +๐.๒% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และยอดจำหน่ายสินค้าไม่ใช่อาหารขยายตัว +๐.๑% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน และไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม ๒๕๕๓

  • สินค้าที่มียอดจำหน่ายปลีกเพิ่มขึ้นได้แก่ ยา และผลิตภัณฑ์ (+๑.๔%) สินค้าที่มียอดจำหน่ายปลีกลดลงได้แก่ เครื่องอุปกรณ์ และดนตรี เครื่องใช้ไฟฟ์าในบ้านและทีวี (-๑.๙%) โดยการขายปลีกในห้าง Outlet ขนาดใหญ่ลดลง ๒.๒% ส่วนการขายในซุปเปอร์มาเกตที่ขายอาหารแบบลดราคาเพิ่มขึ้น ๑.๕%
  • หน่วยงาน Adusbef และ Federconsumatori ซึ่งเป็นหน่วยงานคุ้มครองสิทธิ์ผู้บริโภคได้กล่าวว่า การลดลงของยอดจำหน่ายปลีกนับเป็นอุปสรรคอย่างมากต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และเห็นว่าเศรษฐกิจอิตาลีจะสามารถฟื้นตัวโดยการกระตุ้นความต้องการบริโภคภายในประเทศให้มากขึ้น ด้วยวิธีการลดการเก็บภาษีด้านค่าครองชีพและภาษีรายได้ของประชาชน
  • สมาพันธ์ผู้จำหน่ายปลีกแห่งอิตาลี (Confcommercio) มีความเห็นเช่นเดียวกันว่า สถานการณ์ค้าปลีกในอิตาลียังคงไม่สดใส ซึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัวจากความต้องการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่อ่อนแอ และการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างช้าๆ ซึ่งเป็นผลจากผู้ประกอบการส่งออก ที่มีสถานะดีกว่า ในขณะที่ตลาดภายในประเทศค่อนข้างย่ำแย่

๔. ธนาคารแห่งอิตาลีได้เปิดเผยว่าอิตาลีเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีขึ้นจากภาวะถดถอยได้ค่อนข้างช้ากว่าประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปอื่นๆ เนื่องจากปัญหาด้านโครงสร้างที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น การมีอัตราภาษีสูง การลงทุนที่ไม่มีประสิทธิภาพ และสังคมประชากรสูงอายุ

ทั้งนี้ ธนาคารแห่งอิตาลีได้ประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี ๒๕๕๔ โดยปรับลดจากเดิมที่เคยประมาณการไว้ที่ ๑.๓% เป็น ๑.๑% และคาดว่าในปี ๒๕๕๕ เศรษฐกิจจะยังคงขยายตัวเพียงเล็กน้อยเช่นกัน

๕. กระทรวงการคลังอิตาลีได้รายงานว่า ในเดือนเมษายน ๒๕๕๔ ความต้องการกู้ยืมภาคสาธารณะ (Public sector) มีจำนวน ๘.๘ พันล้านยูโร ซึ่งน้อยกว่าความต้องการกู้ยืมในช่วงเดือนเดียวกันปีก่อน ๖ พันล้านยูโร และในช่วง ๔ เดือนแรก (มกราคม - เมษายน) ของปี ๒๕๕๔ มีจำนวน ๔๐.๑ พันล้านยูโร น้อยกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน ๑.๙ พันล้านยูโร

๖. ธนาคารแห่งอิตาลีได้เปิดเผยผลการสำรวจว่าในไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๔ ธนาคารในอิตาลีได้เข้มงวดในการให้กู้ยืมแก่ภาคครอบครัว และผู้ประกอบธุรกิจมากขึ้น โดยกำหนดเงื่อนไขในการให้กู้ยืมที่เป็นข้อจำกัดมากขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่าในช่วง ๓ เดือนข้างหน้าการขอกู้เงินของผู้ประกอบธุรกิจจะเพิ่มขึ้น ในขณะที่การขอกู้เงินเพื่อซื้อบ้านภาคครอบครัวและสินเชื่อผู้บริโภคจะคงที่ โดยความต้องการกู้ยืมของผู้ประกอบการธุรกิจ จะถูกขับเคลื่อนโดยการปรับโครงสร้างหนี้ และความจำเป็นในการจัดหาแหล่งเงิน เพื่อชำระค่าวัสดุ และการลงทุนด้านการเงิน

๗. บริษัท Lactalis ซึ่งเป็นบริษัทนมรายใหญ่ของฝรั่งเศส ได้ยื่นข้อเสนอซื้อหุ้นมูลค่า ๓.๔ พันล้านยูโร จากบริษัท Pamalat ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้ผลิตนมชั้นนำของอิตาลี และประสบภาวะล้มละลายเมื่อเมื่อธค.๒๕๔๖ โดยมีหนี้สิน ๑๔.๕ พันล้านยูโร และก่อนหน้านี้ Lactalis ได้ถือหุ้น ๒๙% ในบริษัท Parmalat อยู่แล้ว หากผลการเจรจาเป็นที่ตกลง บริษัท Lactalis จะกลายเป็นผู้ผลิตนมรายใหญ่ที่สุดในโลกที่มีมูลค่าการค้ารวมถึงปีละ ๑๔ พันล้านยูโร ทั้งนี้บริษัท Lactalis แจ้งว่าเพี่อประหยัดต้นทุนบริษัทอาจควบรวมกิจการในฝรั่งเศสและสเปนเข้าด้วยกัน โดยยังคงชื่อบริษัทและแบรนด์ Parmalat อิตาลีไว้

อย่างไรก็ดี รัฐบาลอิตาลีและสหภาพการค้า (TradeUnion) มีปฏิกิริยาต่อเรื่องนี้อย่างมาก โดยรัฐบาลได้ออกพระราชกฤษฎีกามอบอำนาจให้ The State's Cassa Depositi e prestiti (CDP) เข้าร่วมลงทุนในบริษัท Parmalat ซึ่งเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของอิตาลีในโลก รวมทั้งอุตสาหกรรมอาหาร ยังถือเป็นยุทธศาสตร์ของประเทศอิตาลีด้วย

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโรม

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ