กัมพูชาและเวียดนาม แนบแน่นและเนียน...ทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ

สำนักงานสถิติ กระทรวงพาณิชย์กัมพูชา เปิดเผยตัวเลขการค้าระหว่างกัมพูชาและเวียดนามว่าในปี 2553 มีมูลค่า 1.83 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แยกเป็นกัมพูชาส่งออกไปเวียดนาม 227 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และกัมพูชานำเข้าจากเวียดนาม 1.55 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ 3 เดือนแรกของปี 2554 กัมพูชาส่งออกไปเวียดนาม 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มจากระยะเดียวกันของปีก่อนที่ส่งออก 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มร้อยละ 76 และกัมพูชานำเข้าจากเวียดนาม 295 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มจากระยะเดียวกันของปีก่อนที่นำเข้า 231 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มร้อยละ 25 สินค้าส่งออกของกัมพูชาไปเวียดนาม ได้แก่ ยางพารา มันสำปะหลัง ถั่วเหลือง และเสื้อผ้า เป็นต้น

สินค้าที่กัมพูชานำเข้าจากเวียดนามได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง อะไหล่รถจักรยาน รถจักยานยนต์ ผ้า อะลูมิเนียม เครื่องจักร เสื้อผ้า และสินค้าอุปโภค บริโภค เป็นต้น

ด้านการลงทุน ชาวเวียดนามได้ลงทุนในกัมพูชาไปแล้วมากกว่า 2,000 ล้านดอลลาร์ ในหลายภาคส่วน ทั้งการโทรคมนาคม การบิน ธนาคารและการเงิน ทรัพยากรแร่ และการทำสวนยาง ขณะที่กัมพูชาลงทุนในเวียดนามเป็นมูลค่า 51 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้เวียดนามยังเป็นประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวกัมพูชามากที่สุดเป็นอันดับที่ 1 อีกด้วย

จีนเข้าลงทุนในกัมพูชาเป็นมูลค่ารวม 8,800 ล้านดอลลาร์ (จีนเป็นประเทศผู้บริจาคอันดับ 1 ด้านการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานแก่กัมพูชา) การลงทุนของจีนในกัมพูช ได้แก่โครงการเขื่อนไฟฟ้า แหล่งแร่ อุตสาหกรรมสิ่งทอ การเงินและธนาคาร การท่องเที่ยว และการเกษตร

นักลงทุนต่างชาติรองจากจีนคือเกาหลีใต้มูลค่ารวม 4,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ประเทศจากสหภาพยุโรป เป็นอันดับ 3 ด้วยมูลค่าลงทุน 3,600 ล้านดอลลาร์ มาเลเซีย เป็นอันดับ 4 ด้วยมูลค่าลงทุน 2,600 ล้านดอลลาร์ และไต้หวันเป็นอันดับ 5 ด้วยมูลค่าลงทุน 823 ล้านดอลลาร์ สำหรับการลงทุนจากสหรัฐและญี่ปุ่น จัดอยู่ในอันดับที่ 10 และ 11 ด้วยมูลค่าลงทุน 282 ล้านดอลลาร์ และ 148 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ.

นายกรัฐมนตรีของเวียดนาม ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเวียดนามพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะดำเนินธุรกิจของตนในกัมพูชา และกระตุ้นนักลงทุนเวียดนามที่ลงทุนในกัมพูชาอยู่แล้วให้ขยายการลงทุนเพื่อสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ทางด้าน นายกรัฐมนตรี ฮุนเซน ของกัมพูชา กล่าวว่า กัมพูชาจะดำเนินนโยบายที่เอื้อประโยชน์ต่อการลงทุนให้กับนักลงทุนต่างชาติ

ที่มา: http://www.depthai.go.th