สถานการณ์การค้าไทย-อิตาลีประจำเดือนตุลาคม 2554

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday November 29, 2011 15:08 —กรมส่งเสริมการส่งออก

สถานการณ์การค้าของไทย-อิตาลี

มูลค่าการค้ารวม

เดือนตุลาคม 2554 ไทยมีมูลค่าการค้ารวม 252.8 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.5 เทียบกับเดือนตุลาคม 2553) โดยได้ดุลการค้า 21.3 ล้านเหรียญสหรัฐ

ระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม 2554 ไทยมีมูลค่าการค้ารวม 3,351.5 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.0 เทียบกับเดือนมกราคม-ตุลาคม 2553) โดยขาดดุลการค้า 56.1 ล้านเหรียญสหรัฐ

การส่งออกของไทยไปยังอิตาลี

เดือนตุลาคม 2554 ไทยส่งออกมายังตลาดอิตาลีคิดเป็นมูลค่า 137.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยปกติจะพบว่า มูลค่าการส่งออกสินค้าของไทยไปยังอิตาลีมีลักษณะแนวโน้มคล้าย ๆ กันในแต่ละปี โดยเดือนที่มีมูลค่าการส่งออกสูงสุดคือ เดือนพฤษภาคมและจะค่อย ๆ ลดลงในช่วงเดือนมิถุนายนเป็นต้นไปและจะกลับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงเดือนกันยายนและลดลงในช่วงพฤศจิกายนและเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนธันวาคมอีกครั้ง

สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย 5 อันดับแรกในเดือนกันยายน เช่น ยางพารา (สัดส่วน 9.6%) ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ (สัดส่วน 8.9%) รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (สัดส่วน 8.8%) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (สัดส่วน 7.0%) และอัญมณีและเครื่องประดับ (สัดส่วน 6.0%) เป็นต้น

โดยสินค้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ได้แก่ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ (+2,340.9%) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบของเครื่องจักรกล (+76.7%) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (+78.5%) ผลิตภัณฑ์ยาง (+50.8%) และยางพารา (+40.6%) เป็นต้น

ส่วนสินค้าที่มีการขยายตัวลดลง ได้แก่ ปลาหมึกสดแช่เย็น แช่แข็ง (-18.3%) เม็ดพลาสติก (-5.7%) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (-60.7%) และเหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ (-12.7%) เป็นต้น

ระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม 2554 ไทยส่งออกมายังตลาดอิตาลีคิดเป็นมูลค่า 1,647.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.8 เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปี 2553

สินค้าส่งออกที่สำคัญของไทย 5 อันดับแรก เช่น อัญมณีและเครื่องประดับ (สัดส่วน 10.0%) ยางพารา (สัดส่วน 9.4%) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (สัดส่วน 7.8%) ปลาหมึกสดแช่เย็น แช่แข็ง (สัดส่วน 6.1%) และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (สัดส่วน 5.0%) เป็นต้น

โดยสินค้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวของปีก่อนหน้า ได้แก่ ไขมันและน้ำมันจากพืชและสัตว์ (+4,142.4%) ยางพารา (+67.1%) ผลไม้กระป๋องและแปรรูป (+62.2%) เม็ดพลาสติก (+58.3%) และผลิตภัณฑ์ยาง (+39.9%) เป็นต้น ส่วนสินค้าที่มีการขยายตัวลดลง ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ (-22.9%) เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ (-1.5%) และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (-0.04%) เป็นต้น

การนำเข้าของไทยจากอิตาลี

เดือนตุลาคม 2554 ไทยนำเข้าจากอิตาลีคิดเป็นมูลค่า 115.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ23.8 เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งไทยมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น 22.2 ล้านเหรียญสหรัฐเทียบกับการนำเข้าเดือนตุลาคม 2553 โดยปกติจะพบว่าไทยนำเข้าสินค้าจากอิตาลีมีลักษณะแนวโน้มคล้าย ๆ กันในแต่ละปี โดยเดือนที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงสุดคือ เดือนมีนาคมและจะค่อย ๆ ลดลงในช่วงเดือนเมษายนเป็นต้นไปและกลับมีมูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคมและพฤศจิกายนของทุกปี

สินค้านำเข้าที่สำคัญจากอิตาลี ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (สัดส่วน 21.6%) เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด (สัดส่วน 10.4%) เคมีภัณฑ์ (สัดส่วน 7.8%) ผลิตภัณฑ์โลหะ (สัดส่วน 7.3%) และเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ (สัดส่วน 5.7%) เป็นต้น

โดยสินค้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากเทียบกับปีก่อนหน้า ได้แก่ เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด (+249.1%) สินค้าทุนอื่น ๆ (+104.0%) เครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ (+47.1%) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (+46.1%) และเลนซ์ แว่นตาและส่วนประกอบ (+40.0%) เป็นต้น ส่วนสินค้าที่มีการขยายตัวลดลง เช่น ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม (-47.1%) ผลิตภัณฑ์ทำจากพลาสติก (-30.5%) และเครื่องประดับอัญมณี (-5.3%) เป็นต้น

เดือนมกราคม-ตุลาคม 2554 ไทยนำเข้าจากอิตาลีคิดเป็นมูลค่า 1,703.8 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 43.4 เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันปี 2553

สินค้านำเข้าที่สำคัญจากอิตาลี ได้แก่ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (สัดส่วน 23.6%) ผลิตภัณฑ์โลหะ (สัดส่วน 13.6%) เคมีภัณฑ์ (สัดส่วน 8.8%) ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม (สัดส่วน 4.8%) และเครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ (สัดส่วน 4.6%) เป็นต้น

โดยสินค้าที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากระหว่างเดือนมกราคม-ตุลาคม เทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวของปีก่อนหน้า ได้แก่ ผลิตภัณฑ์โลหะ (+216.2%) เครื่องใช้เบ็ดเตล็ด (+60.4%) เคมีภัณฑ์ (+58.2%) เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ (+40.9%) และเครื่องมือเครื่องใช้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การแพทย์ (+40.6%) เป็นต้น ส่วนสินค้าที่มีการขยายตัวลดลง เช่น สินแร่โลหะอื่นๆ เศษโลหะและผลิตภัณฑ์ (-17.1%) และเครื่องจักรไฟฟ้าในบ้าน (-1.1%) เป็นต้น

แนวโน้มการส่งออกสินค้าไทยในปี 2555

ในขณะที่เศรษฐกิจอิตาลีกำลังอยู่ในช่วงขาลง สคต. มิลาน มองว่าการส่งออกสินค้าไทยมายังอิตาลียังคงมีโอกาสในกลุ่มสินค้าอาหาร ได้แก่ ปลาหมึกสดแช่เย็น แช่แข็ง อาหารทะเลกระป๋อง เป็นต้น สินค้าทุน และสินค้าอุตสาหกรรมที่ใช้ทดแทนสินค้าของอิตาลี แต่สำหรับสินค้าฟุ่มเฟือย-ของตกแต่งบ้าน และเฟอร์นิเจอร์ น่าจะมีการนำเข้าจากอิตาลีลดลง

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมิลาน

ที่มา: http://www.depthai.go.th


แท็ก อิตาลี   สหรัฐ  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ