สถานการณ์การค้าของไทย-อิตาลี
เดือนพฤษภาคม 2554 ไทยมีมูลค่าการค้ารวม 405.7 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.3 เทียบกับเดือนพฤษภาคม 2553) โดยขาดดุลการค้า 19.4 ล้านเหรียญสหรัฐ
ระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2554 ไทยมีมูลค่าการค้ารวม 1,716.6 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.3 เทียบกับเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2553) โดยได้ดุลการค้า 40.6 ล้านเหรียญสหรัฐ
เดือนพฤษภาคม 2554 ไทยส่งออกมายังตลาดอิตาลีคิดเป็นมูลค่า 193.13 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.1 เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยปกติจะพบว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยไปยังอิตาลีมีลักษณะแนวโน้มคล้าย ๆ กันในแต่ละปี โดยเดือนที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุดคือ เดือนพฤษภาคมและจะค่อย ๆ ลดลงในช่วงเดือนมิถุนายนเป็นต้นไปและจะกลับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงเดือนกันยายนและลดลงในช่วงพฤศจิกายนและเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมอีกครั้ง
สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย 5 อันดับแรกในเดือนพฤษภาคม เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ (สัดส่วน 19.9%) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (สัดส่วน 9.6%) ยางพารา (สัดส่วน 8.0%) ปลาหมึกสดแช่เย็น แช่แข็ง (สัดส่วน 6.5%) และผลิตภัณฑ์ยาง (สัดส่วน 4.7%) เป็นต้น
โดยสินค้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนพฤษภาคม เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ได้แก่ เม็ดพลาสติก (+185.9%) ผลิตภัณฑ์ยาง (+115.9%) เฟอร์นิเจอร์และชิ้นส่วน (+98.4%) เครื่องนุ่งห่ม (+85.8%) และผลไม้กระป๋องและแปรรูป (+81.4%) เป็นต้น
ส่วนสินค้าที่มีการขยายตัวลดลง ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-65.2%) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล (-40.9%) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (-26.9%) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (-18.4%) และเครื่องโทรสาร โทรศัพท์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-14.7%) เป็นต้น
ระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม 2554 ไทยส่งออกมายังตลาดอิตาลีคิดเป็นมูลค่า 878.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.5 เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2553
สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย 5 อันดับแรก เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ (สัดส่วน 11.9%) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (สัดส่วน 10.3%) ยางพารา (สัดส่วน 10.2%) ปลาหมึกสดแช่เย็น แช่แข็ง (สัดส่วน 6.2%) และผลิตภัณฑ์ยาง (สัดส่วน 4.4%) เป็นต้น
โดยสินค้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวของปีก่อนหน้า ได้แก่ ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์ (+135.6%) รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ (+116.9%) เม็ดพลาสติก (+39.9%) ยางพารา (+80.9%) และสิ่งทออื่น ๆ (+62.2%) เป็นต้น ส่วนสินค้าที่มีการขยายตัวลดลง ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-32.7%) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล (-10.3%) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (-7.7%) ผ้าผืน (-5.3%) และอัญมณีและเครื่องประดับ (-2.1%) เป็นต้น
เดือนพฤษภาคม 2554 ไทยนำเข้าจากอิตาลีคิดเป็นมูลค่า 212.53 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ68.8 เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งไทยมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น 86.61 ล้านเหรียญสหรัฐเทียบกับการนำเข้าเดือนพฤษภาคม 2553 โดยปกติจะพบว่าไทยนำเข้าสินค้าจากอิตาลีมีลักษณะแนวโน้มคล้าย ๆ กันในแต่ละปี โดยเดือนที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงสุดคือ เดือนมีนาคมและจะค่อย ๆ ลดลงในช่วงเดือนเมษายนเป็นต้นไปและกลับมีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคมและพฤศจิกายนของทุกปี
สินค้านำเข้าที่สำคัญจากอิตาลี ได้แก่ ผลิตภัณฑ์โลหะ (สัดส่วน 26.9%) เครื่องจักรและส่วนประกอบ (สัดส่วน 21.8%) เคมีภัณฑ์ (สัดส่วน 7.7%) สินค้าทุนอื่น ๆ (สัดส่วน 4.2%) และเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ (สัดส่วน 3.8%) เป็นต้น
โดยสินค้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากเดือนพฤษภาคม เทียบกับปีก่อนหน้า ได้แก่ เสื้อผ้าสำเร็จรูป (+1,167.1%) ผลิตภัณฑ์โลหะ (+767.4%) วัสดุทำจากยาง (+213.6%) เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (+124.8%) และสินค้าทุนอื่น ๆ (+102.8%) เป็นต้น ส่วนสินค้าที่มีการขยายตัวลดลง เช่น สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ (-32.6%) สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ (-6.7%) และผ้าผืน (-1.9%) เป็นต้น
เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2554 ไทยนำเข้าจากอิตาลีคิดเป็นมูลค่า 838 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.4 เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันปี 2553
สินค้านำเข้าที่สำคัญจากอิตาลี ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (สัดส่วน 23.9%) ผลิตภัณฑ์โลหะ (สัดส่วน 12.0%) เคมีภัณฑ์ (สัดส่วน 9.0%) ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม (สัดส่วน 4.9%) และเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ (สัดส่วน 4.6%) เป็นต้น
โดยสินค้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากระหว่างเดือนมกราคม-พฤษภาคม เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวของปีก่อนหน้า ได้แก่ กาแฟ ชา เครื่องเทศ (+2,266.8%) ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ (+243.7%) ผลิตภัณฑ์โลหะ (+222.5%) เคมีภัณฑ์ (+78.8%) และผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก (+50.7%) เป็นต้น ส่วนสินค้าที่มีการขยายตัวลดลง เช่น สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ (-31.6%) เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ (-12.7%) และเครื่องจักรไฟฟ้าในบ้าน (-11.6%) เป็นต้น
1. อัญมณีและเครื่องประดับ การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทยในเดือนพฤษภาคม มีอัตราการขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 459.4 เทียบจากเดือนก่อนนหน้า จากที่มีอัตราการขยายตัวลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน 54 สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับถือเป็นสินค้าส่งออกอันดับต้น ๆ ของไทยที่ยังคงครองตลาดอิตาลีมาโดยตลอด และคาดว่าในครึ่งปีหลังอิตาลีจะนำเข้าเครื่องประดับเงินเพิ่มมากขึ้น
2. เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ไทยส่งออกสินค้าเครื่อง ปรับอากาศและส่วนประกอบมีมูลค่าเพิ่มสูงกว่าช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยครึ่งปีหลังนี้คาดว่าอิตาลีอาจมีการนำเข้าเครื่องปรับอากาศฯ เพิ่มขึ้นเพื่อจำหน่ายในช่วงฤดูร้อนที่จะมาถึง
3. ยางพารา ในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ ไทยส่งออกสินค้ายางพาราซึ่งมีอัตราขยายตัวสูงถึงร้อยละ 118.6 เทียบจากช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งสินค้ายางพารายังคงเป็นสินค้าส่งออกอันดับต้นของไทยโดยเฉพาะยางรถยนต์และถุงมือยางซึ่งเป็นสินค้าที่มีความต้องการใช้เป็นอย่างมากในตลาดอิตาลี
4. ปลาหมึกสด แช่แข็งแช่เย็น การส่งออกปลาหมึกสด แช่แข็ง แช่เย็นไทยมีอัตราเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2554 โดยครึ่งปีหลังของปี 2554 คาดว่าไทยจะสามารถส่งสินค้าได้ตามความต้องการของตลาดอิตาลี
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองมิลาน
ที่มา: http://www.depthai.go.th