“ส่งออก” แนะผู้ประกอบการไทยใช้ประโยชน์ AIFTA ให้มากกว่านี้

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 6, 2011 11:43 —กรมส่งเสริมการส่งออก

          นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เผยว่า ปัจจุบันมีผู้ประกอบการไทยที่ทำธุรกิจกับประเทศอินเดียเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการที่ส่งออกสินค้าไปยังตลาดอินเดียจะมีความคุ้นเคยเป็นอย่างดีกับการใช้สิทธิตามความตกลงเขตการค้าเสรี FTA ไทย-อินเดีย หรือ Thai-India Free Trade Agreement (TIFTA) เนื่องจากความตกลงดังกล่าวทำให้สินค้าที่ส่งออกจากไทยจำนวน 82 รายการ ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าจากประเทศอินเดียนับตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2549 เป็นต้นมา โดยสินค้ากลุ่มสำคัญที่มีการใช้สิทธิตามความตกลง TIFTA ดังกล่าวเป็นอย่างมาก ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ เครื่องประดับเพชรพลอย อลูมิเนียมเจือ            เม็ดพลาสติก เป็นต้น และเป็นที่น่ายินดีที่จากข้อมูลในเรื่องดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าในบรรดาสินค้าที่ได้รับสิทธิดังกล่าวมีผู้ประกอบการขอใช้สิทธิเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 77.11

อย่างไรก็ตาม นอกจากความตกลง TIFTA ดังกล่าวแล้ว ยังมีความตกลงที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ประกอบการไทยโดยตรง คือ ความตกลงเขตการค้าเสรี FTA อาเซียน-อินเดีย หรือ ASEAN-India Free Trade Agreement (AIFIA) ซึ่งนางนันทวัลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ถึงแม้ภายหลังจากการลงนามความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าภายใต้กรอบ AIFTA ซึ่งมีผลบังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นมา แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีสินค้ารายการที่ได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าระหว่างกันโดยสิ้นเชิง แต่ทั้งสองฝ่ายก็ได้ดำเนินการทยอยลดภาษีนำเข้าระหว่างกันตามลำดับ ซึ่งเป็นผลให้สินค้าหลายรายการที่หากผู้ประกอบการไทยจะส่งออกไปยังประเทศอินเดียจะได้รับสิทธิในการชำระภาษีนำเข้าที่ต่ำกว่าอัตราภาษีนำเข้าตามปกติ ซึ่งจะเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสการส่งออกสินค้าไทย และทำให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันกับสินค้าของคู่แข่งในตลาดอินเดียได้ดีขึ้น ซึ่งตัวอย่างสินค้าที่ไทยจะได้รับประโยชน์จากการลดภาษีของอินเดีย เช่น เคมีภัณฑ์ ผลิตภัณฑ์พลาสติก อัญมณีและเครื่องประดับ ชิ้นส่วนยานยนต์ ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียม เฟอร์นิเจอร์และส่วนประกอบ เครื่องสำอาง ผักและพืชประเภทถั่ว อาหารปรุงแต่ง ปลาซาร์ดีนกระป๋อง และน้ำผลไม้ เป็นต้น นอกจากนี้ ตามความตกลง AIFTA ผู้ประกอบการไทยยังสามารถใช้ประโยชน์จากกฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้าที่จะเอื้อประโยชน์ให้มากขึ้น เนื่องจากสามารถใช้วัตถุดิบจากภายในกลุ่มประเทศอาเซียนทั้งหมดรวมทั้งสามารถใช้วัตถุดิบจากประเทศอินเดียเองได้โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องถิ่นกำเนิดสินค้าที่จำกัดอยู่เฉพาะในประเทศไทยเท่านั้นหากเป็นการใช้สิทธิพิเศษตามความตกลง TIFTA อย่างไรก็ตาม จนกระทั่งถึงปัจจุบัน การขอใช้สิทธิพิเศษตามความตกลง AIFTA ยังมีสัดส่วนค่อนข้างน้อย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะผู้ประกอบการไทยยังไม่ค่อยทราบถึงประโยชน์ของความตกลง AIFTA ดังกล่าว

ด้านนายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ เปิดเผยว่า การได้รับยกเว้นภาษีจำนวน 82 รายการสินค้าตามความตกลง TIFTA ย่อมเข้าใจง่ายและดึงดูดความสนใจของผู้ประกอบการมากกว่า แต่เมื่อพิจารณาให้ดีแล้วจะพบว่าความ ตกลง AIFTA นั้นกว้างขวางและครอบคลุมสินค้าจำนวนมากกว่าความตกลง TIFTA มาก โดยในปัจจุบันสินค้ามากกว่าร้อยละ 70 ของรายการสินค้าทั้งหมดได้รับสิทธิในการชำระภาษีนำเข้าของอินเดียในอัตราพิเศษ ดังนั้น หากผู้ประกอบการให้ความสนใจในรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมากขึ้นย่อมจะเป็นประโยชน์โดยตรงกับตัวผู้ประกอบการเอง ซึ่งวาสามารถดูข้อเพิ่มเติมได้จากเว็บไซต์ www.thaifta.com และสายตรงผู้ส่งออก 1169

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ