รายงานผลการนำคณะผู้แทนการค้าจากบริษัท Gucci Group เดินทางไปเจรจาการค้าในไทย

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday December 20, 2011 10:31 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ความเป็นมา

๑. บริษัท Gucci Group เป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้าแฟชั่นชั้นนำของอิตาลี ปัจจุบันมีบริษัท PPR จากประเทศฝรั่งเศสเป็นเจ้าของ มีสินค้าแบรนด์ต่างๆ ในกลุ่มได้แก่ Gucci, Sergio Rossi, Balenciaga, Alexsander McQueen, Bottega Veneta, Boucheron, Yyes Saint Laurent, Stella Macartney สำหรับสินค้าแบรนด์ Gucci มีแนวนโยบายสำหรับสินค้าว่า จะต้องผลิตในประเทศ ๑๐๐% (Made in Italy) ซึ่งเป็นแนวคิดแต่เดิมของแบรนด์ แต่สินค้าภายใต้แบรนด์อื่นๆ ยังสามารถผลิตและนำเข้าวัตถุดิบรวมถึงสินค้าสำเร็จรูปมายังอิตาลีได้ ดังนั้นโอกาสที่บริษัทจะซื้อสินค้าจากไทยจึงค่อนข้างสูง

๒. เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม ๒๕๕๔ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโรม ได้รับมอบหมายจากกรมฯ ให้เข้าร่วมกับคณะอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาและรองอธิบดีกรมหม่อนไหม (นางอรทัย ศิลปนภาพร) ในการเข้าพบผู้แทนบริษัท Gucci Group ได้แก่ Mr. Klaus Bierbrauer ตำแหน่ง Worldwide Ready to Wear Operations Director และ Mr. Filippo Nishino ตำแหน่ง Business Analyst ที่สคต.โรม เพื่อหารือความเป็นไปได้ในการซื้อสินค้าจากไทยโดยเฉพาะผ้าไหม เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าของบริษัท Gucci Group โดยในโอกาสดังกล่าวคณะกรมหม่อนไหมได้นำเสนอตัวอย่างผ้าไหมที่ได้รับการรับรองตรานกยูงด้วย ซึ่งผู้แทนบริษัทได้แสดงความชื่นชมผ้าไหมไทยว่ามีคุณภาพและใช้การย้อมด้วยสีธรรมชาติ รวมทั้งการวาดรูปลายด้วยมือ และมั่นใจที่จะใช้ผ้าไหมไทยเป็นวัตถุดิบเนื่องจากสินค้าของบริษัทถึงร้อยละ ๘๐ ทำจากไหม (ปัจจุบันบริษัทนำเข้าเส้นไหม/ผ้าไหมจากจีน ญี่ปุ่น และอินเดีย) รวมทั้งยังใช้ผ้าฝ้ายปนไหมเป็นวัตถุดิบอีกด้วย ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีของสินค้าไทย แม้ว่าบริษัท Gucci Group มีนโยบายผลิตสินค้า "Made in Thailand" แต่ก็สามารถนำเข้าเส้นไหมจากไทยเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตได้ ทั้งนี้ผู้แทนบริษัทยังแจ้งว่า บริษัท Gucci มีนโยบายสำคัญคือเป็น "The Most Sustainable Luxury Company in The World" โดยคำนึงถึงคุณภาพด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมด้วย ดังนั้นหากผู้ผลิตสินค้าของไทยมีนโยบายในการผลิตสินค้าที่สอดคล้องกับนโยบายดังกล่าวของบริษัทด้วย บริษัทก็ยินดีที่จะร่วมมือเป็นคู่ค้ากันต่อไปในอนาคต

๓. สคต.โรม ได้รับแจ้งว่าบริษัทจะจัดคณะผู้แทนการค้าจำนวน ๒ คน (Mr. Klaus Bierbrauer และ Mr. Filippo Nishino) เดินทางไปไทยระหว่างวันที่ ๒๖-๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความเป็นไป ได้ในการนำเข้าสินค้าจากไทย และประสงค์ให้สคต.โรมช่วยประสานในการจัดทำนัดหมายเพื่อหารือกับหน่วยงานและผู้ประกอบการไทยด้วย โดยมีสินค้าที่ต้องการนำเข้าได้แก่ (๑) เส้นไหม (yarn) (๒) ผ้าไหม/ผ้าที่ทำจากเส้นใยแปลกๆ (สำหรับการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปและเครื่องประดับ) (๓) วัตถุดิบหนังงู/จรเข้หรือหนังแปลกๆ เพื่อใช้ผลิตกระเป๋าและเครื่องประดับ (๔) สินค้าสำเร็จรูปที่ทำจากผ้าไหม (เสื้อผ้าสำเร็จรูปแฟชั่นสำหรับคนหนุ่มสาว และเสื้อผ้าสำเร็จรูปแฟชั่นสำหรับเด็ก)

ผลการจัดทำนัดหมาย

สสค. ได้ประสานงานกับกรมหม่อนไหมและหอการค้าไทย-อิตาลีในการจัดทำนัดหมายผู้ประกอบการเส้นไหม ผ้าไหม/ผ้าที่ทำจากเส้นใยแปลกๆ (สำหรับการผลิตเสื้อผ้าสำเร็จรูปและเครื่องประดับ) วัตถุดิบหนังงู/จรเข้หรือหนังแปลกๆ เพื่อใช้ผลิตกระเป๋าและเครื่องประดับ สินค้าสำเร็จรูปที่ทำจากผ้าไหม (เสื้อผ้าสำเร็จรูปแฟชั่นสำหรับคนหนุ่มสาว และเสื้อผ้าสำเร็จรูปแฟชั่นสำหรับเด็ก) ของไทย เพื่อเจรจาการค้ากับคณะผู้แทนจากบริษัท Gucci ระหว่างวันที่ ๒๘-๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ในการนี้บริษัท Gucci คัดเลือกตัวอย่างสินค้าที่น่าสนใจของแต่ละบริษัทเพื่อนำไปตัดเป็นเสื้อผ้าสำเร็จรูป และขอให้ผู้ประกอบการไทยจัดส่งตัวอย่างผ้าไปยังบริษัทในอิตาลีพร้อมใบเสนอราคาและรายละเอียดการส่งมอบสินค้า และหากผลการพิจารณาเป็นที่พอใจบริษัทจะจัดส่งแบบดีไซน์มาให้เพื่อพัฒนาตัวอย่างสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการไทยต่อไป

ปัญหาและอุปสรรค

๑. เนื่องจากสคต. โรมได้ประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญโครงการพัฒนาผ้าผืน T3 (Mr. Marcello Massarente) ซึ่งได้เข้าพบหารือถึงรายละเอียดความต้องการของผู้นำเข้าและแจ้งว่าผู้นำเข้าต้องการพบผู้ผลิต/ผู้ส่งออกสินค้าผ้าผืนอื่นๆ ด้วย เช่น ผ้าฝ้ายที่ผสมใยยืด หรือ ผ้าถัก รวมถึงผู้ผลิตเสื้อผ้าเด็กด้วย ผู้เชี่ยวชาญจึงได้แนะนำให้ทำนัดหมายให้แก่ผู้เข้าร่วมโครงการ T3 ด้วย แต่เนื่องจากเวลากระชั้นชิดและสสค. ได้เตรียมจัดทำนัดหมายล่วงหน้าเต็มเวลาไปแล้วจึงทำให้ไม่สามารถจัดให้พบได้

๒. ผู้ประกอบการไทยมักมาสายกว่าเวลานัดหมาย ซึ่งผู้แทนบริษัท Gucci ย้ำว่าการมาสายจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ในเรื่องเวลาการส่งมอบสินค้าในอนาคต

๓. การเตรียมความพร้อมในการเจรจาการค้าของผู้ประกอบการไทยยังไม่ดีพอ โดยผู้ประกอบการไทยบางรายเตรียมข้อมูลรายละเอียดมาไม่พร้อม เช่น ไม่ได้เตรียมราคาสินค้า โดยแจ้งว่าเป็นสินค้าที่เพิ่งทดลองทำมาใหม่จึงยังไม่ได้คำนวณราคา เป็นต้น รวมถึงบุคลิก/การเจรจาความเร็วในการโต้ตอบข้อซักถาม ภาษา/การสื่อสาร ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการทำการค้าระหว่างประเทศโดยเฉพาะกับบริษัทผู้นำเข้ารายใหญ่และสำจัญเช่น Gucci รวมทั้งเพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของการเป็นผู้ส่งออกที่มีประสบการณ์ เนื่องจากเป็นที่สังเกตว่า ผู้แทนบริษัทมักจะถามถึงประสบการณ์การส่งออกไปยังตลาดยุโรป รายชื่อลูกค้า รวมถึงข้อมูลพื้นฐานต่างๆ เช่น ภาษีนำเข้าสินค้า สิทธิประโยชน์พิเศษทางการค้า ฯลฯ

สรุปและข้อเสนอแนะ

สคต.โรม เห็นว่าการเดินทางไปไทยของคณะผู้แทนจากบริษัท Gucci ครั้งนี้นับว่าเป็นโอกาสที่ดีของไทย ที่บริษัท Gucci Group ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายสินค้าแฟชั่นแบรนด์ดังหลายแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกให้ความสนใจจะซื้อสินค้าจากไทย ซึ่งในช่วง ๒-๓ ปีที่ผ่านมาสคต.โรมได้พยายามชักชวนให้บริษัทสนใจและหันมานำเข้าสินค้าจากไทยเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าของบริษัท โดยเฉพาะสินค้าผ้าไหม หนัง และอุปกรณ์ตกแต่งต่างๆ รวมทั้งเชิญชวนให้เข้าไปลงทุนในประเทศไทยด้วย เนื่องจากประเทศไทยถือเป็นศูนย์กลางของอาเซี่ยนและสามารถเชื่อมต่อไปยังจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่มีประชากรกว่า ๑,๓๐๐ ล้านคนได้ด้วย ทั้งนี้สคต.โรมเห็นว่าโอกาสที่ Gucci จะซื้อสินค้าจากไทยค่อนข้าสูง เนื่องจากผู้แทนบริษัท Gucci ได้แสดงความสนใจสินค้าหลายชนิด เช่น สินค้าผ้าไหมจากบริษัท Greenville Co. ltd. บริษัท จรูญไหมไทย บริษัท Anita Thai Silk บริษัท spun silk world มีผ้าไหมผสมถ่าน (เพื่อระงับกลิ่น) บริษัท ไทยนำโชค (ผ้าฝ้ายผสมใยแปลกๆ เช่น กล้วย สัปปะรด ข่า ฯลฯ) และย้อมสีธรรมชาติ ซึ่งเหมาะกับสินค้าของบริษัทที่เน้นเรื่องการผลิตสินค้าที่รักษาธรรมชาติ บริษัท concept tree ซึ่งมีสินค้าเสื้อ T-shirt ทำด้วยใยไผ่ ส่วนสินค้าหนังบริษัทให้ความสนใจกับบริษัท Nice and Rich มาก และอาจเป็นไปได้ที่จะย้ายฐานการผลิตกระเป๋าจากจีนมาไทย โดยได้คัดเลือกสินค้าและให้แต่ละบริษัทส่งตัวอย่างไปให้พร้อม quotation และรายละเอียดการส่งมอบต่างๆ ด้วย อย่างไรก็ดี สคต.โรมมีข้อกังวลในด้านของผู้ประกอบการไทยที่จะต้องจัดส่งตัวอย่างสินค้าพร้อมข้อมูลรายละเอียดตามที่ผู้แทนบริษัท Gucci ต้องการ ซึ่งจะต้องเร่งดำเนินการโดยด่วน ( ภายใน ๑-๒ สัปดาห์หลังการพบหารือ) เนื่องจาก Gucci เป็นบริษัทที่มีความสำคัญระดับโลกที่มีระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านกำหนดเวลาที่ต้องรวดเร็ว ทั้งนี้คณะผู้แทน Gucci ยังให้ความสนใจกับผู้ประกอบการไทยที่มีระบบ supply chain ตั้งแต่ต้นน้ำไปยังปลายน้ำด้วย โดยสคต.โรมจะประสานกับสสค.ในการแจ้งรายชื่อให้ Gucci ทราบต่อไป

อนึ่งผู้แทนบริษัทแจ้งว่า หากสสค.ต้องการแนะนำผู้ประกอบการไทยเพื่อนำเสนอสินค้าขอให้ติดต่อบริษัท Gucci ได้โดยตรง หรือหากมีแผนการเดินทางไปจัดแสดงสินค้าของผู้ส่งออกไทยในอิตาลี สหภาพยุโรป หรือจีน ก็ขอให้แจ้งให้บริษัททราบด้วยจะได้เพื่อประสานการนัดหมายในการเดินทางไปเยี่ยมชมคูหาผู้ส่งออกไทยในงานดังกล่าวต่อไปด้วย

ทั้งนี้สคต.โรมจะได้ติดตามความคีบหน้าผลการพิจารณาของบริษัท Gucci และรายงานผลให้กรมทราบเป็นระยะๆ ในโอกาสต่อไป

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโรม

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ